
พระมหาไชยสยามนักการศึกษาวัดเขาสะท้อน
พระมหาไชยสยาม พระนักการศึกษานักพัฒนาแห่งวัดเขาสะท้อน : เรื่อง / ภาพโดยไตรเทพ ไกรงู
“วัดเขาสะท้อน” ต.หนองไม้แก่น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ สำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดฉะเชิงเทรา และได้รับอนุญาตให้สร้างวัดอย่างถูกต้องเมื่อวันที่ ๒๓-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ และต่อมาได้ประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา
ในการสร้างวัดนั้น หลวงพ่อประหยัด ทีปธมฺโม ถือว่าเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งในการสร้างวัดซึ่งไม่เหมือนพระสงฆ์ทั่วไป เพราะท่านเป็นพระสงฆ์ที่รักความสันโดษไม่มีทรัพย์สินเงินทองเป็นของตนเอง ปัจจัยที่ญาติโยมถวายท่านก็จะนำไปสร้างศาสนประโยชน์ภายในวัดจนเป็นที่รักใคร่ของญาติโยมทั่วไป ขณะเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านได้ปรารภกับพระครูเมตตามงคลวิศิษฏ์ เจ้าอาวาสวัดวิศิษฏ์บุญญาวาส/เจ้าคณะแขวงทวีวัฒนา กทม.ไว้ว่า ถ้าท่านมรณภาพลงให้ช่วยดำเนินการสร้างโบสถ์ให้วัดเขาสะท้อนด้วย
หลังจากนั้นพระครูเมตตามงคลวิศิษฏ์ ได้ประสานงานกับญาติโยมชาวบ้านเขาสะท้อนให้ไปนิมนต์พระมหาไชยสยาม ปญฺญาคโม (มาหลี) วัดจันทร์ประดิษฐาราม เขตภาษีเจริญ กทม. มาดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดเขาสะท้อน เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๒ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาสะท้อนเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๒ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
ภาพของพระมหาไชยสยาม คนทั่วๆ ไป อาจจะมองว่าท่านเป็นพระต่างจังหวัด ภูมิความรู้คงไม่เท่าไร แต่ความจริงแล้วท่านจบนักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดตาลเรียงบ้านผือ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปรียญธรรม ๕ ประโยค จากสำนักเรียนวัดบุณยประดิษฐ์ เขตบางแค กทม. ปริญญาตรี ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปริญญาโทรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร กทม. ปริญญาโท (รัฐศาสตร์การปกครอง รุ่นแรก) มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยวิทยาเขตสิรินธร จ.นครปฐม
พระมหาไชยสยาม จับงานเผยแผ่มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๕ ได้รับมอบหมายงานจากเจ้าอาวาสวัดจันทร์ประดิษฐารามให้ทำหน้าที่ปฏิบัติงานจัดกิจกรรมต่างๆ ภายใน/ภายนอกวัด ดังนี้ ๑.จัดให้มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร พร้อมทั้งมีการฝึกสมาธิวิปัสสนากรรมฐานตลอดพรรษา ๒.คัดเลือกพระภิกษุที่มีคุณวุฒิความรู้ไปช่วยสอนวิชาพระพุทธศาสนาภายในโรงเรียนวัดจันทร์ประดิษฐาราม, โรงเรียนจันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม และโรงเรียนอื่นๆ
๓.จัดให้มีการแสดงพระธรรมเทศนาทั้งปี ทุกวันธัมมัสวนะ ๔.จัดให้มีโครงการ “สวดมนต์ทำวัตรเย็น (แปล) นั่งบำเพ็ญสมาธิภาวนา และฟังปาฐกถาธรรมพิเศษ (ทุกวันศุกร์)” ต่อเนื่องตลอดปี ๕.จัดให้มีกิจกรรมพัฒนาศักยภาพของเยาวชน/ชุมชน/สถานศึกษาต่างๆ ๖.จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมด้านพระพุทธศาสนา เช่น การประกวดแข่งขัน สวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ/บรรยายธรรม และตอบปัญหาธรรมะ ฯลฯ และ ๗.จัดให้มีโครงการสาธยายพระไตรปิฎกเฉลิมพระเกียรติในสถานศึกษานั้นๆ พ.ศ ๒๕๕๒ จนถึงปัจจุบัน
ส่วยประกาศเกรียติคุณที่ได้รับ เช่น พ.ศ.๒๕๔๓ ได้รับโล่รางวัลและเกียรติบัตร “ครูพระผู้มีผลงานด้านจริยศึกษาดีเด่น และครูสอนจริยศึกษาดีเด่น” จากรัฐมนตรีช่วยว่าการศึกษาธิการ
พ.ศ.๒๕๔๕ ได้รับโล่รางวัลและเกียรติบัตร “ครูพระผู้ส่งเสริมกิจกรรมด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยดีเด่น” จากศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
พ.ศ.๒๕๔๖ ได้รับโล่รางวัลและเกียรติบัตร “ครูพระสอนจริยธรรม/ผลิตสื่อการเรียน การสอน ด้านพระพุทธศาสนาดีเด่น” กระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ.๒๕๔๘ ได้รับโล่รางวัลและเกียรติบัตร “ผู้ทำคุณประโยชน์ด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยในสถานศึกษาดีเด่น” จาก สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
พ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับโล่รางวัลเชิดชูเกียรติยศ "พระวิปัสสนาจารย์ สอนวิชากรรมฐาน" จากมหาเถรสมาคม ประเทศบังกลาเทศ ณ วัดจันทรวิหาร เมืองจิตตะกอง บังกลาเทศ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๔๓
ทั้งนี้ พระมหาไชยได้ให้เหตุผลของการเลือกเรียนรัฐศาสตร์การปกครองในระดับปริญญาโทไว้อย่างน่าคิดว่า "ถ้าเราจะเป็นครูบาอาจารย์การมีความรู้เรื่องพุทธศาสนาอย่างเดียวคงไม่ทันโลก การเลือกเรียนรัฐศาสตร์การปกครองทำให้รู้เรื่องการเมืองทางโลก เมื่อจบออกมาสามารถสอนทั้งการเมืองทางโลกและการเมืองทางธรรม"
อย่างไรก็ตามแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพระที่มีคสามรู้ ความสามารถ แต่เมื่อครั้งที่ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสใหม่ พระมหาไชย บอกว่า มีสภาพไม่แตกต่างจากการตั้งเจ้าอาวาสใหม่วัดอื่นๆ คือ มีเสียงสนับสนุนและกระแสต่อต้าน สิ่งหนึ่งที่เจ้าอาวาสจะกลบกระแสต่อต้านได้ คือ สร้างผลงานในส่วนของการเผยแผ่และพัฒนาวัดให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะวัดในต่างจังหวัดต้องทำงานเรื่อการก่อสร้างและพัฒนาให้เห็นผลงานเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ได้เริ่มก่อสร้างซุ้มประตูวัด จากนั้นก็สร้างโบสถ์ หล่อพระประธาน
โดยปัจจัยส่วนใหญ่มาจากคณะศรัทธาของผู้ปฏิบัติธรรมจากกรุงเทพฯ ส่วนงานด้านการเผยแผ่นั้นจะทำทุกวันเทศกาลสำคัญทางศาสนา เนื่องจากสถานที่ และเวลาของญาติโยมไม่เอื้ออำนวย