พระเครื่อง

พระซุ้มกระรอกกระแตกรุวัดพระศรีฯ จ.ลพบุรี เนื้อชินเงิน

พระซุ้มกระรอกกระแตกรุวัดพระศรีฯ จ.ลพบุรี เนื้อชินเงิน

08 ธ.ค. 2554

พระซุ้มกระรอกกระแตกรุวัดพระศรีฯ จ.ลพบุรี เนื้อชินเงิน : สาระสังเขป พระเนื้อชิน โดย ชาติ วิศิษฏ์สรอรรถ

                      ลพบุรี เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของไทย เป็นเมืองโบราณที่มีปูชนียสถานหลายยุคหลายสมัยผสมกลมกลืนกัน เริ่มตั้งแต่สมัยทวารวดี เป็นต้นมา เมื่อกว่า ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว มีพระยาสามพี่น้องเป็นใหญ่อยู่ในละโว้ ต่อมาเป็นผู้สร้างเมืองละโว้ขึ้น และเพื่อประกาศถึงความเจริญรุ่งเรือง และความยิ่งใหญ่ของพระยาสามพี่น้องแห่งตักศิลา ที่มาตั้งเมืองละโว้เป็นราชธานี ท่านทั้งสามจึงได้สร้างพระปรางค์สามยอดขึ้น ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบัน
           
               เมืองลพบุรี มีโบราณสถานที่ชนชาติขอมได้สร้างไว้หลายแห่งด้วยกัน มีทั้งในศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ เช่น เทวสถานปรางค์แขก, ศาลพระกาฬ, พระปรางค์ องค์ประธาน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ โบราณสถานที่พวกขอมสร้างไว้ นักโบราณคดีเรียกว่า สมัยลพบุรี ซึ่งเป็นสมัยสำคัญสมัยหนึ่งในตำนานโบราณคดีของไทย
           
               ลพบุรีเป็นเมืองพุทธเมืองพระ ที่มีกิตติคุณและความเกรียงไกรยิ่งใหญ่ เลิศล้ำไปด้วยปฏิมากรรมพุทธศิลป์ และพุทธคุณ เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ผู้ที่สักการบูชา ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่คนใน จ.ลพบุรีเท่านั้น ที่อยากจะได้ของดีจากเมืองนี้ คนจังหวัดอื่นๆ ก็อยากได้เช่นกัน เพราะมีความเชื่ออย่างสนิทใจว่า วัตถุมงคลเหล่านี้มีคุณค่าสูงอย่างแท้จริง
          
                เมืองลพบุรี ได้ผ่านการทำศึกสงครามหลายยุคหลายสมัยมาแต่โบราณกาล เป็นชัยภูมิที่ดีในด้านยุทธศาสตร์ของการทำสงครามสู้รบ ปัจจุบันยังมีค่ายทหารมากมายตั้งอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นด่านหน้า ป้องกันเอกราชของชาติไทย อาทิ ค่ายพิบูลสงคราม กองพลทหารปืนใหญ่ และ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
          
                ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นค่ายทหารที่สร้างขึ้นเมื่อปี ๒๔๘๐ โดยกรมยุทธศึกษาทหารบก รัฐบาลในสมัยนั้นตั้งชื่อค่ายนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในค่ายนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารราบ โดยมีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งแต่เดิมในสมัยกรุงศรีอยุธยา ใช้เป็นที่จับช้าง ในบริเวณประตูเมืองเก่า ปัจจุบันเรียกว่า ประตูเพนียด
       
               ที่บริเวณหน้าประตูเพนียดด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ได้มีการขุดพบพระเครื่อง ขณะที่ทหารจำนวนหนึ่งกำลังฝึกภาคสนาม โดยการฝึกมีการขุดหลุมบุคคลและหลุมปืน จึงได้พบ พระดินแผง ลักษณะคล้ายผานไถนา  แต่มีขนาดเล็กกว่า เรียกชื่อว่า พระซุ้มกระรอกกระแต
        
                พระซุ้มกระรอกกระแต พิมพ์นี้มีการขุดพบได้อีกหลายแห่ง อาทิ กรุวัดชุมนุมสงฆ์ จ.สุพรรณบุรี กรุวัดราชบูรณะ จ.พระนครศรีอยุธยา กรุปราสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี และที่นิยมสุด คือ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี ซึ่งขุดพบพร้อมกับพระลพบุรี ยอดนิยมพิมพ์อื่นๆ
       
               สำหรับ พระซุ้มกระรอกกระแต ที่ขุดพบนั้น มีทั้งเนื้อชิน เนื้อดิน และเนื้อตะกั่วสนิมแดง พระพิมพ์นี้จัดอยู่ในประเภท พระแผง โดยปกติแล้ว พระแผง จะปรากฎพระสามองค์ขึ้นไปรวมอยู่ในองค์เดียวกัน พระแผงบางองค์มีพระเล็กๆ หลายสิบองค์รวมกัน
       
               พระแผง ที่ว่านี้ในวงการพระเครื่องลำดับความสำคัญว่ามีความก้ำกึ่งกันระหว่าง พระเครื่อง และ พระบูชา เพราะขนาดใหญ่ขององค์พระนั่นเอง
          
                พระซุ้มกระรอกกระแต กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี มีการประมาณอายุของเนื้อพระที่เก่ากว่าพระกรุอื่นๆ โดยเฉพาะ พระเนื้อชินเงิน ดูเข้มขลังแบบดำ มัน ไขวาว และรอยระเบิด มากกว่าของพระกรุเมืองอื่นๆ พิมพ์พระเป็นศิลปะลพบุรีแบบบายน มีการผสมผสานและประยุกต์ศิลปะแบบเก่าๆ เข้าด้วยกันในแบบมหายาน
       
               เอกลักษณ์ของพุทธศิลปะแบบบายนนั้น นิยมสร้างพระปฏิมากรรมปางมารวิชัย โดยเพิ่มพระปางนาคปรกเป็นองค์ประกอบ องค์พระมีขนาดเขื่องและใหญ่พอสมควร จึงสามารถจัดองค์ประกอบต่างๆ ในการออกลวดลาย ทั้งด้านบนและด้านซ้ายขวาได้สมดุลลงตัวสวยงามในพุทธศิลป์ มีซุ้มเรือนแก้วและใบระกาคล้ายใบโพธิ์ มีสัตว์ในเทพนิยาย ๒ ชนิด คือ กระรอก และ กระแต อยู่ที่บริเวณบนซุ้มที่ครอบองค์พระ ใต้ซุ้มใบไม้ อันเป็นที่มาของชื่อพระพิมพ์นี้
          
                พระซุ้มกระรอกกระแต องค์ประธานตรงกลางเป็นพระปางมารวิชัย พระศกประดับด้วยมงกุฎทรงเทริดขนนก มีรัดแขน ศิลปะลพบุรีบริสุทธิ์ ประทับอยู่บนฐาน ๒ ชั้น แบบบัวคว่ำบัวหงาย ที่มีฐานคั่นแบ่งกลางสวยงาม ซึ่งคนสมัยก่อนเรียกว่า "บัวเล็บช้างแบบคู่"
       
               ส่วนองค์พระประกอบด้านซ้ายและขวา เป็นพระสมาธิปางนาคปรก ทรงมงกุฎเช่นกัน ประทับบนฐานตรงพร้อมมีบัวเล็บช้างแบบชั้นเดียวรองรับ
       
               พระนาคปรกทั้งองค์ด้านซ้ายและองค์ด้านขวา มีความงดงามอลังการมาก โดยฝีมือสกุลช่างขอมแบบมหายาน มีลักษณะพิมพ์เช่นเดียวกับพระนาคปรก (เดี่ยว) ของกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ โดยมีขนาดที่ย่อส่วนเล็กลง เพื่อประดับอยู่ในพระแผง ต่างกันเพียงพระพิมพ์นาคปรกทั่วๆ ไปไม่มีบัวเล็บช้างรองรับ เป็นแบบฐานเรียบตรงธรรมดาเป็นชั้นๆ  คล้ายลำตัวของพญานาค
           
               พระซุ้มกระรอกกระแต มีขนาดองค์พระใหญ่โตพอสมควร ขนาดกว้าง ๕.๕ ซม. สูง ๗.๕ ซม. พระพิมพ์นี้ในอดีตเป็นที่ชื่นชอบของคนสมัยเก่าก่อนมาก ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าที่ควร เพราะองค์พระมีขนาดเขื่องเกินไป ไม่เหมาะที่จะนำพาหรือพกติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวก นักเลงพระจึงไม่ค่อยสะสมกัน
       
               แต่พระประเภทนี้ ตามความเป็นจริงแล้วมีคุณค่าทางโบราณศิลป์เป็นอันมาก มีความเก่าในศิลปะลพบุรี ที่มีอายุระหว่าง พ.ศ.๑๕๐๐-๑๘๐๐ ราคาเช่าบูชาหลักหมื่นต้นๆ สภาพสวยน่าสะสมขึ้นถึง ๒ หมื่นปลาย เพราะยังมีนักสะสมพระรุ่นเก่าที่นิยมพระแผงใหญ่ ต้องการเก็บเข้ารวมในพระแผงชุดบูชา
       
               แฟนพันธุ์แท้ ประเภทนี้มีคติที่ว่า “กล้าเช่าแพง” แบบเมื่อคำนวณเนื้อที่เหมือนซื้อที่ดินเป็นตารางมิลลิเมตรนั่นเอง คิดดูแล้วราคายังถูกมากกว่าพระเนื้อชินหลักขนาดทั่วๆ ไป แถมพระแผงทุกองค์ได้ใหญ่เนื้อพระมาก ทั้งมีอายุเก่าหลายร้อยปี ที่มีพุทธศิลป์สุดวิจิตรอลังการในตัวเอง
             
               พุทธคุณ ของพระซุ้มกระรอกกระแตนั้น สมัยคุณปู่คุณทวดบอกว่า  ไม่แพ้ พระร่วง พระหูยาน เพราะพระประเภทนี้มีอิทธิฤทธิ์ไม่แพ้พระลพบุรีอื่นๆ เรียกว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง ชาวลพบุรีนิยมใช้กันมาก แม้องค์พระจะใหญ่ก็ตาม บางท่านถึงกับถักลวดบูชาขึ้นคอมานานแล้ว แต่ที่นิยมกันมากมักจะอาราชธนาไว้ประจำบ้านเรือน เพื่อคุ้มครองปกป้องเภทภัยต่างๆ ไม่ให้มากล้ำกราย