พระเครื่อง

'หลวงพ่อซวง' วัดชีปะขาว พระเถระผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

'หลวงพ่อซวง' วัดชีปะขาว พระเถระผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม

08 ธ.ค. 2554

'หลวงพ่อซวง' วัดชีปะขาว พระเถระผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม : ปกิณกะพระเครื่อง โดย ไพศาล ถิระศุภะ

               หลวงพ่อซวง อภโย วัดชีปะขาว ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เป็นพระสงฆ์ผู้มีจริยาวัตรอันงดงาม มั่นคงและเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เน้นการปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐาน จนเชื่อกันว่าท่านได้บรรลุธรรมชั้นสูงและสำเร็จอภิญญาสมาบัติ การดำรงชีวิตของท่านมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ฉันจังหันอย่างง่ายๆ นอกจากนี้ท่านยังไม่ยอมรับบริจาคปัจจัยใดๆ เป็นการส่วนตัว โดยจะยกให้เป็นสมบัติของคณะสงฆ์จนหมดสิ้น
   
              หลวงพ่อเป็นพระคณาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมเป็นล้นพ้น ท่านจะให้ความอนุเคราะห์แก่ศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไป โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็นการรับกิจนิมนต์ การรดน้ำพระพุทธมนต์ การแจกวัตถุมงคล ฯลฯ เรื่องราวของท่านเป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมามากมายหลายเรื่อง อาทิ การเลี้ยงอีกา ซึ่งเป็นนกที่เลี้ยงเชื่องได้ยาก แต่หลวงพ่อสามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ นอกจากนี้ท่านยังรู้ภาษาสัตว์ สามารถสื่อสารกับมันได้ด้วย     สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ มีอีกาฝูงหนึ่งมาอาศัยอยู่บริเวณวัดชีปะขาว หัวหน้าฝูงเป็นอีกาเพศเมีย ซึ่งหลวงพ่อตั้งชื่อมันว่า “อีแขก” เป็นอีกาที่แสนรู้ และฟังภาษาคนรู้เรื่อง เพียงหลวงพ่อพูดว่า “อีแขกเอ้ย มาหาหลวงพ่อหน่อย” อีแขกจะบินมาหาทันที และจะมาเกาะอยู่บนฝ่ามือของท่านที่แบมือรอไว้ เป็นที่น่ารักน่าเอ็นดู และความประหลาดใจแก่ผู้ที่พบเห็น
   
              ในช่วงสายของทุกวัน อีแขกจะพาฝูงอีกาไปหากินพืช ผัก ผลไม้ ฯลฯ ในต่างถิ่น พอตอนบ่ายๆ พวกมันจะบินกลับมาที่วัดชีปะขาว โดยเกาะอาศัยอยู่ตามต้นไม้ภายในวัด และใช้เป็นที่หลับนอนตอนกลางคืน
   
              อยู่มาวันหนึ่ง หลวงพ่อเรียกอีแขกมาพบ และกล่าวกับมันว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องพาฝูงอีกาไปหากินไกลอีก เพราะพวกเจ้าไปกินพืช ผัก ผลไม้ ในสวนเขาเสียหายเป็นจำนวนมาก เจ้าของสวนเขาโกรธและเตรียมเอายาเบื่อไว้ล่อให้พวกเอ็งไปกิน ซึ่งเรื่องนี้ หลวงพ่อสามารถล่วงรู้ได้ เนื่องจากท่านสำเร็จวิชาสรตโสฬส จึงสามารถทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
   
              อีแขกรับฟังความห่วงใยที่หลวงพ่อมีความเมตตาต่อพวกมันด้วยความซาบซึ้ง ตั้งแต่นั้นมา อีแขกและพวกจะไม่บินไปหากินที่เขต จ.พระนครศรีอยุธยา อีก พวกมันจะอาศัยอยู่แต่ภายในบริเวณวัดชีปะขาว และคอยกินข้าวก้นบาตรที่หลวงพ่อจัดหาให้เป็นประจำทุกวัน
   
              หลังจากหลวงพ่อมรณภาพลง ในวันที่ทำพิธีสรงน้ำศพหลวงพ่อ ฝูงอีกาได้บินฉวัดเฉวียน และส่งเสียงร้องกันอย่างเซ็งแซ่ และโหยหวนไปทั่วบริเวณวัด เพราะมันรู้ว่าร่มโพธิ์ร่มไทรที่ให้มันพักพิงได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ ต่อมาไม่นานอีแขกและพวกก็ได้อพยพไปอยู่ถิ่นอื่น โดยไม่กลับมาที่วัดชีปะขาวอีกเลย
   
              อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมของหลวงพ่อซวง คือ หลวงพ่อมีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อว่า "สว่าง" มีบ้านพักอยู่ใกล้ๆ กับวัดชีปะขาว นายสว่างเป็นคนซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง หลวงพ่อจึงรักใคร่เอ็นดูเป็นพิเศษ โดยนายสว่างรับอาสาเป็นช่างก่อสร้างประจำวัดชีปะชาว เช่น งานทำอิฐ งานซ่อมแซมศาสนสถานต่างๆ ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นคนขับเรือยนต์ให้หลวงพ่อ เพื่อไปในงานกิจนิมนต์ต่างๆ ซึ่งในสมัยนั้นมักจะใช้การสัญจรทางน้ำเป็นหลัก
   
              วันหนึ่ง หลวงพ่อซวงเรียกนายสว่างไปพบ และกล่าวกับนายสว่างว่า เจ้ากำลังจะมีโชค แต่ขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าว่า จะไขว่คว้ามาได้หรือไม่ พร้อมกับเขียนตัวเลขใส่กระดาษให้ ๖ ตัวเพื่อให้นำไปเสี่ยงโชค โดยบอกกับนายสนั่นว่า เช้าวันพรุ่งนี้ให้นั่งเรือโดยสาร (เรียกกันทั่วไปว่า "เรือแดง") ไปขึ้นที่ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อมองเห็นคนขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้รีบไปหาและเลือกซื้อสลากตามตัวเลขที่หลวงพ่อเขียนให้ไว้ในกระดาษ ห้ามแวะไปทำธุระอย่างอื่นก่อนเป็นอันขาด
   
              ในวันรุ่งขึ้น นายสว่างได้เดินทางมาถึงท่าเรือ อยุธยา เมื่อขึ้นมาจากเรือโดยสาร มองไปรอบๆ ก็เห็นแม่ค้าขายสลากอยู่เจ้าหนึ่งก็รู้สึกดีใจ ตั้งใจว่า เดี๋ยวจะไปหาซื้อสลากตามตัวเลข ๖ ตัวที่หลวงพ่อซวงเขียนมาให้ ตอนนี้รู้สึกหิวมาก ขอไปซื้อข้าวแกงรับประทานก่อน โดยลืมคำบอกกล่าวของหลวงพ่อซวงที่ว่า เมื่อพบคนขายสลากให้รีบไปซื้อตามตัวเลขที่เขียนบอกไว้ ห้ามแวะไปทำธุระอย่างอื่นก่อน
   
              หลังจากรับประทานข้าวแกงจนอิ่มแล้ว นายสว่างรีบเดินไปหาแม่ค้าขายสลาก พร้อมกับขอซื้อสลากตามตัวเลข ๖ ตัวที่เขียนไว้ในกระดาษ แม่ค้าขายสลากฯ บอกกับว่าเพิ่งขายสลากเลขดังกล่าวให้กับคนอื่นไปเมื่อตะกี้นี้เอง ทำให้นายสว่างคอตก ที่ไม่สามารถซื้อสลากตามเลขดังกล่าวได้ ที่น่าเจ็บใจก็คือ สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดนั้น รางวัลที่ ๑ ออกตรงตามตัวเลขที่หลวงพ่อซวงได้เขียนให้ไว้ทุกประการ ทำให้นายสว่างกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวัน รู้สึกน้อยใจในโชควาสนาของตัวเอง พร้อมกับรำพึงในใจว่า ถ้าเราเชื่อในคำบอกกล่าวของหลวงพ่อ เราคงเป็นเศรษฐีไปแล้ว
   
              หลวงพ่อซวง ชาตะเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๔๒ มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๐ สิริรวมอายุได้ ๖๙ ปี พรรษา ๔๔ ท่านได้จากไปแล้วเป็นเวลา ๔๔ ปี (พ.ศ.๒๕๕๔) แต่คุณธรรมความดีงาม และความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลของท่านยังปรากฏให้เห็นจนถึงทุก วันนี้