
พล.ต.ต.อนุรุธขอเป็น'ลูกหลวงพ่อทวด'
พล.ต.ต.อนุรุธ กฤษณะการะเกตุกับการปวารณาเป็น "ลูกหลวงพ่อทวด" : สรณะคนดังเรื่อง/ภาพ สุพิชฌาย์ รัตนะ /ศูนย์ข่าวภาคใต้
การบูชาหรืออาราธนาพระเครื่องของขลังจากแต่ละสำนักมาคล้องคอหรือติดตัวเพื่อความเป็นสิริมลคลของแต่ละคนนั้น ย่อมมีที่มาอันแตกต่างหลากหลายกันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องของเหตุผลส่วนตัวในแต่ละบุคคล เฉกเช่นเดียวกับ “พล.ต.ต.อนุรุธ กฤษณะการะเกตุ” รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รอง ผบช.ศชต.) ซึ่งมีความเคารพเลื่อมใสศรัทธาใน “พระหลวงพ่อทวด” เป็นอย่างมาก และด้วยประจักษ์ถึงปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตัวและคนรอบข้างและมีโอกาสได้เห็นถึงบารมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์จึงก่อเกิดเป็นความศรัทธาจนปวารณาตัวขอเป็นลูกหลานหลวงพ่อทวดตั้งแต่ปีแรกที่รับราชการในพื้นที่ปักษ์ใต้จวบจนถึงทุกวันนี้ เป็นเวลากว่า ๓๐ ปีแล้ว
“พล.ต.ต.อนุรุธ” เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า พื้นเพเดิมเป็น "คนฝั่งธน” เกิดและเติบโตมาก็มี “พระสมเด็จบางขุนพรหม” ซึ่งเป็นมรดกของครอบครัวห้อยติดตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร กระทั่งโตเป็นหนุ่มเรียนนายร้อยจบแล้วก็เข้าสู่เส้นทางนายตำรวจเต็มตัว ต่อมามีโอกาสได้รับราชการที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับเขตพื้นที่สีแดงหลายอำเภอในจังหวัดยะลา โดยขณะนั้นมีปัญหาความรุนแรงปะทุอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงได้อาราธนา “พระสมเด็จวัดระฆัง” ติดตัวเพื่อเป็นขวัญและกำลังในการปฏิบัติหน้าที่การงาน
ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องผจญกับผู้ร้ายและมีเหตุการณ์ความรุนแรงรวมถึงปัญหาอาชญากรรมมากมาย ทำให้อาราธนาพระสมเด็จวัดระฆังติดตัวเพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจ แต่น่าแปลก คือ นายตำรวจทั้งโรงพักรวมถึงชาวบ้านทั้งอำเภอแขวนพระหลวงพ่อทวดเพียงอย่างเดียว แทบจะไม่มีใครแขวนพระสำนักอื่นในยุคนั้นเลยแม้แต่คนเดียว จึงเกิดความสงสัยในฐานะคนต่างถิ่นจนได้เริ่มเสาะแสวงหาคำตอบจนถึงบางอ้อเมื่อทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “หลวงพ่อทวด” คือ “สมเด็จเมืองใต้”
“หน้าที่ของผมในฐานะพนักงานสอบสวนสมัยนั้นต้องไปในที่เกิดเหตุทุกคดี และได้เห็นเหตุการณ์มากับตัว นั่นคือ คนที่รอดตายจากรถชน รถคว่ำ รอดพ้นคมกระสุนปืนคนร้าย ล้วนแขวนพระหลวงพ่อทวดทั้งสิ้น ซึ่งบางเรื่องแทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะรอดตายมาได้” พล.ต.ต.อนุรุธ กล่าวย้ำ
สำหรับตัวอย่างเหตุการณ์ที่เห็นกับตา เช่น ขณะนั้นเพื่อนคนหนึ่ง คือ ร.ต.ท.วิบูลย์ สร้อยแก้ว ซึ่งปฏิบัติราชการที่โรงพักโคกโพธิ์ ใกล้วัดช้างให้ โดยระหว่างที่ยืนอยู่ริมถนน มีรถสิบล้อสองคันขับตีคู่กันมา ทันใดนั้นคันหนึ่งได้เกิดเสียหลักพุ่งเข้าชนเพื่อนนายตำรวจจนติดไปกับตัวรถก่อนจะทะยานใส่บ้านห้องแถวพังราบเป็นหน้ากลอง แต่เพื่อนสนิทคนนั้นรอดตายราวปาฏิหาริย์ มีเพียงบาดแผลที่โดนน้ำมันเครื่องลวกผิวหนังเท่านั้น โดยในคอห้อยพระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ เพียงองค์เดียวเท่านั้น
อีกประการหนึ่งที่ทำให้ “พล.ต.ต.อนุรุธ” หันมาสนใจและศึกษาพระหลวงพ่อทวดอย่างจริงจัง คือ การได้เดินทางไปกราบสักการะ “รูปเหมือนหลวงพ่อทวด” และ “สถูปหลวงพ่อทวด” รวมถึง “รูปเหมือนพระอาจารย์ทิม” ที่วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ได้เห็นพลังศรัทธาของชาวบ้านทั่วทุกสารทิศ แห่แหนมายังวัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก สังเกตได้จากแท่นเทียนในวิหารมีมากมายเป็นพันเป็นหมื่น ทั้งที่ใน พ.ศ.๒๕๒๑-๒๕๒๒ การเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรถรายังมีน้อย ถนนหนทางที่เต็มไปด้วยป่าเขา จึงเป็นบทสะท้อนให้เห็นถึงพลังที่เลื่อมใสของชาวบ้านมีต่อหลวงพ่อทวดได้อย่างเด่นชัด
“ผมมาอยู่ปักษ์ใต้ด้วยความชอบวัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้เห็นภาพคลื่นศรัทธาประชาชนที่มีต่อหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ทำให้รู้สึกว่าเรามีแหล่งพักพิงทางใจที่แท้จริง และตั้งแต่วันนั้นได้กราบกรานบอกต่อหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ว่าขอฝากตัวเป็นลูกหลานอีกคน” พล.ต.ต.อนุรุธ กล่าว
พร้อมกันนี้ รอง ผบ.ศชต.ยังบอกว่า เส้นทางราชการในพื้นที่ปักษ์ใต้ตลอด ๓๓ ปี ลุยมาหมดทุกแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่สีแดง ทั้งยะลา นราธิวาส สงขลา สตูล มีเหตุการณ์แคล้วคลาดอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจากการปะทะ ถูกซุ่มโจมตี หรือเข้าปิดล้อมคนร้าย แต่ที่จำไม่เคยลืม คือ เมื่อครั้งเป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ เมื่อมีการตรวจยึดวัตถุระเบิดที่คนร้ายเตรียมบึ้มรถบัส โดยเจ้าหน้าที่นำมาเก็บไว้ที่โรงพัก วันหนึ่งมีข้าราชการตำรวจประชุมอยู่ใกล้ๆ กับสถานที่เก็บวัตถุระเบิด แต่เคราะห์ดีที่ ตชด.เอาไปทำลาย ปรากฏว่าแรงระเบิดสามารถทำลายล้างภูเขาได้เกือบทั้งลูก
“พลังทำลายล้างระเบิดลูกนั้นมหาศาลมาก แต่เคราะห์ดีมันไม่ทำงาน แถมผมยังนั่งประชุมอยู่ใกล้ๆ นับเป็นเคราะห์ดีที่ผ่านมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมมั่นใจว่า เป็นเพราะบารมีหลวงพ่อทวดที่คุ้มครอง และช่วยให้แคล้วคลาดภยันอันตราย” รอง ผบ.ศชต.กล่าว
เมื่อถามถึง "พระหลวงพ่อทวด” ที่อาราธนาติดตัวเป็นประจำทุกวันในยามที่ต้องทำงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ รอง ผบ.ศชต.กล่าวว่าคือ “พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน พิมพ์ใหญ่ รุ่นแรก ปี๒๔๙๗ เหรียญรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ และเหรียญน้ำเต้า” ซึ่งเป็นชุดที่ไม่ห่างกาย ทั้งนี้ จะนิมนต์พระหลวงพ่อทวดรุ่นอื่นๆ ติดกายบ้างตามโอกาส แต่ยืนยันว่า หลวงพ่อทวดที่มีจะใช้ทุกองค์ รวมถึงครุฑของพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ที่น้อยคนนักจะรู้จักว่า นี่คืออีกหนึ่งวัตถุมงคลชั้นดีจากสำนักแห่งนี้
'หลวงพ่อทวด'ทุกองค์มีลายแทง
ตลอดระยะเวลา๓๓ ปี บนเส้นทางราชการสายปักษ์ใต้ของนายตำรวจจากเมืองหลวงผู้นี้ ได้เก็บสะสมพระเครื่องหลวงพ่อทวด มาอย่างต่อเนื่อง โดยวิธีการที่แตกต่างไปจากนักสะสมรายอื่น ทั้งนี้ พล.ต.ต.อนุรุธ จะใช้การพิสูจน์ในแนวแบบฉบับของตำรวจ นั่นคือ สืบเสาะหาที่มาของพระแต่ละองค์จนถึงต้นตอ เพื่อให้ได้ประวัติชัดเจน นอกเหนือไปจากการใช้แว่นขยายส่องดูเพื่อตรวจสอบความแท้ขององค์พระ จากเนื้อหามวลสารและพิมพ์ทรงเท่านั้น
เช่น พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน พิมพ์ใหญ่ ปี ๒๔๙๗ ที่ใช้ติดตัว ได้มาจากนายดาบอารมณ์ ตำรวจรุ่นเดียวกับ “จ่าเพียร” ซึ่งรอดตายจากการปะทะกับคนร้าย และได้รับเหรียญรามาธิบดี ก่อนจะย้ายไปรับราชการที่ จ.ระนอง เป็นผู้มอบให้ พร้อมกับคำพูดที่ว่า “ผมไม่ต้องเสี่ยงแล้ว แต่นายยังเสี่ยง ขอให้พระไว้คุ้มครองนาย”
ส่วนหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน พิมพ์กลักไม้ขีด ปี ๒๔๙๗ เดิมเป็นพระที่อยู่กับหลวงพ่อดำ เจ้าอาวาสวัดมุจรินทวาปีวิหาร จ.ปัตตานี หนึ่งในพระผู้ร่วมสร้างหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก โดยได้มอบพระองค์นี้ให้กับหลาน ซึ่งทำงานแขวงการทางที่ปัตตานี โดย “พล.ต.ต.อนุรุธ” ต้องเอาพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ๓ องค์ไปแลกถึงจะได้มาครอบครอง
“พระหลวงพ่อทวดทุกเนื้อ ทุกพิมพ์ ทุกองค์ของผม จะต้องมีลายแทงบอกที่มาที่ไปชัดเจน และผมจะสืบด้วยตัวเองว่า พระแต่ละองค์เป็นมาอย่างไร เพื่อให้แน่ใจว่า เป็นของแท้และศักดิ์สิทธิ์จริง ดังนั้นทุกองค์จะมีข้อความบอกเจ้าของเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะผ่านมากี่คนก็ตาม ก่อนจะมาอยู่กับผม ถือว่าเป็นการให้เกียรติเจ้าของเดิม” พล.ต.ต.อนุรุธ กล่าว