
'ปุ๊ ตะพานหิน'แนะวิธีดูพระแท้
ยินดีแนะนำวิธีดูพระแท้ หลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ 'ปุ๊ ตะพานหิน' สายตรงรูปหล่อพระเกจิยุคเก่า : เส้นทางนักพระเครื่อง โดย...ตาล ตันหยง
วงการพระเครื่องในทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่า พระรูปหล่อลอยองค์ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ที่สร้างในสมัยหลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่ มีสนนราคาเช่าหาแพงที่สุด ในบรรดาพระรูปหล่อของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในอดีตด้วยกัน รวมทั้งเหรียญหล่อโบราณ พิมพ์จอบเล็กและพิมพ์จอบใหญ่ มีการเช่าหาอยู่ที่หลักล้านขึ้นไป ไกลเกินเอื้อมสำหรับชาวบ้านทั่วๆ ไป จึงหันมามองหา พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่สร้างในยุคต่อมา หลังจากที่ท่านมรณภาพแล้ว (เมื่อปี ๒๔๖๒) ซึ่งมีการจัดสร้างกันหลายรุ่น โดยเชื่อกันว่า พระหลวงพ่อเงิน รุ่นไหนก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนๆ กัน ขอให้เป็นรูปของท่านเป็นใช้ได้
ด้วยเหตุนี้ พระหลวงพ่อเงิน ที่สร้างในยุคหลังจึงได้รับความศรัทธาสนใจอย่างกว้างขวาง และรุ่นที่มีการเช่าหากันมาก คือ พระหลวงพ่อเงิน รุ่นปี ๒๕๑๕
พระรุ่นนี้สร้างโดยวัดบางคลาน เพื่อหาทุนสร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา โดยจัดพิธีเททองหล่อและพิธีพุทธาภิเษกครั้งแรกที่วัดสุทัศนเทพวราราม กทม. เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๔ และประกอบพิธีพุทธาภิเษกครั้งที่ ๒ ที่วัดบางคลาน จ.พิจิตร เมื่อวันที่ ๓๐-๓๑ มกราคม ๒๕๑๕ มีพระเกจิอาจารย์นั่งปรกปลุกเสกจำนวนมาก ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองพิจิตรก็ว่าได้
ก่อนหน้านี้ พระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ เป็นที่รู้จักกันเฉพาะในท้องถิ่น ต่อมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้วงการพระในส่วนกลางได้เกิดกระแสความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นพระยอดนิยมในทุกวันนี้
ผู้ที่จุดประกายกระแสนิยม พระหลวงพ่อเงิน รุ่นปี ๑๕ ให้เกิดขึ้นในส่วนกลาง หลายคนในวงการพระต่างยอมรับว่าเป็นฝีมือของ จตุรงค์ เทียมทองคำ หรือ ปุ๊ ตะพานหิน
ปุ๊ เป็นชาว อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร โดยกำเนิด หลังจากเรียนหนังสือจบชั้นมัธยมศึกษาที่บ้านเกิดแล้วก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ หางานทำอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อปี ๒๕๓๘ ได้เดินทางกลับตะพานหิน โดยยังไม่ได้ทำงานอะไร ช่วงนั้นคิดว่าน่าจะหาพระเครื่องมาใช้สักองค์หนึ่ง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ในฐานะที่เป็นชาว จ.พิจิตร พระที่ควรจะนิมนต์มาขึ้นคอ คือ พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน แต่พระรุ่นเก่าราคาสูงมาก มีผู้แนะนำให้หา พระหลวงพ่อเงิน รุ่นปี ๑๕ มาใช้ก็เหมือนกัน
“ผมจึงออกตระเวนหาพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ จากบ้านญาติพี่น้อง ก็ไม่มีใครมีพระรุ่นนี้ เท่าที่ทราบพระรุ่นนี้มีอยู่ในตัวเมืองเท่านั้น แต่ผมก็ได้พระอย่างอื่นมาแทน ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร แท้หรือไม่ก็ไม่รู้ (มารู้ทีหลังว่า พระที่ได้มานั้นคือ พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และพระสมเด็จแข้งหมอน) ผมเอาพระ ๒ องค์นี้ไปให้แผงพระในสถานีรถไฟตะพานหินดู เขาขอซื้อทันที ทำให้ผมรู้ว่า พระนี้มีราคา ขายเป็นเงินได้ ทำให้ผมเกิดความสนใจขึ้นมา จึงไปหาหนังสือพระที่ห้องสมุดประชาชนมาอ่าน จนพอรู้ว่าพระอะไรรูปร่างเป็นแบบไหน จากนั้นจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ตระเวนไปตามบ้านเพื่อนและญาติพี่น้องของเขา เพื่อขอซื้อพระที่มีอยู่ในบ้าน โดยไม่รู้ว่าเป็นพระแท้หรือไม่ เผื่อว่าไปเจอ พระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ เข้าสักองค์ก็จะได้นิมนต์ขึ้นคอด้วยความสมหวังสักที” ปุ๊ ตะพานหิน กล่าว
หมดจากบ้านญาติของเพื่อนแล้ว คราวนี้ ปุ๊ บอกว่าต้องอาศัยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านช่วยแนะนำลูกบ้าน ดูว่าบ้านไหนมีพระเก็บอยู่บ้าง จะขอซื้อเพื่อเอาไปขายต่อ ช่วงนั้นใจกล้ามาก แม้ว่าจะยังดูพระไม่ค่อยเป็นก็ตาม ปรากฏว่าได้พระมาหลายองค์ จึงนำไปขายถึงตัวจังหวัดพิจิตร เข้าหาเซียนใหญ่แห่งเมืองชาละวัน เจ้าของชื่อ เล็ก ทับคล้อ ที่คนในวงการพระรู้จักกันดี ครั้งนั้น ปุ๊ ขายพระได้เงินมากพอสมควร จึงคิดว่าน่าจะยึดเป็นอาชีพได้
มาถึงจุดนี้ ปุ๊ เปลี่ยนแผนใหม่ ไม่ไปตระเวนหาซื้อพระตามบ้านอีกแล้ว แต่จะปักหลักเฝ้าอยู่หน้าร้านของ เล็ก ทับคล้อ เป็นประจำ เพื่อดูว่าเขาซื้อขายพระกันอย่างไร มีพระอะไรบ้างที่ขายดี พอมีเงินมากพอก็จะขอซื้อพระจาก เล็ก ทับคล้อ โดยเขารับประกันให้ทุกองค์
ปุ๊ กล่าวว่า “ระยะทาง ๓๐ กม.จากตะพานหินถึงตัวเมืองพิจิตร ผมขี่มอเตอร์ไซค์คู่ชีพไปกลับทุกวัน จนไม่รู้สึกว่าไกล เพราะใจจดจ่ออยู่ที่ร้านพระของพี่เล็กตลอดเวลา พอคุ้นเคยกันแล้วพี่เล็กจะสอนให้ผมดูพระทุกอย่าง ขณะเดียวกันผมก็ได้ขอซื้อพระบางองค์ที่ผมสนใจ โดยเฉพาะพระหลวงพ่อเงิน ยุคหลัง เพื่อเอากลับไปศึกษาที่บ้าน จนจดจำได้พอสมควร พบเห็นพระแบบเดียวกันที่ไหนก็กล้าซื้อด้วยตนเอง องค์ไหนที่มีซ้ำกันก็ขายออกไปบ้าง เพื่อเอาเงินมาทำทุนต่อ”
ด้วยเหตุนี้ ปุ๊ จึงเคารพนับถือ เล็ก ทับคล้อ ว่าเป็น อาจารย์คนแรก ที่สอนวิธีดูพระให้อย่างไม่หวงแหนวิชา
เมื่อดูพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ และพระท้องถิ่นเมืองพิจิตร ได้แม่นยำขึ้น คราวนี้ ปุ๊ บุกเมืองกรุงมุ่งหน้าสู่สนามพระท่าพระจันทร์ เมื่อปี ๒๕๔๐ ปีที่ฟองสบู่แตกพอดี ช่วงนั้นมีพระเครื่องต่างๆ ทะลักเข้าสู่สนามพระในแต่ละวันมากมาย เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ซื้อพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ และพระอื่นๆ กลับไปขายยังเมืองพิจิตร โดยมียี่ปั๊วรอรับซื้ออย่างไม่อั้น ทำให้ ปุ๊ มีกระแสเงินหมุนเวียนคล่องมือมากขึ้น
“ต่อมาผมเห็นว่า ชาวพิจิตรสนใจพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ กันมาก เมื่อได้พระมาจากกรุงเทพฯ แล้ว คราวนี้ผมจะไม่ส่งต่อให้ยี่ปั๊ว แต่ผมจะทำตัวเป็นยี่ปั๊วเสียเอง โดยรับซื้อจากคนอื่นด้วย จนชาวพิจิตรรู้จักผมดี ใครอยากได้พระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ ต้องมาเอาที่ผม เป็นต้องสมหวังเสมอ และมั่นใจได้ว่าเป็นพระแท้แน่นอน ชาวพิจิตรเรียกพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ ว่า พระให้นาย หมายความว่า ข้าราชการ นักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ ที่ได้เลื่อนขั้นหรือโยกย้าย ของขวัญที่คนได้รับดีใจ คนให้ก็มีความสุข คือ พระหลวงพ่อเงิน รุ่นปี ๑๕ จนทำให้ผมหาพระหลวงพ่อเงินรุ่นนี้ไม่ทันบริการ เป็นความภาคภูมิใจของผมมาก”
มาถึงจุดนี้ ปุ๊ เห็นว่า ความโด่งดังของ พระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ มีอยู่ในวงแคบเฉพาะท้องถิ่นเท่านั้น จึงคิดว่าควรขยายตลาดให้กว้างกว่านี้ โดยมุ่งหน้าเข้าเมืองกรุงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำตลาดพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ ในหมู่นักเล่นส่วนกลางให้มากขึ้น
“ผมมีความคุ้นเคยกับคนในวงการพระเมืองกรุงอยู่ก่อนแล้ว จึงเอาพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ ไปเสนอขายเขา พร้อมกับแนะนำถึงวิธีดูพระแท้ว่า มีจุดสำคัญตรงไหนบ้าง หากจับจุดถูกจะรู้ว่าพระรุ่นนี้ดูง่ายมาก ผมจะรับประกันพระทุกองค์ที่ขายออกไป เซียนพระในกรุงเทพฯ มีลูกค้าในวงกว้าง เมื่อเขาเอาพระผมไปขายต่อให้ใคร พอส่งเข้าประกวดจะได้รับรางวัลเสมอ ทุกคนต่างพอใจด้วยกัน กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนรุ่นใหม่ที่สนใจพระระดับนี้ จนในที่สุดตลาดพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ ก็กว้างขึ้น ส่งผลให้ราคาค่อยๆ ขยับสูงขึ้นๆ อย่างต่อเนื่อง” ปุ๊ กล่าวถึงผลงานที่ผ่านมาด้วยความภาคภูมิใจ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ ปุ๊ ได้เรียนรู้ดูพระจนชำนาญ โดยเฉพาะรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ยุคเก่า โดยอาศัยหลักการดูพระประเภทเดียวกันเป็นสำคัญ คือ ดูพิมพ์ ความเก่าตามธรรมชาติ วิธีการสร้างของพระแต่ละรุ่น หากเรียนรู้อย่างจริงจังแล้ว พระรูปหล่อหลวงพ่ออะไรก็ดูได้เหมือนกันหมด จนทุกวันนี้ ปุ๊ สามารถดูพระหลวงพ่อเงิน รุ่นเก่า ทุกพิมพ์ พระหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า รวมทั้งพระหล่อโบราณยุคเก่าของทุกพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังและอยู่ในความนิยมของวงการพระ
ด้วยความรู้ความสามารถอันเอกอุ ทำให้ ปุ๊ ตะพานหิน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตัดสินพระรูปหล่อโบราณยอดนิยม และรองประธานบริหารภาคกลาง เขต ๓ (นครสวรรค์ พิจิตร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี) จาก สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย รวมทั้งเป็นผู้บรรยาย พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทางรายการโทรทัศน์หลายช่อง โดยเฉพาะรายการตามรอยตำนานพระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่จัดทำโดย ท่านนายกพยัพ คำพันธุ์
ทุกวันนี้ ปุ๊ ตะพานหิน ยังคงเดินซื้อขายพระรูปหล่อโบราณอยู่บนห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน โดยไม่มีร้านของตัวเองแต่อย่างใด แต่ทุกคนก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาได้เป็นอย่างดี ในฐานะ มือวางอันดับ ๑ ของพระหลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ ตัวตนที่แท้จริง เจ้าของคำพูด
“ผมยินดีแนะนำวิธีดูพระแท้หลวงพ่อเงิน ปี ๑๕ ให้ทุกคนด้วยความเต็มใจ เมื่อทุกคนดูพระรุ่นนี้เป็นกันหมด การซื้อขายก็ย่อมง่ายขึ้นด้วย”