พระเครื่อง

เราอยู่กับความเคยชินหรือ'รู้สึกตัว'พระอาจารย์ประสงค์

เราอยู่กับความเคยชินหรือ'รู้สึกตัว'พระอาจารย์ประสงค์

12 มิ.ย. 2555

เราอยู่กับความเคยชินหรือ'รู้สึกตัว'พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุญโญ : พึ่งตนพึ่งธรรม เรื่องและภาพ โดยมนสิกุล โอวาทเภสัชช์

              "มีเด็กคนหนึ่งอายุ ๖ ขวบ คุณพ่อคุณแม่พามาปฏิบัติธรรมกับอาตมา วันหนึ่งเขากินก๋วยเตี๋ยวมาแล้วเล่าให้ฟัง อาตมาเลยถามว่า กินก๋วยเตี๋ยวเห็นอะไร เด็กตอบว่า เห็นสามอย่าง คือ ๑. เห็นกายมันเคลื่อนไหว ตักก๋วยเตี๋ยวใส่ปาก ๒. เห็นปากขยับขึ้น ขยับลง เห็นอาการเคี้ยวที่มันเกิดขึ้น ๓. เห็นความรู้สึกที่เกิดรสชาติขึ้นที่ลิ้น เห็นจิตมันบอกว่า ก๋วยเตี๋ยวอร่อย รู้สึก ก็สักแต่ว่ารู้สึก เพราะฉะนั้น ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสรุปสอนพระพาหิยะจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ว่า ...พาหิยะ เธอควรศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเห็นก็สักแต่ว่าเห็น เมื่อได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน เมื่อรู้ก็สักแต่ว่ารู้ เมื่อรู้สึกก็สักแต่ว่ารู้สึก เธอจะไม่มีทั้งโลกนี้ เธอจะไม่มีทั้งโลกหน้า สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่พาหิยะนั้น ถือเป็นที่สุดของวิปัสนา นั่นก็คือการมีสติรู้เท่าทันทุกขณะจิต จิตก็จะไม่หลงไปตามสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบ เห็นทุกสิ่งตามที่เป็นจริง
 
                "อาตมาประทับใจเด็กคนนี้มาก คนที่อยู่ในห้องปฏิบัติธรรม มีใครที่เห็นอย่างนี้บ้าง"
 
                พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุญโญ กลุ่มธรรมะกลับตาลปัตร อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าชิคาโก สหรัฐอเมริกา เล่าเรื่องการฝึกความรู้สึกตัวให้เกิดขึ้นเพื่อเอาชนะกิเลสนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กๆ เลยทีเดียว ในงานวัดลอยฟ้า เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ที่ห้องปฏิบัติธรรม ชั้น ๕ สยามพารากอน ที่ผ่านมา 
 
                ชั่วเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ท่านสามารถทำให้ทุกคนมีสติจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ท่านเล่าได้ตลอดเวลาอย่างน่าสนใจ มีเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความเบิกบานที่เราเห็นว่า ความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นเช่นนี้เอง
 
                สำหรับเรื่องเด็กน้อยยังไม่จบ หลังจากที่ท่านเล่าว่าประทับใจเด็กมาก ท่านก็เล่าต่อมาอีกว่า
 
                "อาตมาก็อยากจะให้อะไรเป็นรางวัลสำหรับเด็ก เอามือล้วงไปที่ย่ามดูว่ามีลูกประคำติดมาบ้างไหมจะได้มอบให้กับเด็กน้อย"
 
                ขณะเดียวกันท่านก็เอามือล้วงเข้าไปในย่ามท่าน ขณะบรรยายธรรมด้วย แล้วกล่าวว่า ปุจฉา ใครเอาจิตมายุ่งในย่ามอาตมาบ้าง
 
                หลายคนยกมือขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะ 
 
                แล้วท่านก็กล่าวว่า วิสัชนา อย่าเอาจิตมายุ่งกับย่ามของอาตมา
 
                "ที่ทำไปเมื่อกี้เป็นความเคยชินหรือรู้สึกตัว"
 
                คนที่ยกมือขึ้นบอกว่า "ความเคยชิน"
 
                พระอาจารย์ประสงค์กล่าวว่า แสดงว่าเรารู้สึกตัวกันแล้ว และท่านก็เล่าถึงเรื่องเด็กคนนั้นต่อ
  
                "พออาตมาเอาลูกประคำออกมาจากย่าม ก็ถามเด็กน้อยว่า เห็นอะไรไหม เด็กน้อยตอบว่า เห็นข้างในมันกำลังดีใจอยู่ค่ะ การที่เรารู้ว่า เราเห็นว่าข้างในมันกำลังดีใจนี่แหละ พอเห็นแล้วทำอย่างไร เด็กน้อยตอบว่า ไม่ทำค่ะ ดูมันเฉยๆ "
 
                เสียงฮาเต็มห้องปฏิบัติธรรม
 
                "เห็นไหมว่า ธรรมะ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย  แม้เด็กหกขวบก็เข้าใจได้ นี่เองที่เราต้องมาศึกษาปฏิบัติธรรมก็เพื่อให้การมีชีวิตอยู่โดยไม่เป็นทุกข์นั่นเอง "
 
                ทำอย่างไร
 
                ท่านอธิบายว่า การอยู่กับสัมมาทิฐิ ทำให้เราไม่ทุกข์ สัมมาทิฐินี่สำคัญที่สุดเลยนะ
 
                "ในสมัยพุทธกาลมีคนไปถามพระพุทธเจ้าว่า พระองค์ตรัสธรรมะไว้เยอะแยะมาก อะไรคือหัวใจของธรรมะทั้งหมด ท่านกล่าวว่า สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ สรรพสิ่งทั้งหลายไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น เพราะเมื่อมีตัวกู ก็มีของกู เข้าไปยึดมั่นก็ทุกข์ อาตมาขอให้เราเก็บธรรมะชุดนี้ไว้เตือนใจ และให้พูดออกเสียงดังๆ"
 
                จงระวังความคิด เพราะความคิดจะกลายเป็นความประพฤติ
 
                จงระวังความประพฤติ เพราะความประพฤติจะกลายเป็นความเคยชิน
 
                จงระวังความเคยชิน เพราะความเคยชินจะกลายเป็นนิสัย
 
                จงระวังนิสัย เพราะนิสัยจะกลายเป็นสันดาน
 
                จงระวังสันดาน เพราะสันดานจะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต
 
                ท่านให้สังเกตดูว่า เราเป็นอย่างนี้หรือไม่ คือ ขี้วิตก ขี้กังวล ขี้น้อยใจ ขี้เสียใจ ขี้อิจฉา ริษยา ขี้หงุดหงิด ขี้รำคาญ แล้วเราก็ไม่เห็นอาการของเราเหล่านี้ ถ้าเราไม่เห็น เวลาเราตามรู้สึกตัวไม่ทัน เราก็เอาขี้ออกไปประจานตัวเอง เพราะความเคยชิน เพราะฉะนั้น เราจะต้องมาแก้ที่ไหน "
 
                เสียงทั้งห้องปฏิบัติธรรมกล่าวว่า "ความคิด"
 
                "ปุจฉา ที่พูดออกมา จากความเคยชินหรือรู้สึกตัว"
 
                พระอาจารย์ประสงค์ ท่านจี้ไปที่ความรู้สึกตัวขณะที่ทุกคนใช้ความเคยชินในการตอบ จนทำให้ทั้งห้องประชุมหัวเราะ ยกมือขึ้น และให้เหตุผลว่า ที่ทำไปเพราะความเคยชิน"
 
                แล้วท่านก็บอกว่า ที่เรารู้ว่าเคยชิน แสดงว่ารู้สึกตัวแล้ว
 
                "การรู้สึกตัวนั้น รู้ที่กายเคลื่อนไหวก็ได้ รู้ที่เวทนา ความรู้สึกก็ได้ รู้ที่จิตก็ได้ และรู้ที่ธรรมก็ได้ นี่คือ การรู้สติปัฏฐานสี่ในชีวิตประจำวัน เราเรียนทางโลกเพื่ออะไร เพื่อที่จะออกจากความโง่ทางโลก และเรามาปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร เพื่อที่จะได้ออกจากความโง่ทางใจ กิเลสจะหลอกเราไม่ได้ อีกต่อไป"
 
                จากนั้นท่านก็แจกหนังสือ น้อมสู่ใจ แก่ทุกคน และให้ทุกคนยิ้มให้ตัวเอง แล้วก็ยิ้มให้คนข้างๆ คนข้างหน้า และคนข้างหลังด้วย  
 
                และแล้ว เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างเบิกบานกับความรู้สึกตัว 

                พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุญโญ อุปสมบท ณ วัดโพธาราม จังหวัดราชบุรี  หลังจากการออกพรรษาในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ท่านได้ออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมทั้งได้รับนิมนต์ไปยังประเทศต่างๆ กว่า ๒๐ ประเทศ ท่านเป็นพระธรรมทูตทั้งสายสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีผลงานทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง ที่ให้ข้อคิดในการเจริญสติอย่างแยบคาย พร้อมทั้งแนวทางปฏิบัติที่ดีงามในการดำเนินชีวิต ซึ่งได้รับความสนใจ อย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ซึ่งมีการจัดปฏิบัติธรรมทุกสัปดาห์ให้ประชาชนทุกคนเพื่อ "เตรียมจิต ฝ่าวิกฤติมหันตภัย"  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ติดต่อและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ท่านเจ้าอาวาส  (พระอาจารย์ สงบ) โทร. ๐๘-๙๑๙๔-๕๑๕๕