พระเครื่อง

ปริศนาอาณาจักรแห่งธรรม'ศรีวิชัย'

ปริศนาอาณาจักรแห่งธรรม'ศรีวิชัย'

15 มี.ค. 2555

ปริศนา...อาณาจักรแห่งธรรม'ศรีวิชัย' : พึ่งตนพึ่งธรรม โดย จักรไท เรื่อง นพ.บัญชา พงษ์พานิช และคณะ ภาพ

           อาณาจักรศรีวิชัยมีความรุ่งเรืองเกรียงไกรในคาบสมุทรแห่งนี้ยาวนานนับเป็นร้อยๆ ปี นักประวัติศาสตร์โบราณคดีต่างยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ว่าศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ที่ใดกันแน่ คู่กรณีถกเถียงนี้มีถึง ๓ ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ซึ่งแต่ละแห่งที่อ้างต่างก็พบโบราณสถาน โบราณวัตถุสมัยศรีวิชัยกระจัดกระจายจำนวนมาก จนที่สุดเมื่อต่างฝ่ายต่างยืนยันสถานที่ในดินแดนของตนจึงลงความเห็นร่วมกันว่า อาณาจักรศรีวิชัยที่ยิ่งใหญ่น่าจะมีการปกครองแบบจักรวรรดิหรือสมาพันธรัฐที่มีอำนาจอิทธิพลแผ่ขยายครอบคลุมทั้งสามประเทศที่กล่าวมา
 
             ดินแดนแต่ละแห่งผลัดกันรุ่งผลัดกันร่วง โดยศรีวิชัยสมัยแรกน่าจะอยู่ที่ปาเลมบัง ต่อมาย้ายฐานมาอยู่ที่ไชยา และนครศรีธรรมราชตามลำดับจวบจนล่มสลายกลืนหายไปกับกาลเวลา ศิลาจารึกหลักที่ ๒๓ กล่าวถึงกษัตริย์พระองค์หนึ่งว่าเป็นผู้สร้างปราสาทอิฐสามหลังเพื่อประดิษฐานรูปพระโพธิสัตว์วัชรปาณีและปัทมปาณี ต่อมาได้ค้นพบปราสาทอิฐสามหลังที่โบราณสถานวัดแก้ว วัดเวียง และวัดหลง และในศิลาจารึกนี้มีคำว่า ศรีวิชเย
 
             ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเด นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้นำคำที่พบในจารึกตั้งชื่ออารยธรรม ศิลปวัตถุที่พบร่วมสมัยกันของอาณาจักรดินแดนแถบนี้ว่าศรีวิชัย ต่อมาได้พบรูปปั้นพระโพธิสัตว์อีกหลายองค์เป็นเครื่องยืนยันถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาสมัยศรีวิชัยเมื่อหลายร้อยปีก่อนโดยเฉพาะองค์พระบรมธาตุไชยาถูกค้นพบสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง เป็นโบราณสถานสมัยศรีวิชัยสร้างตามแบบอย่างพุทธศาสนามหายานในช่วงรุ่งเรืองของศรีวิชัย เมื่อแรกพบถูกทรายกลบฝังฐานอยู่กลางทุ่ง แล้วได้บูรณะขึ้นมาใหม่โดยอาศัยเค้าเดิมที่ปรากฏอยู่ รูปทรงสัณฐานของพระบรมธาตุเป็นฐานสี่เหลี่ยม มีเจดีย์ทิศประกอบทั้ง ๔ มุม ถัดจากเรือนธาตุขึ้นไปมีฐานอีก ๓ ชั้น มีเจดีย์ประดับอีกชั้นละ ๘ องค์ ตรงกลางเป็นเจดีย์ยอดเดียวปิดทองประดับฉัตร หมายถึงแก่นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้คืออริยสัจจ์ ๔ และมรรคมีองค์ ๘ ปลายทางคือนิพพานที่สงบสันติ องค์ประกอบของพระบรมธาตุยังมีส่วนอื่นๆ ที่ให้ผู้มากราบนมัสการแล้วคิดใคร่ครวญ พิจารณาขบให้แตกในปริศนาธรรมที่คนโบราณซ่อนไว้
 
             นับเป็นความโชคดีของคนในดินแดนสยามที่ผู้นำยอมรับนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท ซึ่งมุ่งเน้นทำความเข้าใจในหลักไตรลักษณ์ แม้ในทางประวัติศาสตร์โบราณคดีจะหลงเหลือหลักฐานอ้างอิงได้น้อย หากมองในทางธรรมก็สอนให้เราพิจารณาเป็นอนุสติได้ว่าสรรพสิ่งไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน ถ้าไปยึดมั่นมัวเมาเราก็จะทุกข์ ที่สุดแล้วตัวเรามิได้มีอยู่จริง เพราะอวิชชาทำให้สำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวเป็นตน ให้พยายามฝึกฝนตระหนักรู้เพื่อละการยึดมั่นถือมั่น เมื่อนั้นเราก็จะเป็นอิสระจากเครื่องร้อยรัดคือกิเลส
 
             ไชยาเป็นถิ่นพุทธศาสนาสืบเนื่องยาวนานนับพันปี ต่อมาในยุคปัจจุบันก็ก่อเกิดเพชรเม็ดงามแห่งวงการพุทธศาสนา ถึงอยู่ไกลในป่าเมื่อเป็นอัญมณีที่เลอค่าผู้คนก็ย่อมหลั่งไหลค้นหา ท่านผู้นั้นคือพุทธทาสภิกขุ ผู้ประกาศตนเป็นทาสของพระพุทธเจ้าอย่างซื่อสัตย์ ท่านดำรงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่ให้เกินกว่าที่พระพุทธองค์ทรงกระทำเป็นแบบอย่าง ดังคำที่ท่านบอกไว้ว่า “เป็นอยู่อย่างต่ำ มุ่งกระทำอย่างสูง”
 
             ตลอดชีวิตของพุทธทาสภิกขุ ท่านเผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ศึกษาค้นคว้าทดลองปฏิบัติที่สวนโมกข์ พุมเรียง จนได้รับผลจริงแน่ชัดจึงออกมาทำหน้าที่เทศนาสั่งสอน จนเห็นว่าสมควรหาสถานที่แห่งใหม่ที่เหมาะสมต่อการรองรับคนหมู่มากและได้ย้ายมายังสวนโมกขพลารามที่ตั้งปัจจุบัน
 
             ในที่แห่งใหม่ท่านได้นำเทคนิควิธีการสอนธรรมที่ถือว่าก้าวหน้ามากมาใช้ ทั้งการจัดสร้างโรงมหรสพทางวิญญาณ อันหวังให้ปุถุชนเสาะแสวงพัฒนาตนในทางวิญญาณมากกว่าปรนเปรอตนทางอายตนสัมผัส แม้กระทั่งโบสถ์หรือศาลาโรงธรรมที่สวนโมกขพลารามก็อยู่กลางดิน ใต้ร่มไม้ ดังท่านเคยกล่าวว่าพระพุทธเจ้าประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน ปรินิพพานก็กลางดิน เราผู้เป็นสาวกก็ควรได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติตามแบบอย่างพระพุทธองค์ แต่ปัจจุบันมีสาวกใดบ้างที่ดำเนินรอยตามพระพุทธองค์
 
             การเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทย หัวใจถึงธรรมที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือของหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และมูลนิธิปิดทองหลังพระ เราเน้นกิจกรรมหลักๆ คือ เที่ยวไปด้วย ปฏิบัติธรรมไปด้วย และศึกษาวิถีชีวิตชุมชนที่นั่งยืนไปด้วย เรียกว่าเป็นการเดินทางข้างนอก เพื่อเรียนรู้ข้างในใจ ขณะเดียวกันก็หาแนวทางในการดำรงชีวิตอันผสานกันระหว่างโลกและธรรมให้สมดุลกันนั่นเอง
 
             หลังจากที่ศึกษาประวัติศาสตร์ศรีวิชัยแล้ว เราก็อยู่วัดปฏิบัติธรรมที่สวนโมกขพลาราม จากนั้นคณะก็เข้าไปเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่ค่ายวิภาวดี เป็นศูนย์สาธิตแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเราก็ไปตามรอยศรีวิชัยอีก ที่กาญจนดิษฐ์เป็นภาพปั้นดินดิบบนผนังถ้ำ แสดงให้เห็นลักษณะอาคารบ้านเรือนสมัยศรีวิชัยที่หลงเหลืออยู่น้อยเต็มที ด้วยผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ดินดิบที่ประดับผนังถ้ำก็หลุดร่อนลงไปมาก นี้เรียกว่าถ้ำคูหา บนโถงทางเข้าถ้ำยังมีพระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทแสดงธรรม แต่ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นคงเป็นปริศนาของคนโบราณอีกกระมัง ลองคาดเดาสันนิษฐานดูท่านคงให้เราพิจารณาเหมือนว่าธรรมะนั้นมีอยู่แล้วในทุกที่ ดังคำของหลวงปู่มั่นเคยกล่าวว่า “ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกแห่งหนสำหรับผู้มีปัญญา” อยู่ที่ใครจะสามารถเสาะแสวงค้นหาพบก็ไม่ตกอยู่ใต้เงื้อมเงากิเลส
 
             การศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์อารยธรรม ร่องรอยคนโบราณ ทำให้เห็นศรัทธาปสาทะของบรรพชนต่อพุทธศาสนา ความรุ่งเรืองและล่มสลายของอาณาจักรโบราณ แล้วนำมาใคร่ครวญในใจเพื่อการตระหนักรู้และเร่งฝึกฝนพัฒนาตนให้เป็นผู้ที่สงบจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง เย็นจากความทุกข์ที่เผาลนทั้งปวง จนสามารถบำเพ็ญประโยชน์ต่อโลก สรรพสัตว์ และเพื่อนมนุษย์นั่นเอง 

             กิจกรรมเที่ยวทั่วไทย หัวใจถึงธรรม ๑๒ เดือน ๑๒ เส้นทาง ยังจัดต่อเนื่องไปอีกนับจากนี้หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ ๐๙-๐๐๐๕-๓๗๔๓, ๐-๒๙๓๖ -๒๘๐๐ ต่อ ๗๑๐๒  Email: [email protected]