พระเครื่อง

พระพิมพ์สกุล'หริภุญไชย'(๑)

พระพิมพ์สกุล'หริภุญไชย'(๑)

09 ก.พ. 2555

พระพิมพ์สกุล'หริภุญไชย'(๑) : สายตรง พระล้านนา โดย น้อย ไอยรา www.pralanna.com

              ปัจจุบัน พระสกุลลำพูน ได้รับความนิยมสะสมกันมากขึ้น และมีราคาสูง เนื่องจากแนวทางการศึกษาและสะสมพระมีมาตรฐานสากลมากกว่าสมัยก่อน เริ่มจากความศรัทธามาสู่ความนิยมในศิลปะ และอายุการสร้างประกอบ
   
              สมัยก่อน อายุการสร้างพระสกุลลำพูน ยึดถือจากตำนานคำบอกเล่าเก่าแก่ เชื่อกันว่า สร้างในสมัย พระนางจามเทวี อายุประมาณ ๑,๓๐๐ ปี ปัจจุบันมีนักวิชาการหลายท่านได้ศึกษาลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่ที่ได้รับการยอมรับมากในกลุ่มนักวิชาการและนักสะสมพระ เป็นทฤษฎีของ คุณณัฏฐภัทร จันทวิช ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี ของกรมศิลปากร ที่ได้เขียนหนังสือ พระพิมพ์สกุลช่างหริภุญไชย ลงพิมพ์ เมื่อพ.ศ.๒๕๓๘ โดยกำหนดอายุสมัยการสร้างของพระสกุลลำพูน จากลักษณะศิลปะ ฝีมืองานช่าง และแหล่งโบราณสถานที่พบ ทำให้ได้ข้อมูลใหม่ว่า พระสกุลลำพูนแต่ละพิมพ์ไม่ได้สร้างพร้อมกัน ผู้เขียนจึงขอนำบทความของคุณณัฏฐภัทร มาถ่ายทอดให้ทราบถึงความเป็นของของพระสกุลช่างหริภุญไชย (ลำพูน) ในแต่ละพิมพ์
   
              ศิลปกรรมของเมืองหริภุญไชย ที่สำคัญ คือยังมีหลักฐานอยู่ มีทั้งประติมากรรมอันได้แก่พระพุทธรูป พระพิมพ์ และซากอาคารศาสนสถาน เช่น สถูปเจดีย์ เป็นต้น ซึ่งศิลปกรรมของเมืองหริภุญไชยมีลักษณะโดดเด่น และมีรูปแบบเฉพาะของตนเอง แม้ว่าจะยังแสดงเค้าลักษณะของศิลปกรรมที่เป็นต้นแบบอยู่บ้างก็ตาม
   
              ลักษณะประติมากรรม ซึ่งมีทั้งพระพุทธรูปและพระพิมพ์นั้น มีการพัฒนาการไปตามผลกระทบตามเหตุการณ์ทางการเมือง และการพระศาสนา ซึ่งน่าจะแบ่งรูปแบบอย่างกว้างๆ ได้ ๕ แบบ แต่ในบทความนี้จะกล่าวเฉพาะพระพิมพ์ (พระเครื่อง) เป็นสำคัญ ซึ่งมีรูปแบบมากมาย ทำให้สามารถศึกษา วิเคราะห์ และเปรียบเทียบ ได้อย่างเด่นชัด ดังนี้
   
              ๑.รูปแบบพระพิมพ์ที่แสดงลักษณะหรืออิทธิพลจากศิลปะทวาราวดี
   
              พระพิมพ์ในรูปแบบที่  ๑ นี้ มีทั้งพระพิมพ์ที่แสดงรูปพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว ทั้งปางสมาธิ ปางมารวิชัย และประทับยืน ปางประทานอภัย นอกจากนี้ยังพระพิมพ์ที่แสดงรูปพระพุทธเจ้าหลายๆ องค์ ประทับบนบัลลังก์ โดยมีพุทธบริวารนั่งปรนนิบัติอยู่สองข้าง
   
              ลักษณะของพระพุทธรูปในพระพิมพ์นี้ จะมีลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างกว้างมน เม็ดพระศกขมวดเป็นรูปก้นหอย เรียงกันอย่างมีระเบียบ พระนลาฏกว้าง ทำให้ดูพระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม บางองค์มีเส้นกรอบพักตร์นูนเด่น พระขนงต่อกัน พระเนตรอูมโปน พระนาสิกเป็นสัน พระโอษฐ์อมยิ้ม มุมพระเนตรชี้ขึ้น พระกรรณยาว พระหัตถ์และพระบาทมีขนาดใหญ่
   
              พระพุทธรูปในแบบนี้มีการครองผ้าแบบห่มคลุมเป็นส่วนมาก แสดงขอบจีวรเป็นเส้นนูนที่รอบพระศอ ที่ข้อพระกรและที่ข้อพระบาท แต่ที่ครองจีวรของพระพุทธรูปทวารวดีในภาคกลางโดยทั่วไป รูปแบบของพระพุทธรูปและพระพุทธสาวกจะมีประภามณฑลรอบพระเศียร ส่วนของพระพุทธเจ้านั้นประภามณฑลจะตกแต่งวิจิตรกว่าประภามณฑลของพระสาวก บนพื้นหลังของพระพิมพ์จะมีลวดลายประดับ ส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในปราสาทที่มีหลังคาเป็นยอดสูง ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ดูงดงามยิ่ง
   
              สำหรับพุทธบัลลังก์ที่รองรับปัทมาสน์ มีลักษณะเป็นแท่นคล้ายกับฐานเจดีย์สมัยทวารวดีที่แบ่งเป็นช่องๆ สองข้างฐานมีสัตว์หมอบอยู่ บางรูปเป็นช้าง และบางรูปเป็นกวาง ลักษณะและท่าทางลีลาของพระสาวกและเทวดาที่อัญเชิญเครื่องสูงอยู่ข้างพระสาวกในบางแบบนั้น ทำให้นึกถึงลักษณะของพระพิมพ์ในศิลปทวารวดีของภาคกลางอย่างเด่นชัด
   
              นอกจากนี้ ยังมีพระพิมพ์ที่แสดงรูปพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว อีกด้วย โดยลักษณะของพระพุทธรูปจะมีรูปแบบเช่นเดียวกับศิลปะทวารวดี เพียงแต่ลักษณะของพระเกตุมาลาจะเป็นต่อมเล็กๆ เท่านั้น
   
              พระพิมพ์ที่แสดงลักษณะศิลปะทวารวดีนี้ น่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ พระพิมพ์สกุลช่างหริภุญไชยในรูปแบบนี้ ได้แก่ พระพิมพ์ที่วงการพระเครื่องท้องถิ่นเรียกว่า พระกวาง พระกล้วย และ พระยืนวัดมหาวัน
   
              ๒.รูปแบบพระพิมพ์ที่แสดงลักษณะศิลปะอินเดีย
   
              พระพิมพ์ในรูปแบบที่ 2 นี้ เป็นพระพิมพ์ที่สร้างรูปพระพุทธรูปองค์เดียวตรงกลาง แวดล้อมด้วยรูปสถูปอันเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระศรีอาริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าแห่งอนาคตกาล ซึ่งลักษณะพระพิมพ์แบบนี้ มีต้นแบบมาจากพุทธคยาของอินเดีย เป็นศิลปะคุปตะ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐-๑๒
   
              สำหรับที่พบในเมืองหริภุญไชย พบพระพิมพ์ดินเผารูปกลม และมีคาถาหัวใจพระพุทธศาสนา เย ธมฺมา ปรากฏอยู่ใต้ฐานพระพุทธรูป ซึ่งวงการพระเครื่องท้องถิ่นเรียกว่า พระพิมพ์พุทธคยา มีพบอยู่ ๒ วัด คือ วัดมหาวัน และวัดสังฆาราม หรือวัดประตูลี้
   
              นอกจากนี้ ยังพบพระพิมพ์ที่แสดงลักษณะศิลปะอินเดีย แบบคุปตะ และปาละ อีก ๓ แบบ คือ พระเปิม พระคง พระบาง และ พระคงทรงพระบาง พระพิมพ์ที่แสดงอิทธิพลศิลปะอินเดียแบบนี้ น่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔   (ยังมีต่อฉบับวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ก.พ.๕๕)
   
              (หนังสืออ้างอิง  : ๑.พระพิมพ์สกุลช่างหริภุญไชย (พระเครื่องเมืองลำพูน) โดย ณัฏฐภัทร จันทวิช  พิมพ์ พ.ศ.๒๕๓๘ / ๒.พระสกุลหริภุญไชย โดย นิพนธ์ สุขสมมโนกุล - ผศ.วิลักษณ์ ศรีป่าซาง พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๕)