พระเครื่อง

‘ต้น ท่าทราย’สายตรงพระหลวงพ่อทวด

‘ต้น ท่าทราย’สายตรงพระหลวงพ่อทวด

08 ก.ค. 2555

‘การได้ดู พระแท้องค์จริง คือผลกำไร’‘ต้น ท่าทราย’ สายตรง พระหลวงพ่อทวด : เส้นทางนักพระเครื่อง โดยตาล ตันหยง

               สมัย เมื่อกว่า ๓๐ ปีก่อน พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ยังไม่แพร่หลายทั่วเมืองไทยเหมือนเช่นทุกวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเก็บสะสมของชาวบ้านในท้องถิ่น ที่มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเท่านั้น คนต่างถิ่นยังไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก ในส่วนของนักพระเครื่องส่วนกลางยังนิยมกันน้อย เพราะเช่ามาทีไรก็เป็น พระเก๊  ทุกครั้ง เลยพากันเข็ดขยาด
    
               ทั้งนี้ก็เพราะสมัยนั้นหลักการดู พระหลวงพ่อทวด ยังไม่มีข้อยุติ แม้แต่เซียนพระหาดใหญ่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่างคนต่างดูกันด้วยหลักการพิจารณาที่แตกต่างกันไป ในขณะเดียวกัน ประสบการณ์อภินิหารต่างๆ ที่เกิดมาจากองค์ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ก็มีปรากฏให้พบเห็นอยู่เสมอๆ ความอยากได้ พระแท้ จึงยังฝังอยู่ในหัวใจของชาวบ้านและเซียนพระทุกแห่งหน
    
               ต่อมาเมื่อวิวัฒนาการบ้านเมืองเจริญขึ้น การติดต่อสื่อสารดีขึ้น และมี “สื่อ” พระเครื่องเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลักการดู พระหลวงพ่อทวด มีความชัดเจนขึ้น รวมทั้งเซียนพระแต่ละจังหวัดในภาคใต้ได้แลกเปลี่ยนความรู้การดู พระหลวงพ่อทวด มากขึ้น จึงได้ข้อยุติในการพิจารณาพระแต่ละพิมพ์แต่ละรุ่นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และด้วยเหตุผลที่ตรงกัน พร้อมกับได้เผยแพร่ข้อสรุปนั้นเข้าสู่สนามพระส่วนกลางในกรุงเทพฯ จนเป็นที่ยอมรับหลักการดู พระแท้ ที่ตรงกัน ทำให้ พระหลวงพ่อทวด เป็นที่นิยมกันขึ้นเรื่อยๆ และขยายออกไปในวงกว้าง จนทั่วประเทศ และในบางประเทศใกล้เคียง
    
               ทุกวันนี้มีผู้ดู พระหลวงพ่อทวด ได้เก่งขึ้นมากมาย ไม่เฉพาะแต่คนภาคใต้เท่านั้น แม้แต่นักพระเครื่องหรือเซียนพระส่วนกลางก็มีความรู้ความสามารถในการดู พระหลวงพ่อทวด ได้อย่างเฉียบขาดเช่นกัน
    
               และหนึ่งในนั้นก็คือ ทัศนะ แสงทอง เจ้าของฉายา ต้น ท่าทราย ผู้เชี่ยวชาญพระสายหลวงพ่อทวด อีกคนหนึ่งที่กำลังมาแรงในขณะนี้
    
               “ผมสนใจพระมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพราะคุณพ่อซึ่งเป็นครูได้เก็บสะสมพระเครื่องมาก่อน พร้อมกับการอ่านหนังสือพระมาตลอด ผมเลยซึมซับความรู้สึกนึกชอบพระเครื่องตามรอยคุณพ่อ วันหนึ่งผมได้ไปสนามพระท่าพระจันทร์กับคุณพ่อ พร้อมกับเหรียญพระพุทธชินราช หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ๒ เหรียญ ปรากฏว่ามีผู้ให้ราคา ๕ พันบาท คุณพ่อไม่ขาย ต่อมามีผู้เสนอราคาที่ ๕ หมื่นบาท จนถึง ๘ หมื่นบาท คุณพ่อก็ยังไม่ขาย ตรงนี้ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า พระเครื่องที่แท้มีราคาสูง จึงตั้งใจว่าจะต้องเอาดีทางนี้ สมัยนั้นบ้านผมอยู่ที่ถนนลาดพร้าว ๘๗ ต่อมาผมได้ย้ายมาอยู่กับคุณแม่ที่ประชานิเวศน์ ๒  เรียนหนังสือชั้นมัธยมใกล้บ้าน แล้วต่อ ปวช. จนไปจบมหาวิทยาลัยศรีปทุม สาขาบริหารธุรกิจ จากนั้นได้เข้าทำงานร้านวิดีโออยู่ ๖ เดือน ก็ลาออกมาทำธุรกิจซื้อขายพระบนห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน อย่างเต็มตัว จนถึงทุกวันนี้” ต้น ท่าทราย เล่าย้อนอดีตของตัวเองที่ผ่านมา
    
               ต้น ท่าทราย เล่าต่ออีกว่า “ช่วงที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมที่ประชานิเวศน์ ๒ ผมได้ซื้อพระตามแผงที่วางขายอยู่ในละแวกนั้น ลองผิดลองถูก เพราะไม่มีใครสอน พระที่ซื้อมานั้นผมเอาขึ้นไปขายบนชมรมพระเครื่องมรดกไทย โดยขายให้ "พี่แจ็ค" เป็นประจำจนสนิทสนมกันพอสมควร พี่แจ็คก็สอนให้ผมดูพระตั้งแต่ตอนนั้น โดยเฉพาะพระพุทธชินราช อินโดจีน ที่ไม่มีโค้ด เพราะราคาไม่แพง ผมเลยได้ซื้อพระพิมพ์นี้เอามาขายต่อพี่แจ็คเสมอๆ ทำให้ได้กำไรที่น่าพอใจ สำหรับเด็กนักเรียนอย่างผม ที่เริ่มหารายได้ด้วยตนเอง ต่อมาผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ รู้สึกว่าท่านเก่งมาก จึงได้เช่าพระหลวงพ่อทวดจากพี่แจ็ค พร้อมกับคำแนะนำที่ดีๆ ทำให้ผมเริ่มดูพระหลวงพ่อทวดเป็นขึ้น แต่ยังไม่กล้าซื้อ เวลาไปพบเห็นพระหลวงพ่อทวดหรือพระอย่างอื่นๆ ที่ไหนก็จะโทรบอกพี่แจ็คให้มาดู ถ้าเป็นพระแท้จะหุ้นกันซื้อ ขายได้กำไรก็เอามาแบ่งกัน ขณะเดียวกันทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า พระแท้มีลักษณะอย่างไร รวมทั้งเรื่องของราคาที่เหมาะสม พระองค์ที่ผมส่องดูแล้วคิดว่าเป็นพระแท้ หากเรียกพี่แจ็คมาซื้อแสดงว่าเป็นพระแท้ เท่ากับเราสอบผ่านพระพิมพ์นั้น และหากพระองค์ไหนพี่แจ็คมาดูแล้วไม่ซื้อ แสดงว่าเป็นพระปลอม เท่ากับเราสอบตกในการดูพระพิมพ์นั้น ต้องปรับปรุงแก้ไขต่อไป”
     
               ต้น ท่าทราย กล่าวถึงการเรียนรู้ดูพระให้เป็นว่า หากเราสนใจพระประเภทไหนก็ให้หาซื้อพระชนิดนั้นจากผู้ชำนาญพระสายนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะรับประกันพระแท้ให้ด้วย แม้ว่าราคาจะสูงกว่าที่อื่นก็ต้องซื้อมาเพื่อศึกษาพิมพ์ทรงและเนื้อหามวลสารขององค์พระ จนจำได้แล้วจึงค่อยขายออกไป เพื่อเอาเงินมาซื้อพระองค์ต่อไป ในบางครั้งอาจจะขายขาดทุนไปบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่เราได้คือความรู้จากการดูพระแท้องค์จริงคือผลกำไร ถือเป็นค่าตำราก็แล้วกัน พอเราจำพระพิมพ์นั้นได้แม่นแล้ว ต่อไปพบเห็นที่ไหนเราจะซื้อได้ในราคาที่ไม่แพงกว่าองค์ก่อนๆ และเมื่อขายออกไปย่อมได้กำไร อันนี้เป็นหลักการดูพระให้เป็น ด้วยการอาศัยพระองค์ครูที่ได้มาก่อน เป็นสิ่งที่ ต้น บอกว่า ใครก็ตามที่เพิ่งเข้ามาสู่วงการพระใหม่ๆ หากต้องการเรียนรู้ดูพระให้เป็นควรจะยึดเป็นตัวอย่าง ถ้าทำได้ตามนี้รับรองว่าจะดูพระได้เก่งในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
     
               “การได้ซื้อพระบ่อยๆ จากผู้ชำนาญในพระสายนั้น จะทำให้เกิดมิตรภาพและความผูกพันที่ดี เมื่อมีปัญหาอะไรสอบถามเขาก็ย่อมได้รับคำตอบที่ถูกต้อง อันเป็นข้อมูลสำหรับการเรียนรู้ในการดูพระสายนั้น  การไปสอบถามเซียนพระโดยไม่ได้ซื้อพระจากเขาเลย ใครเขาจะบอกความจริงให้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้ใช้หลักการนี้ในการศึกษาพระเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นพระของเกจิอาจารย์ท่านใดก็ตาม” ต้น ท่าทราย กล่าวแนะนำในตอนหนึ่ง
     
               สมัยก่อนพระแท้มีมากมาย แต่ทุกวันนี้มีผู้สนใจซื้อขายพระกันมากขึ้น ทำให้หาพระแท้ได้ยากขึ้น ตรงนี้ ต้น ท่าทราย บอกว่า “ผมโชคดีที่สมัยก่อนมีพระแท้วางขายกันทั่วไป โดยเฉพาะตามงานประกวดพระ ทำให้ผมมีโอกาสได้ซื้อพระหลวงพ่อทวดหลายรุ่นหลายพิมพ์ที่ไม่แพงนัก จนสามารถเรียนรู้ดูพระสายนี้เป็นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะมาถึงยุคกระแสนิยมพระหลวงพ่อทวดที่กำลังมาแรงเช่นทุกวันนี้ ทำให้ผมซาบซึ้งในบุญบารมีของหลวงพ่อทวดมาก เรียกได้ว่า ผมแจ้งเกิดได้ในทุกวันนี้ก็ด้วยพระหลวงพ่อทวด เมื่อมีโอกาสผมจึงต้องเดินทางไปกราบท่านที่วัดช้างให้เสมอๆ พร้อมกับทำบุญกับทางวัด ซึ่งก็แปลกทุกครั้งที่ผมทำเช่นนี้ พอกลับมากรุงเทพฯ ผมจะต้องได้ซื้อพระหลวงพ่อทวดเป็นประจำ สิ่งนี้ผมคิดว่า หลวงพ่อทวด ได้เมตตากับผมโดยตรง นอกจากนี้เวลาผมติดขัดปัญหาอะไรก็ตาม หากตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท่าน มักจะได้รับความสำเร็จสมหวังเสมอ ผมคิดว่านี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดที่ผมเทิดทูนบูชาด้วยความจริงใจตลอดมา”
     
               ทุกวันนี้ นอกจากการดู พระหลวงพ่อทวด ได้อย่างชำนาญแล้ว ต้น ยังมีความสามารถในการพิจารณา พระหลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทิม หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค และพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมอื่นๆ อีกด้วย รวมทั้งพระกรุบางพิมพ์ เช่น พระสกุลลำพูน พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง และพระเมืองสุพรรณ อื่นๆ โดยมีร้านอยู่ใน ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน
    
               ต้น ท่าทราย บอกในตอนท้ายว่า “พระพิมพ์ไหนที่จดจำพิมพ์ทรงเนื้อพระได้แม่นแล้ว เมื่อซื้อมาแล้วจะรีบขายออกไป ทันที โดยบวกกำไรแต่น้อย เพื่อจะได้นำเงินไปซื้อพระองค์ต่อไป แต่ถ้าเป็นพระสวยสมบูรณ์มากๆ จะเก็บไว้ไม่รีบขายต่อ เพราะพระสวยเก็บไว้นานวันจะยิ่งเพิ่มค่านิยมมากขึ้นเรื่อยๆ  ถือเป็นการเก็บหลักทรัพย์ที่มั่นคงยิ่งกว่าการเล่นหุ้น พระสวยแท้ไม่มีวันลดค่าราคาลงอย่างแน่นอน การซื้อพระระดับกลางจะออกตัวได้ง่าย เพราะราคาไม่แพงมาก  ทำให้เรามีเงินหมุนเวียนเร็วขึ้น โดยปกติผมจะเกาะกลุ่มกับ พี่แจ๊ค และ ยุทธ เราสามคนจะแยกกันออกหาซื้อพระตามงานประกวดพระทุกแห่ง พอได้พระมาคนละหลายๆ องค์จะเอาพระมาแชร์กัน ใครมีลูกค้าพระสายไหนก็เอาพระองค์นั้นไป ทำให้ทุกคนมีพระขายกันถ้วนหน้า การเล่นพระแบบมีกัลยาณมิตรเช่นนี้ทำให้กว้างขึ้น โอกาสผิดพลาดมีน้อย การเล่นพระคนเดียวโอกาสผิดพลาดย่อมมีมาก จึงไม่ขอแนะนำ และหากท่านผู้ใดมีปัญหาเกี่ยวกับพระเครื่อง เชิญไปปรึกษาผมได้ ยินดีต้อนรับเสมอ”