
เรียนรู้การดูพระแบบครูพักลักจำแจ็ค พรหม ๙๙
เรียนรู้การดูพระแบบครูพักลักจำ แจ็ค พรหม ๙๙ ผู้ชำนาญพระหลายหน้า: เส้นทางนักพระเครื่อง โดยตาล ตันหยง
เซียนพระ ในทุกวันนี้มีจำนวนไม่น้อยที่ชอบทำตัวเป็นคนประเภท “คมในฝัก” มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย สมถะ รักสันโดษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่อวดรู้อวดเก่ง ไม่ชอบทำตัวเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ทั้งๆ ที่มีความรอบรู้ในเรื่องพระเครื่องอย่างแตกฉาน และมีสายตาในการดูพระเครื่องแต่ละประเภทได้อย่างเฉียบขาด ดำรงชีพอยู่ด้วยการซื้อขายพระเป็นกิจวัตรประจำวัน โดยการซื้อมาขายไป เอากำไรแต่น้อย เพื่อจะได้เป็นลูกค้ากันไปนานๆ
“แจ็ค พรหม ๙๙” เป็นเซียนพระสายเลือดใหม่อีกคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในวงการพระเครื่องด้วยวิถีทางดังกล่าว
บรรเจิด โกสุมกาญจนา คือชื่อจริงของ แจ็ค พรหม ๙๙ เป็นชาวบางใหญ่ จ.นนทบุรี สมัยเด็กครอบครัวได้ย้ายไปทำไร่ที่ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี “แจ็ค” จึงได้เรียนหนังสือชั้นประถมที่นั่น ต่อมาได้กลับเรียนต่อชั้นมัธยมที่ จ.นนทบุรี หลังจากถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเรืออยู่ที่สัตหีบครบ ๒ ปีแล้ว ได้ทำงานเป็นพนักงานขายนมซีพีเมจิ อยู่ระยะหนึ่งก่อนออกมาซื้อขายพระเครื่อง...จนถึงทุกวันนี้
“ผมเริ่มสนใจพระเครื่องสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่กับพี่สาว โดยคุณพ่อของพี่เขยเป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง ยามว่างท่านจะให้ผมไปทำความสะอาดหิ้งพระ พร้อมกับบอกว่า หากชอบพระองค์ไหนให้เอาไปได้เลย ผมจึงเลือกเหรียญพระจำนวนหนึ่งห่อผ้าเช็ดหน้าเอากลับบ้าน พี่ชายผมเป็นคนชอบพระอยู่แล้ว พอเห็นเข้าก็เลยเอาพระที่ได้มานั้นไปหมด ผมจึงกลับไปขอพระจากคุณพ่อของพี่เขยมาใหม่ เป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้ง ทำให้ผมเกิดความสนใจสะสมพระขึ้นมาโดยปริยาย ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร แท้หรือไม่ก็ไม่รู้” แจ็ค เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่สนใจพระ
ช่วงที่ทำงานขายนมซีพีเมจิ พอมีเงินเดือนแล้ว “แจ็ค” บอกว่าได้เอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อพระตามสนามท่าพระจันทร์, จตุจักร, วัดมหาธาตุ ฯลฯ พร้อมกับซื้อหนังสือพระมาศึกษา ดูจุดตำหนิต่างๆ ของพระที่ซื้อมา ปรากฏว่ามีทั้งแท้และปลอม
“ต่อมาเมื่อห้างบางลำภู งามวงศ์วาน (ทุกวันนี้คือห้างพันธุ์ทิพย์) เปิดใหม่ๆ มีตลาดพระอยู่บนชั้น ๔ ผมจึงหันมาซื้อพระบนนี้ พร้อมกับวางขายพระที่ซื้อมานั้นบนแผงพระที่ว่าง ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เรียกว่าเล่นพระแบบตามใจชอบ ไม่มีการรับประกันแต่อย่างใด จนได้พบกับลูกค้าผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านให้ผมหาเหรียญหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ รุ่นแรก ปี ๒๔๗๓ ซึ่งผมมีความสนใจหลวงพ่ออี๋มาก่อน สมัยที่ผมเป็นทหารเรืออยู่ที่สัตหีบ จึงรู้จักนักสะสมเหรียญสายนี้เป็นอย่างดี จึงไปหาเขา โดยเจ้าของเหรียญยินดีให้ผมเอาเหรียญไปขายก่อน แล้วค่อยจ่ายเงิน เหรียญนี้สมัยนั้นซื้อขายกันที่กว่า ๑ แสนบาท ปรากฏว่าผมขายได้ โดยได้กำไร ๒ หมื่นบาท ผมดีใจมาก เพราะคนซื้อเหรียญนี้เอาไปแห่แล้วเป็นเหรียญแท้ ทำให้ผมมีกำลังใจ และตั้งใจว่าจะเอาดีทางอาชีพนี้ให้ได้” แจ็ค กล่าวในตอนหนึ่ง
“แจ็ค” บอกวิธีศึกษาพระเครื่องว่า “ที่ผ่านมาไม่มีใครสอนให้ผมดูพระเป็น แต่ผมได้อาศัยเรียนแบบครูพักลักจำ หากสนใจพระสายไหน ก็จะไปหาเซียนพระสายนั้น พร้อมกับซื้อพระจากเขาก่อน โดยให้รับประกันด้วยว่าเป็นพระแท้ จากนั้นผมจะเอาพระองค์นั้นไปวางขายต่อ ในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมาเล็กน้อย หากมีเซียนพระคนอื่นผ่านมาพบเห็น ถ้าเขาถามราคาหรือต่อราคา แสดงว่าพระองค์นี้เป็นพระแท้ ผมจะเอาพระองค์นี้เป็นองค์ครู ศึกษาหารายละเอียดบนองค์พระให้หมด แล้วจดจำเอาไว้ให้แม่น จึงค่อยขายออกไป ผมจะทำวิธีนี้เป็นประจำ ตอนแรกๆ เราอาจจะซื้อพระจากเซียนสายตรงในราคาสูง แต่หากเราเรียนรู้ดูพระจนเป็นแล้ว ก็สามารถหาซื้อพระได้ด้วยตนเอง ในราคาที่ถูกกว่าเดิม นั่นหมายถึงผลกำไรเราจะได้มากขึ้นด้วย ระยะแรกที่เรายังดูพระไม่เป็น ก็ต้องยอมซื้อแพงไปก่อนเป็นของธรรมดา เซียนพระส่วนใหญ่หากเราซื้อพระจากเขาบ่อยๆ ก็สามารถขอความรู้เขาได้บ้าง เช่นว่า พระแท้ดูตรงไหน พิมพ์นิยมดูตรงไหน พิมพ์ธรรมดาดูตรงไหน ความคุ้นเคยจะทำให้เซียนพระผู้ชำนาญพระสายนั้น บอกเราโดยไม่ปิดบัง เพื่อเราจะได้ซื้อพระจากเขาในโอกาสต่อไปอีก นอกจากนี้ สิ่งที่เราได้ตรงนี้อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของราคา คบกันนานๆ เราจะรู้ได้เองว่า ราคาซื้อขายพระแต่ละองค์ควรอยู่ที่เท่าไร ถึงจะเหมาะสม แพงเกินไปก็ไม่มีคนซื้อ ถูกเกินไปก็ขาดทุน”
ความโชคดีอย่างหนึ่งของ “แจ็ค” คือ มีนักธุรกิจเจ้าของกิจการหลายแห่งเป็นลูกค้าขาประจำ ทุกวันจะโทรมาถามว่า วันนี้ได้พระอะไรมาบ้าง สวยไหม หากเป็นพระสวยเขาจะมาซื้อทันที บอกราคาเท่าไรก็เท่านั้น ไม่เคยต่อรองราคาเลย ทั้งนี้เพราะเขาเชื่อถือ “แจ็ค” มาก โดยเฉพาะประเด็นพระแท้และราคาที่ไม่แพง ซึ่งเขาได้พิสูจน์มาแล้วหลายครั้ง โดยการเอาพระที่ซื้อจาก “แจ็ค” ไปให้คนที่ดูพระเป็นวิจารณ์ ผลที่ได้รับคือความพอใจในองค์พระที่ได้ซื้อไป นอกจากเป็นพระแท้แล้ว ราคายังถูกกว่าที่คิด
ด้วยเหตุนี้ พระแต่ละองค์ที่ “แจ็ค” ขายออกไปจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องผิดหวัง ทั้งในเรื่องพระแท้และราคาที่ไม่แพงกว่าคนอื่น
ทุกวันนี้ “แจ็ค” สามารถดูพระได้หลากหลายประเภท ทำให้ซื้อขายพระได้ทุกวัน โดยซื้อมาขายไปในราคาที่ไม่แพงมากนัก เอากำไรแต่น้อย เพราะส่วนใหญ่มักจะขายให้เพื่อนๆ ในวงการพระด้วยกัน ทำตัวเหมือนกับ “ยี่ปั๊ว” คือขายส่ง มากกว่าการขายให้ผู้ใช้พระโดยตรง ฉะนั้น การเปิดราคาขายจึงต้องให้เพื่อนๆ ได้กำไรด้วย เพื่อจะได้กลับมาซื้อขายพระกันนานๆ
โดย “แจ็ค” มองว่า การอยู่ในวงการพระจะต้องมีเพื่อนมากๆ เพื่อช่วยกันทำมาหากิน ในงานประกวดพระไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม จะมีเพื่อนวงการพระจากต่างจังหวัด มักจะมีพระมาขายให้ “แจ็ค” เสมอ เพราะรู้ว่า เขาชอบพระอะไร ซึ่งพระที่ซื้อมานี้ “แจ็ค” จะกระจายให้เพื่อนๆ ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มเดียวกัน คือ ยุทธนา วงศ์กนกสิน และ ต้น ท่าทราย ที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นประจำ ใครได้พระอะไรก็จะเอามาแบ่งปันกันเสมอ
๑๖ ปีที่ “แจ็ค” ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่ในวงการพระมาจนถึงทุกวันนี้ พระเครื่องที่ “แจ็ค” ซื้อขายมากที่สุด คือ พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค พระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ วัดทรายขาว และวัดพะโคะ รวมทั้งพระยอดนิยมและพระทั่วไปอื่นๆ ตามกระแสนิยมของวงการพระในทุกวันนี้ โดยมีตู้พระ แจ็ค พรหม ๙๙ อยู่ในชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โทร.๐๘-๑๘๕๐-๗๖๓๗
พูดถึง พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา แล้ว “แจ็ค” บอกว่า สมัยที่เริ่มสนใจพระใหม่ๆ มีความศรัทธาพระหลวงพ่อปานมาก พบเห็นที่ไหนเป็นต้องซื้อเอาไว้เสมอ ปรากฏว่าพระหลวงพ่อปานทุกองค์ที่ซื้อมานั้น (สมัยที่ยังดูพระไม่เป็น) เป็นพระปลอมทั้งนั้น เสียเงินไปก็มาก ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีเงิน เรียกว่า ซื้อพระปลอมจนเข็ดขยาด
วันหนึ่ง “แจ็ค” ได้ไปกราบรูปเหมือนหลวงพ่อปาน ที่วัดบางนมโค พร้อมกับอธิษฐานจิตบอกท่านว่า ศรัทธาเลื่อมใสพระของท่านมาก ที่ผ่านมาได้แต่พระปลอมเสมอ จึงขอให้หลวงพ่อปานได้โปรดประสาทพรให้มีโอกาสได้พระแท้ของท่านบ้าง และขออย่าให้มีราคาแพง เพราะมีเงินไม่มาก
หลังจากนั้น ๓ วัน “แจ็ค” ก็ได้พระหลวงพ่อปาน พิมพ์ไก่หาง ๓ เส้น พร้อมเลี่ยมกรอบทอง ในราคา ๗,๓๐๐ บาท เอาไปให้ผู้รู้ดูแล้วปรากฏว่าเป็นพระแท้แน่นอน
ต่อมาไม่ถึงเดือน มีผู้นำพระหลวงพ่อปาน พิมพ์ไก่หางพวง มาให้อีก ๒ องค์ ราคา ๗๕,๐๐๐ บาท “แจ็ค” จึงได้แบ่งขายออกไปองค์หนึ่งในราคา ๑ แสนบาท นอกจากได้กำไรแล้วยังได้เป็นเจ้าของ พระหลวงพ่อปาน พิมพ์ไก่หางพวง อีกองค์หนึ่ง ซึ่งเท่ากับพระองค์นี้ไม่มีราคาต้นทุน
ด้วยเหตุนี้ “แจ็ค” จึงมั่นใจว่า หลวงพ่อปาน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก อธิษฐานขอพรอะไรก็มักจะสมหวังเสมอ โดยเฉพาะที่ขอให้ได้พระแท้และราคาไม่แพง ท่านก็เมตตาส่งพระที่มีราคาถูกมาให้จริงๆ
“แจ็ค” ได้อาศัยพระหลวงพ่อปาน ๒ องค์นี้ศึกษาเป็นพระองค์ครูตั้งแต่สมัยนั้น ทุกวันนี้ “แจ็ค” สามารถดูพระหลวงพ่อปานทุกพิมพ์ได้ด้วยสายตาเปล่า โดยไม่ต้องอาศัยแว่นขยาย ก็บอกได้เลยว่าเป็น พระแท้ หรือ ปลอม
ท่านผู้อ่านที่ศรัทธาเลื่อมใสใน พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หากไม่แน่ใจว่าพระที่ท่านมีอยู่นั้นเป็น พระแท้ หรือ พระปลอม จะเอาไปให้ “แจ็ค” ช่วยดูให้ก็ได้...ยินดีเสมอ