
สำนักสงฆ์สัจธรรมบ้านในไร่ดับทุกข์ด้วยพุทธศิลป์
ดับทุกข์ด้วยพุทธศิลป์กลางแมกไม้ ณ สำนักสงฆ์สัจธรรมบ้านในไร่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เยือนถิ่นเรือนธรรม โดย เรื่อง/ภาพ สุพิชฌาย์ รัตนะ / ศูนย์ข่าวภาคใต้
ท่ามกลางความสับสนและวุ่นวายของผู้คนรวมทั้งสิ่งแวดล้อมในสังคมอันได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้อย่าง “เมืองหาดใหญ่” ใครจะเชื่อว่า ที่นี่มีสถานที่ “สำนักสงฆ์” ที่วางตัวอยู่กลางแมกไม้อันสงบเงียบ เหมาะแก่การปลีกวิเวกเพื่อดับทุกข์ทางกายและทางใจ
ด้วยการวางตัวอยู่กลางร่มเงาไม้สีเขียวขจี จึงไม่แปลกที่คนเมืองหาดใหญ่มักจะเดินทางหลีกหนีความวุ่นวายมาสงบใจ ณ สำนักสงฆ์เล็กๆ แห่งนี้ อย่างไม่ขาดสาย มิเว้นวาย ยังรวมไปถึงชาวมาเลเซียอีกจำนวนไม่น้อย ที่ชื่นชอบในการปฏิบัติธรรมให้เห็นเป็นประจำในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
"พระมหาจรูญ ขันติพโล" เจ้าสำนักสงฆ์สัจธรรมบ้านในไร่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้ธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ โดยยุคนั้นเต็มไปด้วยป่ารกทึบ ไม่มีบ้านเรือนผู้คนมากนัก จึงเหมาะที่จะศึกษาธรรมและวิปัสสนาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะที่แห่งนี้เป็นผืนป่าของเขาคอหงส์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนเมืองหาดใหญ่ให้ความเคารพ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการบุกรุกหรือแผ้วถางทำลายเหมือนที่อื่น โดยหวังจะเดินตามรอยของ “ท่านพุทธทาส” ผู้เป็นอาจารย์ เมื่อครั้งศึกษาธรรมอยู่ที่ “สวนโมกข์” ๒ ปีเต็ม จึงได้รับการบ่มเพาะตามแนวธรรมของท่านพุทธทาสอย่างลึกซึ้ง
สำนักสงฆ์สัจธรรมบ้านในไร่ เมื่อหลายสิบปีก่อนเป็นเช่นใด ปัจจุบันก็เป็นเยี่ยงนั้น จึงไม่แปลกที่สำนักสงฆ์แห่งนี้จะแตกต่างจากสำนักสงฆ์แห่งอื่น ที่สำคัญคือ สำนักสงฆ์บ้านในไร่ ยังเชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของ “พ่อขุนพลายดำ” หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า “เจ้าพ่อคอหงส์” โดยทุกคนล้วนให้ความเคารพนับถือ ศรัทธาด้วยหัวใจ จนเป็นที่มาของการสร้างรูปเหมือนเจ้าพ่อคอหงส์ สูง ๑ เมตร กว้าง ๑ ศอก ๑ คืบ ตามนิมิตของท่าน และถือว่าเป็นเจ้าพ่อคอหงส์ต้นแบบองค์แรกที่สร้างขึ้นในเมืองหาดใหญ่ (รูปเหมือนเจ้าพ่อคอหงส์อีก ๒ องค์ มีการสร้างขึ้น ณ ค่ายเสนาณรงค์ และหน้าค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ ในเวลาต่อมา)
นอกจากแมกไม้อันร่มรื่น และเปี่ยมล้นไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ “สำนักสงฆ์บ้านในไร่” ยังนำเอาศิลปะมาประยุกต์กับหลักธรรม เพื่อถ่ายทอดให้พุทธศาสนิกชนได้นำกลับไปเป็นหลักคิดและการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วย เพราะชีวิตคนส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลจากธรรมชาติ ศิลปะเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นมรรควิถีของชีวิต
ความงามที่ซ่อนอยู่ในจิต ดูได้จากทุกหนแห่งที่เป็นธรรมชาติ เมื่อนั่งอยู่ใต้ต้นไม้จะสัมผัสถึงความงามที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าสายลมที่พัดแผ่วเข้ามา เสียงนก เสียงแมลง และแสงอาทิตย์ที่จับต้องต้นไม้ ในทัศนะของอาตมาคิดว่า ศิลปะเป็นความรื่นรมณ์
พระมหาจรูญ ฝากคติธรรมไว้อย่างน่าคิดว่า “สัจธรรมของธรรมชาติที่ไม่ติดด้วยรูปแบบ จิตรกรรมเช่นเดียวกัน ทั้งกวีและจิตรกรรมทำให้ดูเรียบร้อย ดุจการดำเนินของธรรมชาติที่มีความเกื้อกูลกัน ผสมผสานกลมกลืนระหว่างสรรพชีวิตกับธรรมชาติ อาตมาเข้าใกล้สัจธรรมเช่นนี้แล้วอยากให้คนอื่นเข้าถึงด้วย การแสดงออกทางศิลปะที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่ง เพื่อให้ความงามสูงสุดคืนสู่สิ่งสามัญ คือ การให้เห็นกฎของศาสนา กฎของธรรมชาติ ศาสนากับศิลปะเป็นเรื่องเดียวกัน ศาสนาที่ถือพระธรรมเป็นหลักใหญ่นั้น พระธรรมก็คือธรรมชาติ ซึ่งเป็นกฎที่หมุนวนตั้งอยู่ เปลี่ยนไป ศิลปะกับศาสนาแยกไม่ออกแต่ต้องเป็นศิลปะบริสุทธิ์ การเข้าถึงสัจธรรมสูงสุดจะเข้าถึงศิลปะได้ แม้จินตนาการก็ถือเป็นสัจธรรมสูงสุด แต่ต้องเป็นระดับลึกเฉพาะที่ค้นพบด้วยใจ จากการภาวนา การฝึกสมาธิ ฝึกความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ตามวิถีแห่งสมณเพศ ธรรมชาติจะสร้างสรรค์งานของมันเอง ผู้ทำงานศิลปะจึงเป็นแค่ทางผ่านของธรรมชาติ”
นอกจากนี้ สำนักสงฆ์บ้านในไร่ ยังเป็นที่ประดิษฐานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ พระพุทธชินราช,หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด, พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์, หลวงปู่ทวดดำ (วัดเขาเจดีย์เขาใต้), พ่อหลวงสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะอีกด้วย