พระเครื่อง

แผ่นดินลุกเป็นไฟ!!ลางร้ายดวงเมืองยุค'ปู'

แผ่นดินลุกเป็นไฟ!!ลางร้ายดวงเมืองยุค'ปู'

01 พ.ค. 2555

แผ่นดินร้อนลุกเป็นไฟ !!ลางร้ายดวงเมืองยุค "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ศูนย์ภาพเนชั่น

             ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โหรการเมือง และโหรสำนักต่างๆ ออกมาทำนายดวงเมืองว่า จะเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เมื่อวันที่ ๑๗-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ซึ่งถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมทางการเมือง และเป็นจุดด่างดำของประวัติศาสตร์การเมืองไทย
 
              อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการทำนายดวงเมืองต่างๆ นานานั้น มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๕ เกิดปรากฏการณ์ไฟระอุใต้พื้นดิน บริเวณหมู่ ๙ บ้านเนินตาโนน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ริมถนนสายนครไทย-ด่านซ้าย ในมุมของนักวิทยาศาสตร์ถือว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์
 
              แต่ในมุมมองของนักโหราศาสตร์ กลับมีมุมมองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า "แผ่นดินร้อนลุกเป็นไฟ เป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย" และเมื่อนำมาผนวกกับเหตุการณ์เพลิงไหม้วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดสำคัญของประเทศ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ถือว่าเหตุการณ์ทั้งสองเป็นเครื่องชี้เตือนว่า ลางร้ายของแผ่นดินไทยจะเกิดขึ้นจริงๆ
 
              "แผ่นดินร้อนลุกเป็นไฟ นักโหราศาสตร์ถือว่าเป็นลางร้ายของแผ่นดินไทย" นี่เป็นคำยืนยันของ โหรลักษณ์ เรขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เจ้าของฉายา "โหรฟันธง"
 
              ทั้งนี้ โหรฟันธง อธิบายให้ฟังว่า มุมของชะตาเมือง เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า ดวงชะตาเมืองในขณะนี้ ดาวอังคาร (๓) ซึ่งเป็นดาวตัวแทนของดวงเมือง โคจรอยู่ในราศีสิงห์เป็นพินทุบาทว์ ได้เกณฑ์ว่า “รวิภุมมะทั้งโสรา ปัญจะแก่ลัคนา พุธเก้า จันทร์กับชีวาเป็นแปด ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้าว่าร้อนนิรันดร์” บ้านเมืองกำลังร้อนเป็นไฟตามชะตาเมือง จริงๆ แล้วตั้งแต่วันที่ ๑๓ เมษายน วันมหาสงกรานต์ ดาวอาทิตย์ (๑) โคจรเข้าทับชะตาเมือง แต่ก็ยังมี ดาวพฤหัสบดี (๕) เทพแห่งคุณธรรม ความดี บุญกุศล ยังคุ้มชะตาเมือง แต่ถ้าเกิดผ่านพ้นจากวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ไปแล้ว ดาวพฤหัสบดีซึ่งทับชะตาเมืองคุ้มชะตาเมือง โคจรยกเข้าสู่ราศีพฤษภ ย้ายหนีชะตาเมือง
 
              ดังนั้นในห้วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ไปจนถึงประมาณ วันที่ ๗ กันยายน ที่ ดาวพฤหัสบดี (๕) ย้ายราศี จากราศีเมษไปสู่ราศีพฤษภ พ้นจากชะตาเมือง และ ดาวเสาร์ (๗) โคจรอยู่ในราศีกันย์ไปจนถึงวันที่ ๗ กันยายน จากนั้นจะยกย้ายเข้าสู่ราศีตุล เล็งชะตาเมืองอีกครา เป็นจุดจังหวะที่น่ากลัว แล้วจะค่อยๆ น่ากลัวมากยิ่งขึ้น เมื่อดาวเสาร์ยกย้ายในเดือนกันยายน เพราะฉะนั้น เดือนกันยายน บวกลบ ๑ เดือน เป็นห้วงช่วงเวลาที่น่ากลัว คล้ายๆกับเดือนเมษายนที่ผ่านมานี่แหละ แต่น่ากลัวกว่าเป็นร้อยเท่าพันทวี ก็คงไม่ต้องขยายความว่าคืออะไร
 
              ที่สำคัญในห้วงช่วงปลายปีนี้ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ดาวราหู (๘) จะยกย้ายจากราศีพิจิกเข้าสู่ราศีตุล แล้วดาวราหูดวงนี้ก็ถือว่าเป็นคู่มิตรใหญ่กับดาวเสาร์ “เสาร์กับราหูเป็นมิตรต่อกัน” ดาวเสาร์กับดาวราหูที่จะยกเข้าสู่ราศีตุล ดาวเสาร์ยกมาตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ดาวราหูยกเข้ามาวันที่ ๑๐ ธันวาคม มาร่วมกันอยู่ในราศีตุล แล้วเล็งชะตาเมือง ตั้งแต่บัดนั้นไปประมาณ ๑ ปีครึ่งเป็นอย่างต่ำ ๒ ปีเป็นอย่างมาก
 
              อย่างไรก็ตาม โหรลักษณ์ ได้สรุปรวมกันแล้วฟันธงว่า "ในห้วงเวลาที่ได้รับอิทธิพลนี้ จะเป็นห้วงเวลาที่โหรานุโหร คือผู้ที่ศึกษาโหราวิชาโหราศาสตร์ จะต้องดวงชะตาเมืองแตก เรียกว่า ดวงแตก ถ้าเป็นดวงชะตาบุคคล ก็ถือว่าเข้าสู่การแตกดับ ถ้าเป็นดวงชะตาเมืองก็ถือว่าเป็นดวงที่มีจุดของการเกิดวิกฤติที่น่ากลัวอย่างรุนแรงในทุกด้านทุกกรณี ทั้งภัยอันเกิดขึ้นจากธรรมชาติ ภัยอันเกิดขึ้นจากมนุษย์"
 
              พร้อมกันนี้ โหรฟันธง ยังบอกด้วยว่า บรรดาโหรานุโหร รวมทั้งตน ไม่อยากจะขยับออกมาพูดมากล่าว หรือชี้ชัดอะไรลงไป ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เกรงว่าจะกลายเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดกระแสของความหวาดกลัว ตกใจ ตื่นตระหนกอีกหลายอย่างหลายประการ จนถึงเวลานี้แล้ว วันหนึ่งในภายภาคหน้า เหล่าบรรดาผู้ที่เป็นนักปราชญ์ในฝ่ายโหราศาสตร์ หรือผู้ที่ได้ศึกษาโหราศาสตร์ จะได้เกิดความชื่นใจว่า มีทฤษฎีข้อมูลในทางโหราศาสตร์ที่ได้กล่าวถึง วิเคราะห์ถึง แล้วให้เป็นข้อมูลสำหรับการคิด การวางแผน การตัดสินใจ เพื่อเป็นการตักเตือนประชาชน ให้ข้อมูลประชาชน ไม่ได้นิ่งดูดาย เราได้ทำหน้าที่นี้กันแล้ว
 
              ขณะเดียวกันเพื่อให้เป็นประเด็นหรือข้อมูลในทางโหราศาสตร์ ในเชิงสถิติ ที่พวกเราเองในบรรดาโหรานุโหร และนักโหราศาสตร์ก็ช่วยกันตรวจสอบทฤษฎีหรือข้อมูลในทางโหราศาสตร์ ที่ว่าเกณฑ์ในเรื่องของดาวใหญ่ที่เป็นดาวบาปพระเคราะห์เล็งชะตาเมืองที่เรียกว่า “พินทุบาทว์” หรือ "เกณฑ์ดวงเมืองแตกนั้น ยังใช้ได้หรือไม่"   เหมือนกับทฤษฎีในทางโหราศาสตร์นั้นมีอยู่ ผู้ที่รู้มีอยู่มากมาย หยิบเอามาใช้ในความเป็นจริงในขณะนี้ เห็นจริงตามนั้นในทฤษฎี แต่บริบทแห่งความเป็นจริงในเรื่องของเหตุการณ์ เรื่องราวต่างๆเริ่มจะส่อเค้า จะสรุปแล้วฟันธงว่าสุดท้ายเป็นอย่างไร ระยะเวลาตามที่ได้บอกได้กล่าวไปแล้วนั้น คงจะได้รู้ได้เห็น


คำทำนายโหรต่างสำนักที่ตรงกัน

              นายกิจจา ทวีกุลกิจ หรือ "หมอนิด" บอกว่า บ้านเมืองเกิดอาเพศแรง เป็นเรื่องที่ผิดกติหลายอย่าง เช่น แผ่นดินไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นที่ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งจะไหวแรงกว่านี้อีก จะมีการนองเลือดขึ้นมานับจากนี้ไปไม่เกิด ๒ เดือน จะมีการเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่ อาจจะถึงกับนองเลือด และมีคนตายกันจำนวนมาก เป็นเรื่องที่อยากเกินจะแก้ไข เพราะดวงเมืองนั้นจาก ๒๕๕๕-๒๕๕๕ นับไป ๕ ปี ประเทศไทยจะบอบช้ำหัก โดยเฉพาะ ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ภัยธรรมชาติจะรุนแรงมากเป็นพิเศษ น้ำท่วม กทม.และปริมณฑล คนตายจำนวนมาก ตึกสูงๆ อาจจะถล่ม ระวังเขื่อน ที่น่าตกใจเป็นพิเศษ คือ จะสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ หลังจากนั้นจะเกิดศึกกดารชิงอำนาจระหว่างคนมีสีด้วยกัน
 
              สอดคล้องกับคำทำนายของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ที่ทำนายว่า เหตุธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องอาเพทของแผ่นดินที่ยากเกินจะแก้ไข ประกอบกับปีนี้เป็นปีมังกรไฟ พลังของไฟเผาคน เผาบ้าน เผาเมือง เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนปรัศนีชี้ว่า ให้ระวังเหตุการณ์บ้านเมือง กับการเปลี่ยนแปลง จะมีการเผชิญหน้า ให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ ข้ามผ่านหายนะนี้ด้วยสติ และรักแผ่นดิน ในเดือนพฤษภาคมนี้ ความร้อนของแผ่นดินจะมากขึ้นเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะให้ระวังเดือนสิงหาคมการเผชิญหน้าอาจจะนองเลือด เป็นลางร้ายอย่างแน่นอน
 
              ขณะเดียวกัน อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ บอกว่า ถ้ามองเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกเหตุหรือธรรมชาติและเทวดาเตือนให้มนุษย์ไม่ประมาท เหตุที่บอกก็คือ เรื่องของแผ่นที่ลุกเป็นไฟ เป็นอาเพศเกี่ยวเรื่องของการเมือง การปกครอง รวมทั้งความเป็นอยู่ของคน เรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง รวมทั้งเรื่องอุบัติภัยธรรมชาติ ดาวบาปพระเคราะห์กำลังรุมเร้าชะตาเมือง โดยเฉพาะดาวอังคารที่โครจรถอยหลังอยู่ในราศีสิงห์ บอกถึงเรื่อง ความขัดแย้งที่จะนำพาไปสูงสงครามกลางเมืองได้ ในตำราอังคารถอยหลังในราศรีสิงห์จะมีศึกกลางเมือง และต่างเมืองเสมอ รวมทั้งให้ระวังเรื่องโรคไข้เจ็บ โรคระบาด คำทำนายหนึ่งที่น่าสนใจ คือ เป็นนิมิตแก่แผ่นพระสุธาจะแยกเป็น ๒ ว่าอัศจรรย์ หมายถึง เรื่องของดิน การแยกดินแดน การเสียดินแดน รวมถึงเรื่องการที่คนในชาติแตกความสามัคคีกัน