
เล่นพระถูกทางก้าวหน้านะ ระยอง
เล่นพระถูกทางมีโอกาสก้าวหน้านะ ระยอง (มานะ สุขสุวานนท์) : เส้นทางนักพระเครื่อง โดย ตาล ตันหยง
ในบรรดา พระเกจิอาจารย์ยุคหลังปี ๒๕๐๐ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นับได้ว่าวัตถุมงคลของท่านมีราคาซื้อขายแพงที่สุด แม้จะมีอายุไม่ถึง ๕๐ ปี แต่เช่าหากันถึงหลักแสนหลักล้านขึ้นไป บางองค์แพงกว่าพระกรุอายุหลายร้อยปีเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้เนื่องจากพระเครื่องของท่านศึกษาให้ดีจะดูได้ง่าย มีข้อยุติ ของแท้ของเก๊พิจารณาได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ชวนให้ผู้คนหันมาสนใจกันมาก ก็เพราะเป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มีไว้สักการบูชามักจะประสบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต รวมทั้งการขอพรสิ่งใดก็มักจะสำเร็จสมหวังดังใจปรารถนาทุกประการ
ปาฏิหาริย์ต่างๆ เหล่านี้ มีการบอกกล่าวเล่าสืบต่อกันมาปากต่อปาก จนขยายความในวงกว้าง ส่งผลให้มีการเสาะแสวงหาพระเครื่องของท่านกันอย่างกว้างขวาง จนทำให้ราคาเช่าหาแพงขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุหลักแสนหลักล้านขึ้นไปแล้วหลายรุ่นหลายพิมพ์ด้วยกัน
สิ่งที่ตามมาคือ มีผู้สนใจสะสมและซื้อขายพระสายนี้เพิ่มขึ้นด้วย หนึ่งในนั้นคือ มานะ สุขสุวานนท์ หรือที่คนในวงการพระรู้จักกันในนาม นะ ระยอง
นะ ระยอง มีความสนใจพระเครื่องมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษา โดยที่คุณพ่อเป็นชาว จ.นครสวรรค์ คุณแม่เป็นชาว จ.ระยอง ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ อ.บ่อไร่ จ.ตราด โดยเปิดร้านตัดผม พร้อมกับซื้อขายพลอยไปด้วย ซึ่งสมัยนั้นเป็นอาชีพที่ซื้อง่ายขายคล่องมาก จนเกิดความร่ำรวยไปตามๆ กัน
นะ เล่าถึงเรื่องราวสมัยนั้นว่า “ที่ร้านตัดผมของคุณพ่อ นอกจากมีลูกค้ามาตัดผมแล้วก็มีเพื่อนๆ คุณพ่อมาเล่นหมากรุก พร้อมกับพูดคุยกันถึงเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ผมได้ฟังแล้วก็เกิดความสนใจ อยากได้พระเครื่องของพระเกจิอาจารย์เหล่านั้นบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณพ่อเป็นชาวนครสวรรค์ เรื่องที่พูดคุยมักจะเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ฯลฯ คุณพ่อมีพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์เหล่านี้มาก แต่ท่านไม่เคยเอาออกมาให้ใครดูเลย เพราะสนใจแต่เรื่องการสักยันต์ และเรื่องว่าน มากกว่า โดยให้เหตุผลว่า การสักยันต์คงทนถาวรติดตัว ถ้าหากคนคนนั้นประพฤติปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ขณะที่คนเล่นว่านที่เป็นมงคลก็จะเป็นคุณกับชีวิตตลอดไป โดยเฉพาะว่านบางอย่างใช้ดีทางคงกระพันชาตรี พิสูจน์ได้จากคนที่เอาพระเครื่องกำไว้ในมือ เวลาเอามีดเชือดมักจะเข้า แต่คนที่เอาน้ำว่านมาทามือแล้วเอามีดเชือดจะไม่เข้าเลย ผู้ใหญ่จะพูดคุยกันเรื่องทำนองนี้อย่างสนุกสนาน จนผมเองก็พลอยได้รับความรู้ไปด้วย วันหนึ่งผมได้ไปดูกล่องพระที่คุณพ่อเก็บไว้ พบว่าในกล่องนั้นมีพระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อเดิม หลวงปู่ศุข ฯลฯ เยอะมาก รวมทั้งมีดหมอหลวงพ่อเดิมก็มีหลายด้าม พระกรุก็มีมาก เช่น พระมเหศวร พระขุนแผน พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า (ชื่อพระเหล่านี้ผมมาทราบภายหลัง เมื่อได้อ่านพบในหนังสือพระ) ผมดูพระของคุณพ่อเสร็จแล้วก็เอากลับไปไว้ที่เดิม ไม่ได้เอาพระนั้นไปไหน ขณะเดียวกัน ผมได้หาหนังสือพระมาอ่าน พอดีมีร้านขายหนังสืออยู่ใกล้บ้าน จึงไปขอเขาอ่านฟรี ความชอบพระตรงนี้ทำให้ผมถึงกับเลิกเรียนหนังสือ ออกจากโรงเรียนกันเลย โดยหันไปเดินพลอย คือ ซื้อขายพลอยตั้งแต่เด็กๆ ได้เงินกำไรวันละหลายพันบาท บางวันเป็นหมื่นก็มี ผมจึงเห็นว่าดีกว่าเรียนหนังสือเสียอีก”
ต่อมาประมาณปี ๒๕๓๘ บ่อพลอยเริ่มหมด อาชีพซื้อขายพลอยที่เคยรุ่งมาก่อนก็เลยเงียบเหงาลงทันที คุณพ่อกับคุณแม่จึงย้ายครอบครัวกลับมาอยู่บ้านที่ จ.ระยอง เอาเงินกำไรจากการค้าพลอยมาสร้างห้องแถวให้เช่า จาก ๒๐ ห้องต่อมาเพิ่มเป็น ๖๐ ห้อง ห้องแถวที่ระยองมีเท่าไรก็ไม่พอ เพราะระยองมีโรงงานมาก คนหาบ้านเช่าจึงมีมากด้วย
“ช่วงที่ผมอยู่ระยอง พระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ กำลังมาแรง พอดีคุณตาของผมท่านเป็นผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า และหลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ท่านจึงมีพระเครื่องของ ๓ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังนี้มาก ผมเลยโชคดี ได้มีโอกาสศึกษาพระแท้องค์จริงของคุณตา ซึ่งมีอยู่มากมาย แต่ท่านไม่สนใจ เลยยกให้ผมหมด เพราะลูกหลานคนอื่นๆ ก็ไม่สนใจทางนี้อยู่แล้ว ตรงจุดนี้ทำให้ผมสามารถพิจารณาพระหลวงปู่ทิมได้อย่างถ่องแท้ เลยหัดซื้อขายพระกับคนในท้องถิ่น โดยไม่ได้แตะต้องพระของคุณตาแต่อย่างใด จนเมื่อความสนใจมีมากขึ้น ผมอยากจะก้าวออกไปสู่โลกภายนอกบ้าง จึงไปหาญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เพื่อปรึกษาขอแนวทางปฏิบัติ ท่านบอกว่า หากสนใจเรื่องพระเครื่องจริงๆ ต้องไปเรียนรู้วิทยายุทธ์ในสนามท่าพระจันทร์ อันเป็นสถาบันที่หล่อหลอมเซียนพระชื่อดังมาแล้วมากมาย ท่านจึงพาผมเข้ากรุงเทพฯ ไปอยู่ที่บ้านท่าน พร้อมกับพาผมไปฝากตัวกับ เฮียบิ ท่าพระจันทร์ และพี่ประเสริฐ แก่นจำปี ๒ เซียนพระรุ่นอาวุโส ผู้ชำนาญการดูพระได้ทุกประเภท” นะ เล่าถึงจุดเริ่มต้นสู่วงการพระในเมืองกรุง
นะ ระยอง ทำงานเป็นคนเฝ้าตู้พระ เดินพระ ซื้อขายพระ อยู่ในสนามท่าพระจันทร์ ทั้งที่ร้านของ บิ ท่าพระจันทร์ และประเสริฐ แก่นจำปี โดยไปทำงานทุกวัน ไม่มีเงินเดือนประจำ หากซื้อขายพระได้ก็จะได้เงินส่วนแบ่งเล็กน้อย แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นก็คือ มีโอกาสได้เรียนรู้ดูพระแท้ต่างๆ ทุกวัน จนเกิดความชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงตรงนี้แล้ว นะ ก็กล้าตัดสินใจซื้อพระได้ด้วยตนเอง ต่อมาจึงได้กลับไปอยู่บ้านที่ จ.ระยอง อีกครั้งหนึ่ง หลังจากทำงานอยู่ที่สนามพระท่าพระจันทร์ มานานกว่า ๓ ปี
การกลับบ้านที่ จ.ระยอง นะ คาดหวังไว้ว่า จะหาซื้อพระส่วนกลางได้บ้าง แล้วเอาไปขายที่กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าต้องผิดหวัง เพราะชาวระยองส่วนใหญ่เล่นแต่พระท้องถิ่นเป็นหลัก โดยเฉพาะพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซื้อง่ายขายคล่องตลอดเวลา มีเท่าไรก็หมด ไม่พอขาย แม้ว่าราคาจะขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวันก็ตาม
“ด้วยเหตุนี้ผมก็ต้องปรับแผนการเล่นพระใหม่ โดยซื้อพระหลวงปู่ทิมจากระยองเข้ามาขายในกรุงเทพฯ ผมจะไปทั่วทุกสนามพระ อาศัยที่รู้จักพรรคพวกเพื่อนฝูงเยอะ ก็เลยมีการซื้อขายกันเป็นประจำ จนทุกวันนี้ผมได้เข้ามาอยู่ในสนามชมรมพระเครื่องมรดกไทย ใช้ชื่อร้านว่า ‘นะ ระยอง’ เป็นศูนย์รวมของพระหลวงปู่ทิมโดยตรง พระทุกองค์ที่ผมขายออกไป จะมีใบรับประกันให้ด้วย หากมีปัญหาหรือมีเรื่องไม่สบายใจก็เอากลับมาคืนได้เสมอ แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครเอาพระที่ซื้อไปแล้วกลับมาคืนผมเลย ซึ่งเรื่องนี้ผมระมัดระวังมาก หากพระองค์ไหนไม่แน่ใจ เป็นพระคาบลูกคาบดอก ผมจะไม่ขายให้ใครอย่างเด็ดขาด พระที่ขายออกไปต้องเป็นพระแท้ดูง่ายเท่านั้น” นะ ระยอง กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
นะ แนะนำคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสะสมพระว่า ควรเริ่มจากพระที่มีราคาถูก หรือพระใกล้ตัวก่อน แล้วค่อยๆ ศึกษาหารายละเอียดบนองค์พระให้มากๆ พร้อมทั้งประวัติที่เกี่ยวกับพระองค์นั้น สิ่งสำคัญคือ อย่าเล่นพระคนเดียว ควรคบหาสมาคมกับพรรคพวกเพื่อนฝูงในวงกว้าง เพื่อให้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การศึกษาพระหากได้ข้อมูลมาก ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการเล่นพระในวงแคบ เพราะโอกาสผิดพลาดมีมาก หรือกว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้ไขเสียแล้ว การเล่นพระให้ถูกทางโอกาสก้าวหน้าย่อมมีมาก และสามารถยืนอยู่ในวงการนี้ได้อย่างสง่างาม
ทุกวันนี้ นะ ระยอง มิใช่เก่งแต่พระสายหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เท่านั้น หากแต่พระหลักยอดนิยมอื่นๆ ก็ดูได้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน โดยเฉพาะ พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ฯลฯ
ด้วยความรู้ความชำนาญที่มีอยู่อย่างรอบด้าน สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย จึงได้แต่งตั้งให้ นะ ระยอง เป็นกรรมการตัดสินพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ในฐานะผู้ชำนาญการด้านนี้โดยเฉพาะ
ท่านผู้อ่านสามารถไปขอแบ่งปันความรู้ในการดูพระทุกประเภท หรือคำปรึกษาอื่นใดได้จาก นะ ระยอง โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องซื้อพระจากร้านนี้แต่อย่างใด นะ บอกว่า...ยินดีรับใช้เสมอ