พระเครื่อง

'ฤาษี'บรมครูแห่งสรรพวิชา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ฤาษี'บรมครูแห่งสรรพวิชา : ชั่วโมงเซียน โดย อ.ยุทธ โตอดิเทพ

                "พุทธวันทิตวา ข้าพเจ้าของอาราธนาบารมีคุณ พระพุทธคุณนัง ธรรมคุณนัง สังฆคุณนัง วันทิตวา ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีคุณ พระสังฆคุณนัง อีกทั้งคุณพระบิดา พระมารดา พระอนุกรรมวาจา อุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ อีกทั้งพระฤาษีนารอด พระฤาษีนารายณ์ พระฤาษีตาวัน พระฤาษีตาไฟ พระฤาษีเกตุ พระฤาษีเนตร พระฤาษีมุชิตวา พระฤาษีมหาพรหมเมศ พระฤาษีสมุหวัน ..."
     
               ที่นำมากล่าวข้างต้นนั้นคือ บทไหว้ครูของเก่าซึ่งจะมีพระนามของพระฤาษีเกือบทุกตน ทั้งนี้ คนไทยเราดูจะคุ้นกับฤาษีอยู่มากโดยเฉพาะในวรรณคดีต่างๆ ก็มักจะมีเรื่องของฤาษีแทบทุกเรื่อง เพราะพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดินจะต้องไปศึกษาเล่าเ รียนกับฤาษี และฤาษีเป็นเจ้าพิธีการต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้แล้วตำราของวิชาการหลายสาขา เช่น ดนตรี แพทย์ ก็มีเรื่องของฤาษีมาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ดังจะเห็นว่าพวกดนตรีและนาฏศิลป์เคารพบูชาฤาษี แพทย์แผนโบราณก็มีรูปฤาษีไว้บูชา ดังนี้เป็นต้น
    
               ฤาษี แปลว่า ผู้แสวงหาคุณมีฌานเป็นต้น ผู้เห็นผู้แต่งพระเวท
     
               ฤาษี ความหมาย คือ คนที่ศักดิ์สิทธิ์ มีพรสวรรค์มีหูตาทิพย์ ได้แก่นักบวชประเภทหนึ่งก่อนพุทธกาล โดยสละเยาวเรือนความสุขส่วนตัว บำเพ็ญพรต แสวงหาความสงบ ใช้ชีวิตอยู่ลำพัง ตามป่า ตามถ้ำหรือหน้าผา ภูเขา ปลูกอาศรมอยู่โดดเดี่ยว เป็นหมู่คณะ บำเพ็ญพรต ตามลัทธิของตนๆฤาษีมีชื่อเรียกไปต่างๆ เช่น นักพรต โยคี มุณี ดาบสการบำเพ็ญเพียรจนถึงขั้นมีฤทธิ์ หมายถึง อำนาจหรืออานุภาพมีคุณวิเศษน่าอัศจรรย์เช่น ปรากฏตัวได้ หายตัว เดินผ่านเครื่องกีดขวางได้ เดินบนน้ำได้ ดำดินได้เหาะได้ สัมผัสดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ได้ ไปถึงพรหมโลกได้
    
                ในสมัยโบราณตามตำนานที่เล่ากันมาว่าบุคคลที่ออกบวชหลุดพ้นจากความวุ่นวาย ละทิ้งจากทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์เข้าป่าบวช ถือศีลเป็น พระฤาษี ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆ จากพระอาจารย์ผู้ที่เชี่ยวชาญหรือจากเทพเทวดา หรือจาก นิมิต จนสำเร็จแล้วพระฤาษีก็นำเอาวิชาความรู้มาสั่งสอนถ่ายทอดให้ศิษยานุศิษย์ ก็คือ ครู เพราะว่าฤาษีรุ่นแรก ชุดแรก ยุคแรก เป็นผู้สอนวิชาความรู้ อาจผ่านบทประพันธ์ที่เรียกว่าคาถาซึ่งเป็นโคลง-คำกลอน พระฤาษีเหล่านี้จะผูกความรู้ขึ้นเป็นคาถา
    
               นักบวชที่เรียกว่า “ฤาษี” จะเป็นพวกบำเพ็ญพรต ตบะอย่างยิ่งยวดซึ่งผลที่ได้ตอบแทนประการหนึ่งคือการมีอิทธิฤทธิ์ที่นอกเหนือชนสามัญฤาษีจึงเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ โดยจัดแบ่งฤาษีตามตบะออกเป็น ๓ ชั้นคือ พรหมฤาษี-ผู้ที่ตบะเลิศ ข่มจิตนิวรณ์ได้บรรลุญาณชั้นสูงมหาฤาษี-ผู้มีตบะข่มกามคุณราชฤาษี-สำเร็จญาณสมาบัติชั้นต้น
    
               บรรดาฤาษีผู้สำเร็จที่ปรากฏในคำไหว้ครูไทยนั้นมีหลายท่านแต่ที่ปรากฏเสมอๆ มีอยู่สามตน คือ พระฤาษีนารอด พระฤาษีตาวัว และพระฤาษีตาไฟ ซึ่งทั้งสามท่านนี้จะเป็นที่รู้จักกันทั่วไปมาแต่โบราณมีหลักฐานปรากฏในลานเงินลานทองที่ประจุไว้พร้อมพระพิมพ์โบราณที่กล่าวว่า
     
               “ตำบลเมืองพิษณุโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองพิไชยสงคราม เมืองพิจิตรเมืองสุพรรณ ว่ายังมีฤาษี ๑๑ ตน ฤาษีเป็นใหญ่ ๓ ตน ตนหนึ่งฤาษี พิลาไลยตนหนึ่งฤาษีตาไฟ ตนหนึ่งฤาษีตาวัว เป็นประธานแก่ฤาษีทั้งหลาย จึงปรึกษากันว่าเราท่านทั้งหลายนี้จะเอาอันใดให้แก่ พระยาศรีธรรมาโศกราช ฤาษีทั้งสามจึงว่าเราจะทำด้วยฤทธิ์ ทำด้วยเครื่องประดิษฐานเงินทองไว้ฉะนี้ ฉลองพระองค์ จึงทำเมฆพัตรอุทุมพร เป็นมฤตย์พิศม์ อายุวัฒนะพระฤาษีประดิษฐานไว้ในถ้ำเหวใหญ่น้อยเป็นอานุภาพแก่มนุษย์ทั้งหลายสมณชีพราหมณ์เจ้าไปถ้วน๕๐๐๐ พรรษาฤาษีองค์หนึ่งจึงว่าแก่ฤาษีทั้งปวงท่านจงไปเอาว่านอันมีฤทธิ์ เอามาสัก ๑๐๐๐เก็บเอาเกษรไม้อันวิเศษ ที่มีกฤษณาเป็นอาทิ ให้ได้พัน ครั้นเสร็จแล้วฤาษีจึงป่าวร้องเทวดา ทั้งปวงให้ช่วยกันบดยา ทำเป็นพระพิมพ์ ไว้สถานหนึ่งเมฆพัทรสถานหนึ่ง ฤาษีทั้งสามองค์ นั้นจึงบังคับฤาษีทั้งปวง ให้เอาว่านทำเป็นผงเป็นก้อน ประดิษฐานด้วยมนต์คาถาทั้งปวง ให้ประสิทธิคุณทุกอันจึงให้ฤาษีทั้งนั้นเอาเกสร และว่าน มาประสมกันดีเป็นพระให้ประสิทธิแล้วด้วยเนาวหรคุณประดิษฐานไว้บนเจดีย์อันหนึ่งถ้าผู้ใดให้ถวายพระพรแล้วจึงเอาไว้ใช้ตามอานุภาพเถิดให้ระลึกคุณฤาษีที่ทำไว้นั้นเถิด”
      
               เรื่องตำนานประวัติความเป็นมาของฤาษี มีมากมายหลายตำนานฤาษีเป็นบิดาของทวยเทพเทวดา และอสูร ทั้งดีและไม่ดี ครูบาอาจารย์ พระเกจิอาจารย์ยุคเก่ามาจนถึงปัจจุบันจะมีครูเป็นฤาษีเป็นส่วนมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวทย์มนต์คาถา อยู่ยงคงกระพันแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และของศักดิ์สิทธิ์ของที่เป็นมงคลต่างๆ ท่านจะสังเกตเห็นไหมว่าพระเกจิอาจารย์ ถึงวันไหว้ครูก็จะนำรูปปั้นของฤาษีท่าต่างๆ เอาออกมาตั้งให้ศิษยานุศิษย์ได้บูชาสักการะ และบอกกับศิษยานุศิษย์ว่านี่คืออาจารย์ของกู เรื่องการสร้างรูปลักษณ์ของฤาษีต่างๆ ที่ไม่ปรากฏว่าพระเกจิอาจารย์องค์ไหนสร้างกันแน่แต่คนที่ชอบนิยมสะสมฤาษีจะดูความเก่า และท่าทาง สภาพเดิมๆ เพราะโบราณส่วนมากปั้นจากดินผสมผง เป็นส่วนมาก ส่วนเนื้อโลหะพบไม่มาก


ฤๅษีนารอดครูของฤาษีทั้งปวง

               สำหรับการจัดสร้างฤาษีในยุคปัจจุบันต้องยกให้พระสมุห์สมรักษ์ อนาลโย หรือหลวงพ่อรักษ์ พระเกจิชื่อดังแห่งพุทธมณฑลอยุธยา เจ้าของอมตะวาจา "ขลัง ไม่ขลัง อยู่ที่จิต" หรือที่ศิษยานุศิษย์สาธุชนรู้จักในอีกนามว่า หลวงพ่อรักษ์ ๓๐ ทัศ เจ้าอาวาสวัดสุทธาวาส วิปัสสนา และเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำ จ.พระนครศรีอยุธยา แห่งที่ ๑๓ ตั้งอยู่ ต.ลาดบัวหลวง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้จัดสร้าเหรียญหล่อบรมครูปู่ฤาษีนารอท รุ่นเทพมุนี วัตถุประสงค์เพื่อหาทุนทรัพย์ซื้อที่ดิน สร้างศาลาการเปรียญ
   
               ฤๅษีนารท หรือ ฤๅษีนารอด พระนารท หรือ พระนารอด หรือ พระนาระทะ แล้วแต่จะเรียก เป็น ๑ ใน พระประชาบดี (เทวฤษีที่เป็นพระผู้สร้าง) ๑๐ องค์ คือ เป็นผู้ประดิษฐ์ "วีณา" (พิณน้ำเต้า)        พระฤๅษีนารทบำเพ็ญพรตอยู่เชิงเขาโสฬส นอกเมืองลงกา เมื่อคราวหนุมานไปถวายแหวนแก่นางสีดาได้เหาะเลยเมืองลงกาเพราะไม่รู้จักทาง ไปพบกันเข้าจึงเกิดการประลองฤทธิ์กัน แต่หนุมานเกิดพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์พระฤๅษีจึงยอมอ่อนน้อม และเมื่อคราวหนุมานไปเผากรุงลงกาไฟที่ติดหางหนุมานจะดับอย่างไรก็ไม่สามารถดับได้ หนุมานจึงไปหาพระฤๅษีนารทให้ช่วยดับไฟให้
   
               พระฤาษีนารอด เป็นครูของฤาษีทั้งปวง ทรงกำเนิดจากเศียรที่ ๕ ของพระพรมธาดา ทรงเพศเป็นฤาษี พระฤาษีนารอดถือว่าเป็นฤาษีองค์แรกของไตรภูมิ ไม่ว่าจะมีการบูชาสิ่งใด หากไม่มีการเชิญท่านแล้ว พิธีกรรมนั้นมักไม่สมบูรณ์
   
               รูปลักษณ์ของท่านที่สร้างเป็นหัวโขน (ศีรษะครู) สำหรับบูชาเป็นรูปหน้าพระฤาษีหน้าปิดทอง สวมลอมพอกฤาษี มี(กระดาษ)ทำเป็นผ้าพับเป็นชั้นลดหลั่นกันไป เสียบอยู่กลางลอมพอก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ