
อนุสรณ์รักสาญจี(Love's monument)
อนุสรณ์รักสาญจี(Love's monument) : บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร
พระเจ้าอโศกมหาราช พระราชาผู้สร้างคุณประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงแค่ทำนุบำรุงสร้างอนุสรณ์สถาน วัดวาอาราม และเสาอโศกที่เป็นสัญลักษณ์ประกาศให้โลกรู้ว่ามีสถานที่ซึ่งศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ได้ปรากฏที่อินเดีย และกำจัดทุกข์ให้กับมวลมนุษย์ผู้ปฏิบัติและดำเนินรอยตาม มีอยู่จริง ณ โลกใบนี้ รวมถึงพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกได้มาปฏิบัติบูชา นมัสการสักการะอย่างไม่ขาดสาย ตลอดพันกว่าปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
เหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ได้แสดงให้เห็นความศรัทธาอย่างมั่นคงแท้จริง โดยหยั่งรากแก้วไว้ในพระพุทธศาสนา ด้วยการให้ พระมหินทะโอรส และ พระสังฆมิตตาธิดา อุปสมบทเป็นหน่อเนื้อของพระพุทธเจ้า ประกาศศาสนาให้ยิ่งใหญ่ไพศาล โดยเฉพาะประเทศศรีลังกา ซึ่งยังคงรักษาวิถีพุทธได้อย่างเข้มแข็งจนถึงปัจจุบัน
มรดกโลก สาญจี เปรียบดังอนุสรณ์แห่งรักของพระเจ้าอโศกมหาราช กับพระนางธรรมมาหรือเวทิสาเทวี ที่ได้พบรักกันที่เมืองเวทิสา ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสถูปสาญจี พระมหินทะเถระและพระนางสังฆมิตตาภิกษุณีได้มาพักที่นี่ในสมัยนั้น ซึ่งถือว่าเป็นถิ่นกำเนิดของท่านทั้งสอง ก่อนเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาที่เกาะลังกา (ประเทศศรีลังกา)
หลวงพี่เดินอย่างสงบ ทุกย่างก้าว เพื่อแสดงความเคารพขอบคุณ ต่อบุคคลผู้มีส่วนร่วมสร้างสถานที่แห่งนี้ ผู้ได้ทำนุบำรุงศาสนา สนับสนุน เกื้อกูลเสนาสนะ สถานปฏิบัติแก่สมณะและอุบาสก อุบาสิกา อนุสรณ์แห่งรักที่เปี่ยมด้วยประโยชน์ สร้างความเจริญรุ่งเรืองทางด้านจิตใจแก่พุทธศาสนิกชน ดังเห็นได้จากอักษรจารึกที่เสาอโศก ที่มีใจความว่า ๑.ห้ามสงฆ์สร้างความแตกแยก ถ้าทำจะถูกบังคับให้สึกและขับไล่ออกจากวัด ๒.ให้อำมาตย์ข้าราชบริพารไปรักษาศีลอุโบสถทุกวันพระ ๓.ให้ขับไล่ผู้ทำลายสงฆ์ ออกให้พ้นจากอาราม
รอบๆ สถูปใหญ่ จึงรายล้อมด้วยวิหารน้อยใหญ่ และกุฏิจำนวนมาก และ ณ ที่นี่เป็นที่บรรจุอัฐิพระอัครสาวกทั้งสองคือ พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร ณ วัดเจติยคีรี ปากทางเข้าสาญจี
ตราบใดที่เรายังสมานฉันท์สามัคคี ปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์อย่างเคารพ ทั้งพุทธบริษัท ๔ ตามกำลังความสามารถ ตราบนั้นเราได้บูชา แสดงถึงความกตัญญูกตเวที ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และบุคคลที่พยายามรักษาสิ่งมีค่างดงามมาถึงรุ่นของเรา เพื่อเราจะได้ส่งผ่านสิ่งเหล่านี้ให้ดำรง สานต่อ ไปยังรุ่นต่อไป โดยเริ่มจากการปฏิบัติของเรา
รู้สึกสำนึกบุญคุณในความอดทน อุตสาหะ เมตตากรุณาของพระมหินทเถระและพระนางสังฆมิตตาภิกษุณีที่รอนแรมเดินทางไปเผยแผ่ศาสนายังแดนไกลถึงเกาะลังกา จนทำให้ชาวลังกาได้รับแสงสว่างตราบจนวันนี้และยังประโยชน์ให้เมืองไทยเช่นเดียวกัน
ผู้มีพระคุณเหล่านั้นทำให้เรามีวันนี้ เสาอโศก สถูปที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเปรียบดังเครื่องเตือนให้เรากลับมาทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เคารพในหน้าที่ของตน มีเมตตากรุณา สามัคคีดีต่อกัน
คำสอนไม่ได้ปรากฏที่ศาสนสถาน แต่ศาสนสถานทำให้ระลึกถึงคำสอน
เคารพพระธรรมและปฏิบัติตาม คือ การบูชาสูงสุด
เดินสุขสงบด้วยสติ ได้สัมผัสอนุสรณ์รักในตน