พระเครื่อง

พระเจ้าตากสินมหาราช๙อิริยาบถครึ่งแห่ง...วัดนาคกลางวรวิหาร

พระเจ้าตากสินมหาราช๙อิริยาบถครึ่งแห่ง...วัดนาคกลางวรวิหาร

10 ก.พ. 2555

พระเจ้าตากสินมหาราช๙อิริยาบถครึ่งแห่ง...วัดนาคกลางวรวิหาร : ท่องไปในแดนธรรม โดย เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ประเสริฐ เทพศรี

"อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก  ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
 ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา  แด่พระศาสนา สมถะ พระพุทธโคดม
 ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี    สมณะพราหมณ์ชี ปฏิบัติ ให้พอสม
 เจริญสมถะ วิปัสสนา พ่อชื่นชม  ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา
 คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า        ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
 พุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน"

              ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ทรงมีต่อพระพุทธศาสนา พระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชสมัยของพระองค์  คือ การกอบกู้เอกราชจากพม่า ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง และยังทรงส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม และการศึกษา
 
              ด้วยเหตุนี้เอง วัด หน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชน จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้เป็นที่เคารพสักการบูชาจำนวนมาก โดยเฉพาะที่วัด?นาค?ก?ลางวรวิหาร?ถ.อรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กทม. มีการสร้างไว้มากถึง ๙ อิริยาบถ อาทิ ปาง?นั่ง?เมือง ปาง?ทรงม้า (แบบ?วงเวียนใหญ่) ปาง?ทรงม้า?(แบบ?จันทบุรี) ปาง?ยืน (ออก?รบ) ปาง?ยืน (ทรงเครื่อง?พระมหา?กษัตริย์) ปาง?อุบาสก (นั่ง?วิปัสสนา) ปาง?อุบาสก (เดิน?จง?กลม) ปาง?ผนวช (นั่ง?วิปัสสนา)  และปาง?ผนวช (ยืน?ทรงบาตร)
 
              “พระครูศรีปริยัติคุณ” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนาคกลางวรวิหาร กล่าวว่า วัดแห่งนี้มีความผูกพันกับพระองค์ท่าน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงกอบกู้อิสรภาพให้ชนชาติไทยในอดีต และทรงเป็นปูชนียบุคคลในทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะในระหว่างที่พระองค์ทรงทำหน้าที่พระมหากษัตริย์ ก็ยังทรงทำหน้าที่ของพุทธมามกะอย่างเต็มที่ จะเห็นได้ว่าท่านก็ทรงบริจาค ศีลก็ทรงรักษา ภาวนาก็ทรงเจริญ ทรงสนพระทัยในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ทั้งขณะที่อยู่ในป่า ในระหว่างการสู้รบตามหัวเมืองต่างๆ และขณะที่ประทับอยู่ในพระราชวัง ก็มักจะเสด็จออกจากวังมานั่งเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
 
              ถึงแม้ว่าในรัชสมัยของพระองค์ บ้านเมืองจะตกอยู่ในภาวะสงครามเกือบตลอดเวลา แต่พระองค์กลับมิได้ทรงละเลยงานด้านศาสนจักร ได้ทรงมุ่งมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา พระราชกรณียกิจด้านฟื้นฟูพระพุทธศาสนา เช่น บทสวดมนต์ พุทธชัยมงคลคาถา และสร้างพระยอดธง มีบันทึกโบราณบอกไว้ดังนี้
 
              "เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว ก็ทรงเล็งเห็นว่า สงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว จึงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้น แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลาย มาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยการเจริญพาหุงมหากา จึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ
 
              อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔ ในโอกาสที่พระองค์ท่านประสูติครบ ๒๗๗ ปี (ทรงประสูติในวันอาทิตย์ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๗๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕  ปีขาล) วัดนาคกลางได้ดำเนินการเททองหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในพระอิริยาบถต่างๆ จำนวน ๙ พระองค์ครึ่ง พร้อมกันนี้ได้จัดสร้างพระพุทธรูปปางฉันเม็ดสมอ พระกริ่ง ๒๗๗ ปี พระบารมีตากสินมหาราช เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราช พระอุปคุต เหรียญพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ พระสีวลีมหาลาภ เพื่อสมทบทุนสร้าง ศาลาสุธรรมภาวนา ถวายเป็นที่ประทับ โดยได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
 
              สำหรับศาลาสุธรรมภาวนานี้ ทางวัดเปิดให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้เข้าสักการบูชา ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึงเวลา ๑๗.๐๐ น. ทุกวัน และทุกวันอาทิตย์ ในเวลา ๑๕.๓๙ น.  มีการสวดมนต์เจริญภาวนา อิติปิโส ๑๐๘  ถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วัดนาคกลาง โทร.๐-๒๔๖๕-๐๙๕๐, ๐๘-๑๖๒๐-๓๕๕๖


หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ
 
              หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภนั้น เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ หงายพระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาถือผลสมอ หงายพระหัตถ์วางที่พระชานุ (เข่า) เป็นพระที่มีพุทธคุณเด่นในด้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทุกวันนี้จึงมีคนที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บไปกราบไหว้ขอพรให้หายจากอาการที่เป็นอยู่ ส่วนคนปกติทั่วไปก็ไปขอพรไม่ให้เจ็บป่วย
 
              พระครูศรีปริยัติคุณ บอกว่า ตามประวัติ หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ (องค์จริง) เป็นพระพุทธรูปปางหนึ่ง ซึ่งปางนี้เรียกว่า ปางฉันสมอ หรือปางถือผลสมอ มีพระพุทธลักษณะ แบบปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลาทรงผลสมอ (ผลสมอเป็นผลไม้ที่พระอินทร์นำมาถวาย) พระหัตถ์ขวาคว่ำลงที่พระชานุ หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง ๒๙ นิ้ว สูงจากฐานถึงพระเกศ ๔๗  นิ้ว ห่มจีวรคล้ายแบบจีนและทิเบต พระเกศเป็นแบบบัวตูม งดงามมาก 
 
              หลวงพ่อโคนสมอมหาลาภ มาประดิษฐาน ณ วัดนาคกลางวรวิหาร ในสมัยใด มิอาจทราบได้ นัยเดิมว่าประดิษฐานอยู่ทางภาคเหนือ ลอยตามลำน้ำต่างๆ มาโดยลำดับ ได้รับการอัญเชิญขึ้น ณ วัดนาคกลางวรวิหาร ริมคลองมอญ ด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ ประดิษฐานอยู่ที่หอระฆัง ที่สร้างด้วยไม้ (ปัจจุบันเป็นที่อยู่ของพุทธศาสนิกชน) ซึ่งไม่มีใครใส่ใจนัก ภายหลังเกิดอัคคีภัยรอบๆ บริเวณนั้น ลุกลามมาจนถึงหอระฆัง ไฟได้ไหม้เพียงปลายผ้าห่มองค์หลวงพ่อเท่านั้น มิได้ไหม้สิ่งอื่นเลย เป็นที่อัศจรรย์ในความศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก จึงได้อัญเชิญเข้ามาประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด แต่ก็มิได้เปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชาบ่อยนัก นอกจากมีงานเทศกาลต่างๆ จึงเป็นที่รู้จักกันเฉพาะชาวบ้าน ในละแวกนี้เท่านั้น