พระเครื่อง

“ยี่ โต๊ะจีนลิง”เมื่อ...คนรู้คุณลิง-ลิงจึงให้คุณคน

“ยี่ โต๊ะจีนลิง”เมื่อ...คนรู้คุณลิง-ลิงจึงให้คุณคน

14 ม.ค. 2555

“ยี่ โต๊ะจีนลิง”เมื่อ...คนรู้คุณลิง-ลิงจึงให้คุณคน : สรณะคนดัง โดย เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู

                การจัดงานเลี้ยง "โต๊ ะจีนลิง" ของ จ.ลพบุรี จัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ณ บริเวณศาลพระกาฬ และพระปรางค์สามยอด เริ่มมีขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๒ สร้างชื่อเสียงให้ จ.ลพบุรี จนโด่งดังไปทั่วโลก และถูกจัดเข้าปฏิทินงานประจำปีของจังหวัด งานดังกล่าวเริ่มขึ้นจากการลงแรงกายแรงความคิดของนายยงยุทธ กิจวัฒนานุสนธิ์ ประธาน บริษัท ลพบุรีอินน์กรุ๊ป หรือเจ้าของฉายา “เฮียยี่ โต๊ะจีนลิง” ผู้ประกอบกิจการโรงแรมและที่พักใน จ.ลพบุรี
 
                ทั้งนี้ เนื่องจากเฮียยี่ โต๊ะจีนลิงได้นำรูปลิงมาเป็นสัญลักษณ์ ในกิจการที่ตนทำอยู่จนมีความเจริญก้าวหน้า เมื่อครบรอบปีก็จะจัดหาอาหาร ซึ่งประกอบไปด้วย พืชผักผลไม้, ไข่, นม และอาหารต่างๆ ที่เป็นของโปรดของลิงนำมาเลี้ยงลิงบริเวณพระปรางค์สามยอดและที่ศาลพระกาฬ เพื่อเลี้ยงบรรดาลิงที่มาอาศัยอยู่ในบริเวณศาลพระกาฬ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นศิษย์ของเจ้าพ่อพระกาฬ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด บรรดาลิงเหล่านี้จึงได้รับความช่วยเหลือให้อาหารจากชาวบ้านเป็นอย่างดีเรื่อยมา
 
                ศาลพระกาฬ สร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง แต่ก่อนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ศาลสูง" ทับหลัง ซึ่งทำด้วยศิลาทรายสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ สมัยขอมเรืองอำนาจ วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็กชั้นบน ณ ที่นี้ได้พบหลักศิลาจารึกแปดเหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณ พ.ศ.๒๔๙๔ โดยสร้างทับบนรากฐานเดิมที่สร้างไว้ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐานพระนารายณ์ประทับยืน ซึ่งเดิมพระกร และพระเศียร หายไป แต่ต่อมามีผู้นำพระเศียรของพระสมัยอู่ทอง และพระกรมาต่อ ตามตำนานกล่าวว่า ที่พระกรหายไปทั้งหมดเพราะพระกาฬไปรับลูกระเบิด พระกรจึงขาดหายไปหมด ในบริเวณรอบศาลพระกาฬมีลิงประมาณ ๓๐๐ ตัว เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดลพบุรี
 
                "หลังจากมีโรงแรมลพบุรี ทุกๆ เดือนจะต้องไปกราบไหว้ขอพรเจ้าพ่อพระกาฬ โดยไม่ได้กำหนดว่าเป็นวันใด เพราะทุกๆ วันเป็นวันดีสะดวกวันไหนก็ไหว้วันนั้น ทั้งนี้ จะอธิษฐานจิตขอให้เจริญรุ่งเรืองในอาชีพและธุรกิจ จากนั้นก็มีแนวคิดเลี้ยงโต๊ะจีนลิงครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ จำนวน ๑๐ โต๊ะ จากนั้นก็เลี้ยงติดต่อกันทุกปีมาเป็นเวลา ๒๓ ปีแล้ว จนปัจจุบันปีหนึ่งๆ ต้องเลี้ยงโต๊ะจีน ๑๐๐ โต๊ะ" นี่เป็นคำบอกเล่าของเฮียยี่ โต๊ะจีนลิง
 
                นอกจากเลี้ยงลิงแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ เฮียยี่ โต๊ะจีนลิง เก็บสะสมมาอย่างต่อเนื่องเวลากว่า ๒๐ ปี คือ อะไรที่เป็นรูปลักษณะเกี่ยวกับลิงจะเก็บไว้หมด จากทุกประเทศที่เดินทางไปเที่ยว จนปัจจุบันมีลิงที่สะสมไว้มากกว่า ๓๐,๐๐๐ องค์ บางองค์ราคาหลักล้านบาท ในขณะที่บางองค์อายุนับร้อยปี ขนาดที่ว่าต้องมีห้องขนาดใหญ่เพื่อเก็บลิงที่สะสมไว้ถึง ๕ ห้อง ขณะเดียวกันยังจ้างช่างมาปั้นลิงขนาดใหญ่ไว้ในและหน้าโรงแรมทุกแห่ง รวมแล้วน่าจะมีมากถึงหลักพันตัว
 
                เมื่อถามถึงลิงที่เป็นเครื่องรางของขลัง เฮียยี่ โต๊ะจีนลิง บอกว่า จะเรียกลิงเป็นองค์แทนเรียกเป็นตัว มีทั้งที่ได้มาฟรีและเช่ามาบูชามาด้วยตัวเอง จากทุกวัดและทุกสำนัก ไมว่าจะเป็นของเก่าหรือของสร้างใหม่ เช่น ลิงแกะหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จ.ฉะเชิงเทรา หนุมานแกะ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน จ.นนทบุรี เจ้าพ่อเห้งเจีย จากศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน ลิงแกะของ หลวงพ่ออนันต์ วิสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบางพลีน้อย ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ รวมทั้ง หนุมาน หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ทั้งนี้ เมื่อกว่า ๑๐ ก่อนเคยเป็นประธานจัดสร้างลิงหลวงพ่อเปลี้ย คุณสัมปันโณ วัดชอนสารเดช (วัดชอนใน) ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี รุ่นแรก จากนั้นก็เป็นประธานจัดสร้างรุ่นที่ ๒
 
                ทุกครั้งที่มีอะไรติดขัดจะยกมือไหว้ขอต่อเจ้าพ่อพระกาฬตรงๆ มักจะประสบความสำเร็จทุกราย แต่สิ่งหนึ่งที่คนทั่วๆ ไปไม่รู้ คือ ใครที่ทำร้ายลิงเจ้าพ่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ชีวิตจะพบเจอแต่เรื่องเลวร้าย บางคนประสบเหตุร้ายถึงกับชีวิต โดยเฉพาะคนที่เคยยิงลิงเจ้าพ่อมีอันเป็นไปถึงแก่ชีวิทุกคน ที่ผ่านมามีเจ้าของร้านทองรายหนึ่งทำร้ายลิงเจ้าพ่อถึงกับทำให้ธุรกิจร้านทองเรียกว่า “ฉิบหาย”
 
                “กว่า ๗๐ ปีของการมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่เดินทางไปไหนจะหันหน้าไปทางศาลเจ้าพ่อพระกาฬ และยกมือไหว้ขอพรท่านให้เดินทางปลอดภัย เพียงมีรูปลิงไม่ว่าจะเป็นเสื้อหรือนามบัตรเท่ากับว่ามีลูกศิษย์ของเจ้าพ่อไปคอยอารักขาดูแล ใครที่มาลพบุรีเพียงขับรถวนศาลเจ้าพ่อพระกาฬแล้วยกมือไหว้ขอพรเท่านี้ก็เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแล้ว ทุกๆ ครั้งที่ขบวนรถวิ่งผ่านเรามักจะเห็นคนโผล่หน้าต่างยกมือไหว้ขอพรเจ้าพ่อพระกาฬ” เฮียยี่ โต๊ะจีนลิง กล่าวทิ้งท้าย


เจ้าพ่อเห้งเจียองค์แรกของประเทศไทย
 
                ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน กทม. ถือว่ามีความเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เป็นจุดศูนย์รวมแห่งความศรัทธาของชาวไทยและชาวจีนในย่านเยาวราช พลังศรัทธาของคนทั่วสารทิศ ทุกๆ วันจะเป็นประชาชนชาวไทย หรือชาวต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน รวมทั้งชาวยุโรปที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุกข์ร้อนใดก็ตามมักสำเร็จในพรที่ขอ จะต้องกลับมาแก้บนในสิ่งที่ตนสมหวังอยู่เสมอ ทำให้ผู้กราบไหว้มีความร่มเย็นเป็นสุข มีชีวิตที่ดีขึ้น ต่างประสบความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจการค้าและหน้าที่การงาน
 
                ศาลเจ้าแห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ แต่ดั้งเดิมองค์เจ้าพ่อเห้งเจียได้ถูกอัญเชิญมาจากประเทศจีนโดยเรือสำเภา ล่องมาตามแม่น้ำนครชัยศรีเทียบท่าที่วัดนางสาว จนกระทั่งมีผู้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดสามจีน ด้วยเหตุที่เรียกชื่อว่าวัดสามจีนเนื่องจากมีชาวจีนซึ่งเป็นมิตรสหายรักใคร่กัน ๓ คน ได้ร่วมแรงร่วมใจก่อสร้างวัดแห่งนี้ เพื่อเป็นศาสนสถานที่จะใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อพ.ศ.๒๔๘๒ 
 
                ศาลเจ้าที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงยิ่งแห่งนี้ มีองค์เจ้าพ่อเห้งเจียซึ่งเป็นปางไต้เสี่ยฮุกโจ้ว คือปางสำเร็จเป็นอรหันต์แล้ว  ประทับนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว เป็นองค์เทพที่แกะสลักขึ้นจากไม้มงคลโบราณ ลงรักปิดทองมีอายุยาวนานหลายร้อยปี เป็นองค์แรกของประเทศไทยที่อยู่คู่วัดสามจีนยาวนานร่วม ๒๐๐ ปี