
พล.ต.ท.ภาณุ'เลือก!'แขวนพระตามภารกิจประจำวัน
พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล'เลือก!'..แขวนพระตามภารกิจประจำวัน : สรณะคนดัง เรื่อง/ภาพโดยไตรเทพ ไกรงู
"ตั้งกองทุนสวัสดิ?การ?ให้ตำรวจภูธร?ในสังกัดภาค ๓ ทุกจังหวัด ?เพื่อ?เป็นสวัสดิ?การ?แก่ข้าราช?การตำรวจ ซึ่งมีกำลังพลประมาณ ๒๐,๐๐๐ นาย"
เป็นแนวคิดและความตั้งใจของ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.๓ และผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค ๓ ทั้งนี้ได้จัดงานประกวดพระ?เครื่อง?เหรียญคณาจารย์?ทั้งยอดนิยม?และทั่ว?ไป ?โดย?ได้รับ?การสนับสนุนจากสมาคม?ผู้นิยมพระ?เครื่องพระบูชา?ไทย ?เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ที่มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จ.นครราชสีมา ซึ่งถือว่าเป็นอีกงานประกววดพระเครื่องงานหนึ่งที่ประสบความสำเร็จรับรายได้ไปประมาณ "๑๔ ล้านบาท"
พล.ต.ท.ภาณุ ถือว่าเป็นนายตำรวจที่มีความสนใจศึกษาพระเครื่อง โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านพุทธคุณที่ได้สัมผัสด้วยตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน ชนิดที่เรียกว่า "จัดพระเครื่องไว้เป็นชุดๆ โดยจะเลือกแขวนพระตามภารกิจประจำวันเท่านั้น"
ในกรณีปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักงานตามปกติก็จะมีพระให้เลือกแขวนหลายชุด แล้วแต่ภารกิจแล้วแต่โอกาส หลักๆ ที่ใช้อยู่ในการทำงานปกติจะแขวนพระทางเมตตามหานิยมเป็นหลัก โดยแต่ละชุดจะพระสมเด็จพิมพ์ทรงต่างๆ เป็นพระประธาน ส่วนองค์รองๆ ก็จะเป็นพระซุ้มกอ พระหลวงปู่ศุข เป็นต้น
ทั้งนี้ หากเป็นช่วงเทศกาลแต่งตั้งโยกย้าย คนในวงการราชการ โดยเฉพาะทหารและตำรวจ จะมุ่งเน้นไปที่ “พระหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อสมณศักดิ์” แต่สำหรับ พล.ต.ท.ภาณุ กลับเลือกแขวน “พระหลวงปู่บุญ ปางนางสะดุ้งกลับ วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม” โดยให้เหตุผลว่า “เพราะชื่อของปางนางสะดุ้งกลับเป็นนามมงคล ที่จะคอยปัดเป่าคุ้มครองคนที่คิดไม่ดี คิดร้ายให้กลับสู่คนนั้น” ทั้งนี้จะแขวนคู่กับพระสมเด็จ และพระซุ้มกอ ซึ่งขึ้นชื่อว่า “เป็นพระเมตตาแบบสุดๆ” เพราะเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ได้เลื่อนตำแหน่งที่ควรจะเป็น
"พระที่ใช้ไม่เหมือนกัน มีหลายชุด จะเลือกแขวนตามโอกาสที่แตกต่างกัน ถ้าต้องเดินทางไปรถยนต์ไกลๆ หรือเครื่องบิน ที่ขาดไม่ได้คือ พระหลวงพ่อทวด เช่น ในวันนี้ต้องเดินทางไปรักษาการณ์การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ จ.สุรินทร์ ก็จะนิมนต์พระหลวงปู่ทวด พิมพ์ใหญ่ ไหล่จุด หูขีด ปี ๒๔๙๗ โดยจะแขวนคู่กับตะกรุดหลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ จะเรียกพระชุดนี้ว่า พระชุดเดินทาง” นี่เป็นคำยืนยันของ พล.ต.ท.ภาณุ
สำหรับเหตุผลที่ต้องเลือกแขวนพระตามภารกิจนั้น พล.ต.ท.ภาณุ บอกว่า มาจากประสบการณ์ตรงที่ได้สัมผัสมาด้วยตัวเอง ตั้งแต่เป็นสารวัตร เป็นผู้กำกับ ได้ทดลองแขวนพระที่มีคำร่ำลือถึงพุทธคุณที่แตกต่างกัน เช่น พระหูยาน จ.ลพบุรี พระไพรีพินาศ วัดบวรฯ พระยอดขุนพล พระเหล่านี้เป็นพระที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระแนวบู๊ คงกระพันชาตรี วันใดที่แขวนพระชุดนี้อยู่ในที่ทำงานปกติ มักจะมีเรื่องมีราวให้ต้องถกเถียงกับจนอื่นที่เรียกว่าไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่เรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็กหาสาระไม่ได้ก็กลับกลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ ซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้ง จึงเปลี่ยนเป็นพระชุดเมตตามหานิยม ไม่น่าเชื่อเลยว่า ตั้งแต่แขวนพระชุดดังกล่าวไม่เคยมีปัญหาข้อขัดแย้งในการทำงานเลยสักครั้งเดียว
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ใช้กับผมไม่ได้ เพราะผมเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีจริง หากเราเคารพเราศรัทธาปาฏิหาริย์ก็เกิดกับคนคนนั้น ผมต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่นับหมื่นๆ ครั้ง ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยสักครั้งเดียว ทุกครั้งที่จะเกิดเหตุมักมีรางบอกเหตุล่วงหน้า หรือเกิดความฝัน โดยจะออกเดินทางช้าหรือออกให้เร็วกว่ากำหนดการเดิมมากขึ้นหน่อย รถทุกคันต้องมีพระรูปเหมือนหลวงพ่อทวดติดอยู่ เผื่อว่าวันใดลืมแขวนท่านไป” พล.ต.ท.ภาณุ กล่าว
ส่วนที่มาของพระแต่ละองค์นั้น พล.ต.ท.ภาณุ บอกว่า มีทั้งที่เช่าและได้รับมอบมาเป็นที่ระลึก ซึ่งส่วนให้จะเป็นประเด็นหลัง โดยเก็บพระมาตั้งเป็นร้อยตำรวจตรีโน่น ส่วนพระเท่าที่จากพรรคพวกนั้น จะเช่าในลักษณะกึ่งขอมาใช้มากกว่า โดยส่วนใหญ่จะเช่าองค์ละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท โดยมีคติในการเช่าพระว่า “พระเครื่องไม่จำเป็นต้องมีหลาก ไม่จำเป็นต้องให้ครบทุกวัด เอาองค์ที่ชอบ เอาองค์ที่มีพุทธคุณเด่นชัดเท่านั้นพอ”
พล.ต.ท.ภาณุ พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "ถึงผมจะขึ้นชื่อว่าเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ผมจะให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ ทุกตำแหน่งทุกหน้าที่ล้วนมีความสำคัญและเกื้อหนุนกันเสมอ เมื่อเราให้เกียรติลูกน้องเราย่อมได้รับเกียรติจากลูกน้องเสมอ เราไม่อาจทำงานลำพังเพียงคนเดียวได้ ตำรวจต้องทำงานกันเป็นทีม การทำดีให้ผู้ใหญ่เห็นนั้นไม่เท่ากับทำความดีให้ลูกน้องได้ประจักษ์ แม้ว่าการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งจะอยู่ที่อำนาจของผู้ใหญ่ แต่ผู้ที่จะส่งเสียงให้ผู้ใหญ่ได้ยินคือผู้ใต้บังคับบัญชาเรานั่นเอง"
พอเพียงที่ตำรวจภูธรภาค ๓
"ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง ตำรวจภูธรภาค ๓" เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งของ พล.ต.ท.ภาณุ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครอง และตำรวจภูธรภาค ๓ ในการส่งเสริมให้ผู้นำองค์กร หรือผู้นำชุมชน นำความรู้จากการอบรมศึกษาดูงาน ไปแนะนำให้ราษฎรในชุมชนทำโครงการเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อประชาชนได้อยู่ดีกินดี คาดว่าปัญหาด้านต่างๆ ในชุมชนจะลดลง ถือว่าเป็นกิจกรรมที่น่ายกย่อง ที่ผู้นำชุมชนได้มีโอกาสใกล้ชิดหรือร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันแก้ไขปัญหา เพื่อพัฒนาปรับปรุง ให้ท้องถิ่นหรือชุมชนอยู่อย่างสงบสุข ตามปรัชญาพอเพียง และเพื่อสนองแนวพระราชดำริ
พล.ต.ท.ภาณุ บอกว่า โครงการต้นแบบ ที่กำลังพลภาค ๓ ร้อยละ ๘๐% มาจากเกษตรกรให้การสนับสนุน และเป็นแบบอย่างโครงการที่ดีของตำรวจทั่วประเทศ หากเริ่มปฏิบัติตามปรัชญา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว จะมีความมั่นคงแข็งแรง มีภูมิคุ้มกัน มีประสิทธิภาพในด้านอาชีพการงาน (รักบ้าน-รักครอบครัว และมีความสุข-ความเจริญ จากการสนองแนวพระราชดำริ) คำนิยาม ความพอเพียง ประกอบด้วย ๓ คุณลักษณะพร้อมๆ กัน ดังนี้
๑.ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกิดไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ๒.ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ และ ๓.การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล