พระเครื่อง

หลวงพ่อพันธ์เกจิยอดนิยมเมืองสองแคว

หลวงพ่อพันธ์เกจิยอดนิยมเมืองสองแคว

27 ส.ค. 2555

หลวงพ่อพันธ์ สุสิโม เกจิอาจารย์ยอดนิยมอันดับ ๑ แห่งเมืองพิษณุโลก : อ.โจ้ ขวัญทอง สอนศิริ

                เหรียญและรูปหล่อโบราณพระครูประพันธ์ศีลคุณ หรือหลวงพ่อพันธ์ สุสิโม วัดบางสะพาน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้รับยกย่องว่าเป็น พระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งในสกุลพระเกจิอาจารย์เมืองพิษณุโลก แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ดินแดนประวัติศาสตร์ราชธานีสองแผ่นดินในปัจจุบันนี้
   
              หลวงพ่อพันธ์ สุสิโม เกิดเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.๒๔๓๖ ณ บ้านโพนหนอง ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ภายหลังครอบครัวได้อพยพมาอยู่ที่บริเวณวัดน้อย จ.พิษณุโลก จนอายุได้ ๑๘ ปี ได้เข้ารับราชการเป็นพลตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอนครไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๔ ท่านชอบเข้าป่าหาว่านยาและแร่ธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ ที่ท่านสนใจมาแต่อายุได้ ๑๖ ปี และได้ศึกษาอาคมและอักขระเลขยันต์เบื้องต้น จากหลวงปู่หุย อินใหญ่ วัดหัวร้อง อ.นครไทย (มรณภาพในราว พ.ศ.๒๔๕๙) และหลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง อ.ชาติตระการ เจ้าของตะกรุดราวนม ขนาด ๗ นิ้ว อันโด่งดังของภาคเหนือ (มรณภาพ ในราว พ.ศ. ๒๔๗๐) เป็นพื้นฐานเพื่อป้องกันตัวและไข้ป่า เนื่องจากเป็นป่าดงดิบมีสัตว์ร้ายชุกชุม
   
              เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ได้ลาออกจากราชการตำรวจ ไปอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดราชบูรณะ จ.พิษณุโลก มีพระครูอนุโยคศาสนกิจ (รอด อินทสโร) รองเจ้าคณะแขวงเมืองพิษณุโลกเป็นพระอุปัชฌาย์ ใน พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมเอก ภายหลังได้ลาสิขาบทมาดูแลบิดามารดาที่ป่วยไม่ได้มีผู้ดูแล ต่อมาท่านเกิดรู้สึกเบื่อหน่ายฆราวาสเพราะหาความสงบได้ยาก จึงขออนุญาตบิดามารดา อุปสมบทใหม่ ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีพระวรญาณมุนี (พร้อม พุทธสโร นิลพงศ์ ปธ.๗) เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ และเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลกเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า "สุสิโม" แปลว่า "ผู้มีความชำนาญในพระเวท"
   
              ประมาณ พ.ศ.๒๔๗๗ หลวงพ่อได้เจริญสมณธรรมและศึกษาตำรา คัมภีร์ สรรพวิชาอาคมต่างๆ จนเชี่ยวชาญ โดยในพรรษาที่ ๕  ได้มาปกครองวัดดอนทอง และเป็นเจ้าคณะหมวดดอนทอง ใน พ.ศ.๒๔๘๒ แล้วย้ายไปจำพรรษาปกครองวัดตลาดชุม อ.วังทอง ใน พ.ศ.๒๔๘๓ เนื่องจากเจ้าอาวาสว่างลง (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดวังทองวราราม พ.ศ.๒๕๑๓) และเป็นเจ้าคณะแขวงวังทอ ใน พ.ศ.๒๔๘๔
   
              หลวงพ่อพันธ์ สุสิโม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะแขวง ชั้นโท ที่พระครูประพันธ์ศีลคุณ ในราว พ.ศ. ๒๔๘๕-๒๔๘๖ และเลื่อนสมณศักดิ์ เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราว พ.ศ.๒๔๘๙-๒๔๙๐ 
          
              ท่านจึงได้นำว่านยาแร่ธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ ที่ท่านสะสมไว้ มาผสมบดรวมกับชานหมากที่ท่านชอบฉัน เพื่อแจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์ เพื่อใช้เป็นเครื่องรางของขลังป้องกันตัวในยุคแรกๆ นับแต่ท่านอายุได้ ๔๘ ปี  ในราว พ.ศ.๒๔๘๔ ยุคสงครามอินโดจีน ต่อมาจึงได้ สร้างเป็นพระเครื่องพระพิมพ์รูปภาพกระจก และจีวรตลอดจนตะกรุด แจกตลอดมา
       
              หลวงพ่อพันธ์ สุสิโม ท่านเป็นพระสมถะ เจริญในสันโดษธรรม จึงลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอวังทอง จึงย้ายมาอยู่ที่วัดบางสะพาน ในราว พ.ศ. ๒๕๐๓ และได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๘ สิริอายุได้  ๘๒  ปี  ปัจจุบันหลวงพ่อพันธ์มรณภาพมาเป็นเวลากว่า ๓๗ ปี แต่สังขารของท่านกลับไม่เน่าสลายไปตามหลักธรรมชาติ เป็นรูปแรกของสังฆมณฑลเมืองพิษณุโลก


พระเครื่องยอดนิยม
   
              พระเครื่องยอดนิยมได้แก่เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อพันธ์รุ่นแรก เหรียญรูปพัดยศ หรือรูปพัดพุดตาน ๑๖ แฉก สร้างที่ระลึกในงานฉลองพัดยศ เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราว พ.ศ.๒๔๘๙-๒๔๙๐ เป็นเหรียญทองแดงปั้มกะไหล่ทอง รูปหลวงพ่อพันธ์ ครองจีวรห่มคลุมครึ่งองค์ ล้อมด้วยอักขระพระคาถาพระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์ ด้านหลังจารึกยันต์ตรีนิสิงเห นิยมกันเรียกว่า "เหรียญจักร" ซึ่งหาได้ยากยิ่งเนื่องจากเป็นเหรียญสร้างน้อย จำนวน ๑,๕๐๐ เหรียญ และมีประสบการณ์สูงส่งเป็นยิ่งหนัก จึงนิยมแสวงหากันมาก ค่านิยมอยู่ในหลักแสนต้น ๆ
   
              เหรียญรูปเหมือน รุ่น ๒ หรือ เหรียญใบโพธิ์ สองหน้า เนื้ออัลปาก้า สร้าง ใน พ.ศ.๒๕๐๔ เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อลงทุนนั่งรถไฟไปสั่งทำที่โรงงานกรุงเทพด้วยตัวเอง แสวงหากันหลักหมื่นต้น ๆ และ เหรียญรูปเหมือน รุ่น ๓ สร้าง พ.ศ.๒๕๑๖ อายุ ๘๐ ปี หลังยันต์ครู นิยมเรียกกันว่า "เหรียญขวาน" เนื่องจากวัยรุ่นคล้องไปเที่ยวงานเขาสมอแคลงแล้วถูกรุมฟันด้วยขวานแต่ไม่เข้าจึงนิยมแสวงหาหลัก ค่านิยมอยู่ในหมื่นต้น ๆ และมีของปลอมระบาด
   
              เหรียญรุ่นสุดท้าย สร้างในโอกาสฉลองอายุครบ ๘๑ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นเหรียญรูปเหมือนนั่งสมาธิเต็มองค์ ทรงรูปไข่ มี ๒ พิมพ์คือ พิมพ์หลังชินราช และพิมพ์หลังยันต์ครู มหาโชค มหาลาภ สร้าง ๓ เนื้อ คือ  เหรียญทองคำ ค่านิยมหลักแสนต้นๆ เหรียญเงิน ค่านิยมหลังสามหมื่นขึ้น และเหรียญทองแดง ค่านิยมหลักพันปลายๆ
   
              รูปหล่อโบราณหลวงพ่อพันธ์ ฝืมือเทดินไทยแต่งมือโดย จ.ส.อ.ดร.ทวี บูรณะเขตต์ เพื่อหารายได้สร้างอุโบสถและบันไดทางขึ้นเขาสมอแคลง สร้างเมื่อพ.ศ.๒๕๑๐ ปัจจุบันนิยมแสวงหากันมาก ค่านิยมอยู่ในหลักแสนกลางๆ สำหรับรูปหล่อเนื้อเงิน ที่มีอยู่ประมาณ ๙ องค์ ส่วนเนื้อนวโลหะและสัมฤทธิ์ ค่านิยมอยู่ในหลักแสนต้นๆ  เป็นต้น รวมทั้งพระหล่อโบราณพิมพ์ ชินราช และนางพญา หลังโค้ดอกเลา แสวงกันหลักหมื่นต้นๆ ถึงกลาง ๆ
    
              เหรียญและรูปหล่อโบราณ ตลอดจน พระเครื่อง พระพิมพ์ และวัตถุมงคลชนิดชนิดต่างๆ ของหลวงพ่อพันธฺ สุสิโม มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นเอกอุในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม รวมทั้งมีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในพุทธคุณอันสูงส่งเป็นยิ่งนัก จึงเป็นพระเครื่องพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของเมืองพิษณุโลก ในปัจจุบันเป็นที่นิยมแสวงหากันมาก ทั้งในส่วนท้องถิ่นและส่วนกลางเป็นยิ่งนัก