พระเครื่อง

ดวงตาเห็นธรรม(wisdom eyes)

ดวงตาเห็นธรรม(wisdom eyes)

26 ก.ค. 2555

ดวงตาเห็นธรรม(wisdom eyes) : บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร

               สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเก่าแก่มากว่า ๒,๐๐๐ ปี ตามความเชื่อของชาวเนปาล คือ “สถูปสวะยัมภูนาถ” (Swayambhunath) หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ “วัดลิง” อันเนื่องมาจากที่นี่มีลิงอาศัยอยู่มากมายนั่นเอง จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เราจะพบเห็นลิงจำนวนมากระหว่างเดินขึ้นไปยอดเขา     
 
               ที่ตั้งของสถูปสวะยัมภูนาถนี้ ตั้งอยู่บนยอดเขาห่างจากตัวเมืองกาฐมาณฑุ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนี้ ไปทางตะวันตกประมาณ ๓ กิโลเมตร เป็นสถูปที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของเนปาล ด้านบนก่อนถึงยอดสถูปสร้างเป็นสี่เหลี่ยม มีภาพวาดเป็นรูปดวงตาไว้ทั้ง ๔ ด้าน มีความหมายว่า ดวงตาเห็นธรรมหรือดวงตาแห่งปัญญา (Wisdom Eyes) เป็นสถูปที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างศาสนาพุทธและ ฮินดูซึ่งเป็นศาสนาที่ประชากรส่วนใหญ่ในเนปาลนับถือมากที่สุด
 
               ดวงตาแห่งปัญญาทั้ง ๔ ด้าน ที่มองไปในทุกทิศ  มีปริศนาธรรมที่ควรพิจารณาใคร่ครวญกับการใช้หลักในการดำรงชีวิตของสรรพสิ่ง ไม่ว่าสังคม ประเทศชาติ ศาสนา เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ใด ถ้ายังประกอบด้วยปัญญา ความสันติสุขก็จะปรากฏอยู่ในสังคม ประเทศชาติ ศาสนา เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์นั้น เพราะทุกชีวิตจะรู้ในหน้าที่ของตน เคารพและกระทำถูกต้องในหน้าที่นั้นๆ รวมทั้งเคารพในสรรพสิ่งอย่างเกื้อกูลพึ่งพาอาศัยกัน เพราะการดำรงอยู่ของเรา ต้องพึ่งพาปัจจัยต่างๆ มากมาย ทั้งภายในและภายนอก ที่ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้ ถึงแม้เราจะมีศักยภาพ ความสามารถเพียงใด เราก็ต้องพึ่งพาปัจจัยร่วมอีกมากมายจึงจะทำให้สำเร็จและปรากฏ
 
               เราต้องไม่ลืมว่าการกระทำทั้งหมดนั้น ต้องไม่เป็นไปเพื่อความอวดตน หลงตน ทะนงตน ลืมตน เพราะทุกสิ่งที่เรามีวันนี้ ล้วนแล้วแต่มาจากธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่ได้มีสิ่งใดๆ เป็นของเราเลยแม้แต่น้อย เราล้วนหยิบยืมจากธรรมชาติ แต่เรากลับไปยึดติดสมมติว่าเป็นของเรา           
 
               รากแห่งปัญหา ความเดือดร้อน ความทุกข์ทั้งปวง เพราะเราไม่ขอบคุณและอยู่ตรงนั้นกับทุกๆ สิ่ง ที่เกื้อกูลให้เราดำรงอยู่อย่างแท้จริง เราไม่สามารถอยู่ได้เลย ถ้าไม่มีปัจจัยเล็กน้อยๆ ที่เกื้อกูลเรา แม้แต่อากาศที่เรามองไม่เห็น เมื่อเราไร้ซึ่งดวงตาแห่งปัญญา ที่จะเห็นความทุกข์ในตน จากความอหังการ มมังการ ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักนำเราทุกชีวิตไปสู่ความพินาศ
 
               เมื่อเรากระทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์แห่งตน หมู่หรือกลุ่มของตน เราจะยึดครอบครองตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนกระทั่งเรื่องของโลก เราไม่ได้กระทำเพื่อความปล่อยวาง เพื่อประโยชน์ ความผาสุกของมวลมนุษยชาติ ความทุกข์ทั้งหมดเหล่านั้นจะไม่มีวันหมดไป เพราะเราจะปกป้องความคิด ความเห็น การกระทำตน และปฏิเสธ ความคิด ความเห็น การกระทำที่ตรงกันข้าม เป็นที่มาแห่งการทำลายล้าง ความเดือดร้อน ก็ปรากฏทั้งแก่ตนและทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่อย่างไม่มีวันจบสิ้น           
 
               เมื่อเรามีดวงตาแห่งปัญญา นั่นคือ จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหา และเราต้องเริ่มเรียนรู้ที่หยุด และกระทำทุกสิ่งด้วยความว่างจากอคติ ทำงานเพื่อทำงาน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ที่แอบแฝงที่เราตกเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น เงิน อำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ ยศถาบรรดาศักดิ์ ฯลฯ เป็นสิ่งที่สร้างกรงขังของชีวิตอย่างถาวร ทำให้เราสูญเสียอิสรภาพภายในตน           
 
               แม้เวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป ดวงตาแห่งปัญญา ยังคงดำรงอยู่ในสรรพชีวิตทั้งมวล เพียงแค่เรากลับมาใช้ชีวิตอย่างรู้เท่าทันความใคร่ ความโลภ ความโกรธ และความหลง ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ไม่เอาสิ่งทั้งผองเป็นตัวฉัน ของฉัน อิสรภาพที่แท้จะอยู่ตรงนั้นกับเรา           
 
               เธอ คือ ดวงตาแห่งปัญญา           
 
               ณ ที่ซึ่งมีทุกข์ ที่ดับแห่งทุกข์ คือ ที่เดียวกัน