
แห่ครอบครู 'อ.หนู' ปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยปรากฏ
สำนักสักยันต์ "อาจารย์หนู กันภัย" จ.ปทุมธานี ถือว่าเป็นสุดยอดสำนักสักยันต์สายฆราวาส และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นิยมลายสักยันต์ โดยเฉพาะเหล่าบรรดานักร้องนักแสดงที่มีชื่อเสียง ต่างไปสักยันต์ หนุนดวง ๕ แถว และขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์
โดยเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน และวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ทางสำนักได้จัด พิธีครอบครู ประจำปีเช่นทุกๆ ปี
แต่มีสิ่งหนึ่งในงานพิธีนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน คือ พลังศรัทธาของลูกศิษย์ที่เดินทางมาจากทั่วทุกภาคของประเทศเข้ามาร่วมในงานพิธีครั้งนี้ประมาณได้หลายหมื่นคน ซึ่งหากเปรียบไปกับทุกปีที่ผ่านมา ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก
จึงเกิดคำถามขึ้นว่า เพราะเหตุใดจึงมีประชาชนผู้ที่เลื่อมใสศรัทธามาร่วมงานพิธีนี้กันอย่างล้นหลามมากมายขนาดนี้
มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดว่า เหตุที่ผู้คนหลั่งไหลมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งที่สำนักสักยันต์ อ.หนู ในปีนี้นั้น เหตุเพราะเวลานี้ขาดขวัญและกำลังใจ เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การเงินที่ฝืดเคือง คือปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้คนแห่แหนกันมาที่สำนักสักยันต์แห่งนี้
นอกจากนี้ ยังมีคำตอบจากปากของผู้คนที่เข้ามาร่วมในงานพิธีครั้งนี้นั้น พอสรุปออกมาได้ว่า เหตุผลแรก คือ เมื่อมีลูกศิษย์ที่มาสักยันต์มีจำนวนมากเพิ่มขึ้นทุกวัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ย่อมมีลูกศิษย์ที่มาครอบครูมากยิ่งขึ้น
๒.ประชาชนทั่วไปรู้ว่าอาจารย์กำลังสร้างหลวงปู่ทวดปางประทับยืนองค์ที่สูงและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้คนที่เข้ามาร่วมในงานพิธีไหว้ครู ก็มาช่วยกับทำบุญสร้างหลวงปู่ทวดด้วย
๓.คนที่สักยันต์กับอาจารย์ไปแล้วนั้น ส่วนใหญ่จะต้องเดินทางมาครอบครูประจำปีด้วย เพราะถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง แต่ก็มีข้อยกเว้นว่า หากติดธุระสำคัญ ไม่สามารถที่จะเดินทางมาร่วมในงานพิธีครอบครูได้ ก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ว่ากัน
และ ๔.จากประสบการณ์จากผู้ที่ได้รับการสักยันต์นี้ไปแล้วปากต่อปากนำเอามากล่าวขานกัน บ้างก็ว่ามีประสบการณ์มากับตัวเองในทางแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ กล่าวขานกันไปต่างๆ นานา ในหลากหลายประสบการณ์ สักยันต์ไปแล้ว หลายอย่างในชีวิตเปลี่ยนไปในแนวทางที่ดีขึ้น ก็มีความมั่นใจ มีความเชื่อมั่น มีกำลังใจ
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมานี้นั้น เป็นการวิเคราะห์เหตุการณ์ความเป็นไปได้โดยรวมเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่จริงแท้แน่นอนคือ เมื่อผู้ที่ได้รับการสักยันต์ไปแล้ว ลายยันต์ที่สักไปนั้นจะติดร่างเราไปจนกระทั่งเราสิ้นลม
ดังนั้น ผู้ที่คิดว่าจะสักยันต์ก็ต้องใช้วิจารณญาณตรองดูให้ดีก่อนว่าเรามีความต้องการที่จะสักยันต์จริงหรือไม่ หรือจะสักยันต์ไปเพียงเพื่อให้ทันยุคสมัย หรือที่จริงแล้วต้องการสักยันต์เพื่อรับเอาพระพุทธคุณเข้าตัวเอง ก็อยู่ที่ท่านทั้งหลายต้องใช้ดุลพินิจตรองดูให้ถ้วนถี่ และด้วยเหตุที่มีลูกศิษย์ อ.หนู หลายหมื่นคนหลั่งไหลมาในงานพิธีครอบครูประจำปี แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะครอบเศียรให้ลูกศิษย์ครบทั้งหมดได้ ยังมีตกค้างอีกนับหมื่นคน จึงขอประกาศบอกมาให้รับทราบว่าสำนักสักยันต์แห่งนี้จะมีพิธีไหว้ครูใหม่อีกครั้งในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
เรื่อง... "ไตรเทพ ไกรงู"
ภาพ... "ประเสริฐ เทพศรี"
ขลังไม่ขลังอยู่ที่ตัว
"เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ที่สำแดงออกมาให้พวกเราเห็นในบางครั้งบางโอกาสนั้น ไม่ใช่ฝีมืออาจารย์ เพราะอาจารย์เป็นเพียงตัวเชื่อมต่อที่สามารถนำเอาพลังแห่งพุทธคุณส่งไหลผ่านทางลมไปยังศิษย์ ให้พลังนั้นเสริม หรือเพิ่มในสิ่งที่ขาดหายไป หรือเพิ่มให้มีมากขึ้น เพื่อจะได้นำเอาสิ่งที่เพิ่มเติมนั้นไปใช้ในการดำเนินชีวิต แต่ของอย่างนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวศิษย์เองเป็นหลักใหญ่ โดยเฉพาะต้องปฏิบัติตามข้อห้ามของการสักยันต์ให้ได้ด้วย”
นี่คือคำยืนยันของ อ.หนู
เพื่อให้ยันต์มีความเข้มขลังในอำนาจพุทธคุณ ไม่ว่าเป็นยันต์อะไรก็ตาม ข้อห้ามและข้อปฏิบัติสำหรับ บุรุษเพศ (ชาย) มี ๕ ข้อ คือ
๑.ห้ามทุบตี-ด่าว่า-บุพการีผู้ให้กำเนิด ความหมายที่แท้คือ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำในลักษณะใดก็ตาม ที่ทำให้บุพการี คือ พ่อและแม่ได้เจ็บได้ช้ำตามร่างกาย หรือให้ได้รับบาดเจ็บบาดแผล แม้แต่รอยเท้าแมวข่วน ถือว่าผิด ถ้อยคำใดก็ตามที่กล่าวไปแล้ว ทำให้บุพการี คือพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดเสียใจ จะเป็นคำพูดที่ต่อว่าคำใดก็ตาม ที่ทำให้บุพการีเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ จากคำพูดที่กล่าวออกไป ถือว่า ผิด
๒.ห้ามไปผิดเมียของคนอื่น คำว่าผิดเมียคนอื่นนั้น ในที่นี้หมายถึงห้ามร่วมหลับนอนกับสตรีที่มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่โดยเด็ดขาด หากไปหลับนอนกับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเอง แต่สตรีผู้นั้นไม่มีสามี หรือเลิกกับสามีไปแล้ว ไม่อยู่ในข้อถือ แต่หากไปร่วมหลับนอนกับสตรีที่มีสามี โดยที่ตนเองไม่ รู้ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าหญิงนั้นมีสามี แต่มาทราบ
ภายหลังก็ไม่ถือว่า ผิด
๓.ห้ามลบหลู่ หรือดูหมิ่นครูอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ ความหมายที่แท้คือ ครูผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ อาจารย์ผู้สั่งสอนถ่ายทอดวิชาให้
๔.ให้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด และ ๕.มั่นสวดมนต์ เจริญภาวนา รวมทั้งนั่งสมาธิเป็นประจำ
ส่วนข้อห้ามสำหรับ สตรีเพศ (หญิง) การสักยันต์ยึดถือ ๓ ข้อ คือ ๑.ห้ามทุบตี-ด่าว่าบุพการีผู้ให้กำเนิด ส่วนข้ออื่นๆ นั้นไม่มี หากไม่ยึดถือตามที่กล่าวมานี้ ถือว่าผิด ของที่ได้ไปนั้นถือว่า หลุด หรือเสื่อม
ส่วนข้อห้ามอื่นๆ นอกเหนือจากตามที่ระบุเขียนห้าม ไม่ว่าจะเป็นการลอดราวตากผ้า-ลอดสะพาน-ใต้ถุนบ้าน หรือการรับประทานอาหาร เช่น ฟักแฟงแตงกวา หรืออาหารอื่นๆ ที่สงสัย ไม่ห้าม ไม่อยู่ในสิ่งถือ
๒.ให้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด และ ๓.มั่นสวดมนต์ เจริญภาวนา รวมทั้งนั่งสมาธิเป็นประจำ
พร้อมกันนี้ อ.หนู พูดเป็นคติเตือนลูกศิษย์ไว้อย่างน่าคิดว่า
“มีของดีแต่ไม่รู้จักทำดี ของดีนั้นย่อมเสื่อม ลายยันต์ก็เช่นกัน จะมีพุทธคุณต้องรู้จักสร้างบุญสะสมบารมี บุญกรรมของศิษย์ที่เข้ามาสักยันต์ ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะใช่ว่าทุกคนที่สักยันต์ของอาจารย์ไปแล้ว ชีวิตจะต้องดีขึ้นทุกคน จริงอยู่ ส่วนใหญ่จะดีขึ้น แต่ก็มีบางคนสักไปแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม เคยใช้ชีวิตอยู่กินอย่างไร ก็กระทำอยู่อย่างเดิมๆ อย่างนั้น ตรงนี้อาจารย์ว่า อยู่ที่กรรมเก่า ที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน"