พระเครื่อง

‘พระเครื่องเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ’ศาล มรดกไทย นักเขียนเซียนพระ

‘พระเครื่องเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ’ศาล มรดกไทย นักเขียนเซียนพระ

15 ม.ค. 2555

‘พระเครื่องเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ’ศาล มรดกไทย นักเขียนเซียนพระ : เส้นทางนักพระเครื่อง โดยตาล ตันหยง

                ศาล มรดกไทย หรือเจ้าของชื่อจริง ไพศาล ปั้นงาม เป็นชาวบางขุนเทียน โดยกำเนิด สมัยเด็กๆ มีโอกาสได้ฟังเรื่องราวของพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ในละแวกฝั่งธนบุรี ซึ่งมีอยู่หลายท่าน โดยผู้ใหญ่มักจะพูดคุยกันเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ของพระเกจิอาจารย์แต่ละท่านเป็นประจำ
    
                โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประสบการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง ตอนอายุได้ขวบกว่า คุณพ่อได้ให้แขวน พระผงของขวัญ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ รุ่นแรก ปี ๒๔๙๓ ซึ่งคุณพ่อได้ไปทำบุญมาจากวัดโดยตรง องค์ละ ๒๕ บาท ด้วยเห็นว่าลูกชายคนนี้ซนมาก โดยที่บ้านอยู่ริมคลองสนามชัย เกรงว่าลูกอาจจะพลัดตกลงน้ำได้ จะได้แคล้วคลาดปลอดภัย ด้วยความเชื่อที่ว่า คนที่แขวนพระหลวงพ่อวัดปากน้ำ จะไม่มีวันจมน้ำ ซึ่งก็เป็นจริง เพราะวันหนึ่งเจ้าหนูจอมซนคนนี้ได้พลัดตกลงน้ำ แต่ไม่จมน้ำ คงลอยคอเกาะรั้วไม้อยู่นานพอสมควร จนมีผู้พบเห็น จึงได้ช่วยอุ้มขึ้นมาได้ พระองค์นี้ “ศาล” ได้เก็บไว้จนถึงทุกวันนี้
    
                “พอโตขึ้นหน่อย คุณพ่อได้พาผมไปอยู่กับคุณตาคุณยายที่บางไทร อยุธยา ใกล้กับวัดหน้าต่างนอก ผมได้ฟังเรื่องราวอภินิหารของหลวงพ่อจงเป็นประจำ ต่อมาผมได้กลับมาอยู่บ้านที่บางขุนเทียนเหมือนเดิม โดยไปเรียนหนังสือที่วัดบางมด จบแล้วไปเรียนต่อช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่วงนี้ผมมักจะได้ฟังผู้ใหญ่พูดกันถึงอภินิหารของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ซึ่งมีเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์มากมาย สมัยนั้นคุณพ่อได้เช่าเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พิมพ์ยันต์สี่ ในราคา ๓ พันบาท ท่านได้แขวนเหรียญนี้เป็นประจำ แบบเลี่ยมเปิด ทำให้เหรียญสึกไปบ้าง ทุกวันนี้เหรียญอันนี้ยังเก็บรักษาอยู่ที่ผม” ศาล เล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
    
                จากสภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทำให้ “ศาล” เกิดความศรัทธาเชื่อถือในเรื่องของพระเครื่องโดยปริยาย จึงเริ่มเช่าพระบางประเภท พร้อมกับหาหนังสือพระเครื่องต่างๆ มาอ่านด้วยความสนใจ
       
                ศาลเล่าว่า “วันหนึ่ง น้าชายซึ่งสนใจพระเครื่องด้วย ได้ชวนผมไปเที่ยวสนามพระท่าพระจันทร์ วันนั้นผมได้พบกับ ‘ป๋ายัพ’ (พยัพ
คำพันธุ์) ซึ่งมีบุคลิกที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ผมเกิดความประทับใจท่านมาก รู้สึกว่าเท่ เป็นแมนเต็มตัว หลังจากวันนั้น ผมจะหาโอกาสเข้าสนามท่าพระจันทร์บ่อยๆ และเช่าหาบูชาพระตามกำลังเงินที่มีอยู่ ช่วงนั้นผมยังเรียนหนังสือไม่จบ แต่มีงานพิเศษทำเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องเสียง จึงพอมีรายได้บ้าง ผมได้เอาเงินส่วนนี้เช่าพระเก็บเป็นประจำ ที่พลาดไม่ได้คือจะต้องเช่าพระจาก ‘ป๋ายัพ’ เพื่อทำความคุ้นเคยกับท่าน ซึ่งท่านก็ได้เมตตาแนะนำสิ่งที่ดีๆ แก่ผมเสมอ นอกจากนี้ยังได้เช่าพระจากคุณแกละ ตาคลี คุณอรุณ สมสาร คุณณัฐชัย หงษ์ยนต์ ฯลฯ ทำให้ได้พระหลักยอดนิยมที่รับประกันความแท้ให้ด้วย ผมจึงได้พระแท้ชนิดที่ดูง่าย มาตั้งแต่สมัยนั้น รวมทั้งคำแนะนำต่างๆ ที่เซียนพระรุ่นใหญ่ได้เมตตาแนะนำให้ตลอดมา ผมได้อาศัยพระเหล่านี้ในการส่องดูหารายละเอียด จุดตำหนิที่สำคัญๆ เป็นประจำ และคิดว่าผมได้ก้าวมาถูกทางแล้ว”
    
                พอเรียนจบ “ศาล” ได้เปิดร้านประดับยนต์ แถววัดกำแพง (หลวงพ่อไปล่) ทำให้มีเวลาเข้าสนามพระน้อยลง ขณะเดียวกันผู้ที่ “ศาล” ได้ไปซื้อพระมานั้น ได้มาหาที่ร้าน เพื่อขอแบ่งพระที่เคยซื้อไว้นั้นกลับไปขายให้คนอื่นต่อ เพราะช่วงนั้นพระมีราคาสูงขึ้นแล้ว ทำให้ “ศาล” มีความรู้สึกว่า พระเครื่องเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นหลักทรัพย์ที่มั่นคงมากกว่าการเล่นหุ้น หรือของสะสมอื่นๆ ข้อสำคัญ คือ จะต้องซื้อแต่พระแท้เท่านั้น โดยต้องได้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ จากบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและจริงใจ หากไปคบหาสมาคมกับผู้ที่เล่นพระปลอม หรือพระคาบลูกคาบดอก ไม่มีความจริงใจต่อกัน โอกาสที่จะได้พระแท้ย่อมไม่มี
    
                ต่อมา “ศาล” รู้จักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้ชวนให้เข้ามาสู่วงการพระบนชมรมพระเครื่องมรดกไทย ทำให้มีโอกาสได้พบเห็นพระหลักยอดนิยมต่างๆ  รวมทั้ง พระสมเด็จ วัดระฆัง / บางขุนพรหม ซึ่งท่านได้ให้คำแนะนำที่ดีเสมอมา ประกอบกับที่ “ศาล” มีพื้นฐานที่ดีอยู่ก่อนแล้ว รวมทั้งการศึกษาจากตำราพระ ทำให้การเรียนรู้ได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ยิ่งได้เห็นพระแท้องค์จริงบ่อยๆ ความเข้าใจในการพิจารณาพระแต่ละพิมพ์ก็ง่ายขึ้นด้วย
    
                “ผมโชคดีที่มีโอกาสได้รู้จักกับคุณอามนตรี ภักดีวุฒิธรรม เจ้าของร้านเพชรราชดำริเจมส์ ซึ่งเป็นนักสะสมพระเครื่องตัวจริงคนหนึ่ง มีพระองค์แชมป์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จ วัดระฆัง / บางขุนพรหม พระยอดนิยมต่างๆ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ฯลฯ คุณอาได้เมตตาให้ผมส่องดูพระที่มีอยู่อย่างไม่หวงแหน พร้อมกับสอนผมว่า ให้เล่นแต่พระดี มีความจริงใจกับลูกค้า จะได้มีอนาคตที่ก้าวไกล และมีคนเชื่อถือ  ซึ่งผมน้อมรับไว้ด้วยความเคารพยิ่ง” ศาล กล่าวในตอนหนึ่ง
    
                ต่อมา “ศาล” ได้รู้จักกับ คุณชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง เซียนพระสายตรงหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ และเป็นเจ้าของนิตยสาร “พระเครื่องล้ำค่า” ซึ่งทราบว่า “ศาล” เคยเขียนหนังสือมาก่อน จึงชวนให้มาเขียนเรื่องพระเครื่องลงในนิตยสารฉบับดังกล่าว พอดีตรงกับความตั้งใจของ “ศาล” อยู่ก่อนแล้ว จึงรับหน้าที่ทันที โดยใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่ รวมกับข้อมูลต่างๆ ที่ได้ศึกษาจากหนังสือตำราพระเครื่องซึ่งมีอยู่มากมาย “ศาล” ได้ทำหน้าที่เป็นนักเขียนประจำนิตยสาร “พระเครื่องล้ำค่า” มาหลายปีแล้ว รวมทั้งหนังสือฉบับพิเศษที่คุณชัยนฤทธิ์ เป็นผู้จัดทำ
    
                ศาล เล่าว่า “พี่ชัยนฤทธิ์ ให้ความรักความเมตตาผมมาก โดยแบ่งพระหลวงพ่อทวด ให้ผมในราคากันเอง พร้อมกับแนะนำการพิจารณาพระหลวงพ่อทวด ทุกรุ่นทุกพิมพ์ให้ผมอย่างชนิดเจาะลึก ทำให้ผมเรียนรู้ดูพระหลวงพ่อทวดเป็นจนถึงทุกวันนี้ พี่ชัยนฤทธิ์เห็นว่าผมสนใจธุรกิจด้านนี้ จึงได้แบ่งตู้พระในร้านให้ผมตู้หนึ่ง ผมได้อาศัยตู้พระนี้ทำธุรกิจซื้อขายพระตลอดมา ขณะเดียวกัน เมื่อลูกค้าสนใจพระหลวงพ่อทวดองค์หลักๆ ผมจะขอแบ่งจากพี่ชัยนฤทธิ์ เอาไปขายให้กับลูกค้า ซึ่งต่างก็พอใจในองค์พระที่ได้ไป เพราะล้วนเป็นพระแท้สวยดูง่ายทั้งนั้น”
    
                จากความชำนาญในการดูพระได้ทุกหน้า ผู้ใหญ่หลายคนแนะนำให้ “ศาล” เปิดร้านพระเป็นของตนเอง โดยคุณชัยนฤทธิ์ก็ให้การสนับสนุน จึงได้เปิดร้านพระ “ศาล มรดกไทย” ขึ้นทางโซนใหม่ของชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
    
                นอกจากการดูพระเครื่องต่างๆ ได้อย่างแม่นยำแล้ว “ศาล” ยังมีความรักชอบในเรื่องของ เครื่องราง ทุกชนิดอีกด้วย โดยเฉพาะ “เสือ” หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ที่ได้รับการแนะนำจาก “พี่อ๊อด” มาอย่างเต็มๆ
    
                ในส่วนของวัตถุมงคลที่ “ศาล” ห้อยติดตัวเป็นประจำ คือ “พญาครุฑ” ของ พระอาจารย์วราห์ ปุญญวโร วัดโพธิ์ทอง ซึ่ง “ศาล” ให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสมาก เรียกว่าเป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของพระอาจารย์วราห์ก็ได้
   
                “พญาครุฑ ของพระอาจารย์วราห์ มีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้ว นิมนต์ติดตัวได้ทุกคน ไม่ว่าจะเกิดปีไหนก็ตาม พญาครุฑเป็นองค์มหาเทพที่สูงสุด แก้คุณไสยได้ทุกอย่าง เสริมอำนาจบารมี เมตตามหานิยม ให้ทุกคนที่สักการบูชา รวมทั้งด้านโชคลาภ และความร่ำรวยเงินทอง จนเป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างขวาง เพราะทุกคนที่นำไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์ในทุกด้าน ทำให้ ‘พญาครุฑ’ ที่สร้างออกมาแต่ละรุ่นหมดภายในช่วงเวลาไม่นานนัก และเป็นที่น่ายินดีที่ขณะนี้พระอาจารย์วราห์ ได้สร้าง ‘พญาครุฑ’ รุ่นใหม่ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง เพื่อสนองศรัทธาของลูกศิษย์ทั้งหลาย ผู้สนใจติดต่อทำบุญได้โดยตรงที่วัดโพธิ์ทอง” ศาล มรดกไทย กล่าวในตอนท้าย