พระเครื่อง

ศุภสัณฑ์ หนูสวัสดิ์กับวจี..."พระท้องถิ่นก็มีดีไม่แพ้พระยอดนิยม”

ศุภสัณฑ์ หนูสวัสดิ์กับวจี..."พระท้องถิ่นก็มีดีไม่แพ้พระยอดนิยม”

22 ต.ค. 2554

ศุภสัณฑ์ หนูสวัสดิ์กับวจี..."พระท้องถิ่นก็มีดีไม่แพ้พระยอดนิยม” : สรณะคนดัง โดยเรื่อง/ภาพ สุพิชฌาย์ รัตนะ ศูนย์ข่าวภาคใต้

          “ความกตัญญู” เป็นคาถาบทสำคัญในการครองตนและดำรงชีวิต ซึ่งเป็นที่ประจักษ์มานักต่อนักว่า สิ่งนี้คือกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยนำพาให้หลายบุคคลก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จมาแล้วมากมายแทบนับไม่ถ้วน รวมไปถึง “ศุภสัณฑ์ หนูสวัสดิ์” นายกเทศมนตรีตำบลนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชื่ออย่างสนิทใจว่า

            "ชีวิตจะมีความเจริญ ต้องรู้จักทดแทนบุญคุณ หรือรู้จักความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ เพราะในชีวิตของคนเรา นอกจากพ่อแม่ บุพการี และญาติพี่น้องที่มีพระคุณอย่างล้นพ้นแล้ว ยังมีคนในสังคมอีกมากมายที่ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน บุญกุศลของการรู้คุณคน จะเป็นแรงเกื้อหนุนให้ทุกอย่างก้าวเต็มไปด้วยความสำเร็จ"

            ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ “นายก” จากเมืองเล็กๆ ซึ่งมีรอยต่อกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนในทุกแวดวง เพราะบุคลิกที่นอบน้อม อีกทั้งเป็นคนที่ได้รับการกล่าวขานว่า มีความกตัญญูรู้คุณคนมากที่สุดคนหนึ่งในแวดวงการเมืองท้องถิ่น จนกลายเป็นนักการเมือง "ดาวรุ่ง” ในระดับภูธร ที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้

            เอกลักษณ์หนึ่งของ “ศุภสัณฑ์ หนูสวัสดิ์” ที่ติดตาประชาชน คือเป็น “นักเจรจา” จนกลายเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่ได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีสำคัญในการกล่าวปาฐกถา หรือแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องการบริหารงานระดับท้องถิ่นมากที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้

            ย้อนกลับไปในอดีต “ศุภสัณฑ์” ก่อนจะก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีเทศบาลนาทวี ผู้ชายคนนี้เคยทำหน้าที่ไวยาวัจกร หรือ มัคนายกวัด รวมทั้งเป็นพิธีกรประจำงานวัดต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นครูสอนหนังสือวิชาพระพุทธศาสนา กระทั่งผันตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมืองเมื่อปี ๒๕๓๘ ในตำแหน่งรองประธานสภา, ประธานสุขาภิบาล และก้าวสู่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมื่อปี ๒๕๔๒

            ด้วยความที่มีโอกาสคลุกคลีกับพระพุทธศาสนาและประชาชนมาอย่างยาวนาน ทำให้ครั้งหนึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการการเมืองท้องถิ่น โดยจัดกิจกรรม “ทัวร์ธรรมะ” เป็นแห่งแรกของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่นำพุทธศาสนิกชนไปศึกษาและร่วมทำบุญตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมพระพุทธศาสนา

            จากการใช้ชีวิตใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนามาโดยตลอด ทำให้ “นายกศุภสัณฑ์” เชื่อในเรื่องเวรและกรรมอย่างสนิทใจ เพราะเคยเกิดเหตุการณ์อันประจักษ์แก่ชีวิตมาแล้ว โดยเฉพาะประสบการณ์เฉียดตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา และทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ล้วนแต่ขับรถเองทั้งสิ้น ทั้งนี้โชคดีที่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย เมื่อเทียบกับสภาพรถที่ปรากฏ ซึ่งใครเห็นแล้วแทบไม่น่าเชื่อหากคนขับรอดตายก็ต้องปาฏิหาริย์เท่านั้น

            “ผมรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ดังนั้นจึงเชื่อว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม เพราะหากไม่ถึงฆาต ชีวิตก็จะไม่สิ้นลม แต่อย่างไรก็ตาม การทำบุญและสร้างความดีก็จะช่วยเป็นดั่งเกราะคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากนาทีเป็นนาทีตายได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเหตุการณ์ครั้งหนึ่งซึ่งไม่เคยลืมเมื่อประมาณ ๕ ปีก่อน ขณะขับรถกลับจากไปดูนากุ้งที่ อ.ระโนด จ.สงขลา อยู่ดีๆ รถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นมะขามข้างทางอย่างจัง ในจังหวะที่กำลังเปิดฟังซีดีธรรมะภายในรถพอดี แต่โชคดีไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด” นายกเล็กเมืองนาทวี กล่าว

            นอกจากจะเชื่อว่าชีวิตจะมีลมหายใจอยู่ได้ด้วยบุญและกรรมเวรแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายก็คือ “พระเครื่อง” เพราะสิ่งนี้คือตัวแทนของพระพุทธองค์ หากเราเคารพและนับถือด้วยความศรัทธาและบริสุทธิ์ใจแล้ว พลังที่เรามองไม่เห็นมักจะปรากฏในยามคับขันอยู่เสมอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนด้วย

            พระเครื่องที่นายกศุภสัณฑ์ คล้องคอประจำมี ๓ องค์ คือ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้, เหรียญมหาลอย วัดแหลมจาก ต.ปากรอ อ.สิงหนคร และพระหลวงปู่อิ่ม วัดในวัง อ.นาทวี

            โดยเฉพาะพระหลวงปู่อิ่ม เป็นพระเนื้อว่านที่พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ได้ร่วมสร้างและปลุกเสก ที่วัดในวัง ทำให้เป็นพระที่ศรัทธาอย่างมาก และที่สำคัญปัจจุบันเมื่อมีโอกาสได้เข้ามาทำงานในฐานะผู้นำท้องถิ่นนาทวี จึงต้องเข้าไปกราบนมัสการรูปเหมือนหลวงปู่อิ่มที่วัดเสมอ

            ทั้งนี้ นายกศุภสัณฑ์ พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “แม้จะแขวนพระเครื่องในระดับท้องถิ่น แต่ส่วนตัวเชื่อว่าพุทธคุณและความศักดิ์สิทธิ์มิได้ด้อยค่าไปกว่าพระเครื่องที่อยู่ในมือเซียนใหญ่ หรือพระที่มีราคาสูง ดังนั้นจึงอยากให้ชาวบ้านหันกลับมามองและให้ความสำคัญกับพระเครื่องในท้องถิ่นของตัวเองด้วย การแขวนพระท้องถิ่นนอกจากจะช่วยสืบสานสิ่งดีงามของชุมชนให้อยู่คู่กับสังคมสืบไปตราบนานเท่านานแล้ว ยังเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติคุณให้กับพระในแต่ละพื้นที่อีกด้วย ดังนั้นอย่ามองข้ามพระท้องถิ่น”


นายกนักเทศน์


            นอกเหนือจากบทบาทของนักการเมืองท้องถิ่น ที่จะต้องยกระดับความเป็นอยู่และพัฒนาชุมชนให้มีมาตรฐานสูงกว่าเดิมแล้ว สิ่งหนึ่งที่ “ศุภสัณฑ์ หนูสวัสดิ์” มักจะมอบให้ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบอยู่เป็นประจำคือ “หลักธรรม” ซึ่งเป็นตะกอนความรู้จากหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากประสบการณ์ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในรั้วพัทธสีมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ อีกทั้งยังได้รับการอบรมบ่มนิสัยจากพระอาจารย์คง พระภิกษุที่ชาวสงขลาให้การยอมรับนับถือ ดังนั้นทุกคำสอนและทุกหลักธรรม จึงมักจะถูกถ่ายทอดผ่านคำพูดของผู้นำท้องถิ่นคนนี้ไปยังชาวบ้านในทุกระดับอยู่เสมอ

            “การพูดคุยกับชาวบ้าน หากเราแฝงด้วยธรรมและแง่คิด นอกจากจะช่วยให้เขาดำเนินชีวิตอย่างมีสติแล้วยังทำให้ชุมชนก้าวเดินไปอย่างมีครรลอง เพราะทุกๆ คนล้วนมีธรรมเป็นเครื่องนำทางนั่นเอง” ศุภสัณฑ์ กล่าว

            ผู้นำท้องถิ่นแห่งนาทวีกล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านตั้งสมญาให้เป็น “นายกนักเทศน์” ด้วยเพราะการนำธรรมะสอดแทรกอยู่ในเนื้อหาสาระของการพูดคุยอยู่เสมอ ซึ่งผู้คนในพื้นที่ยอมรับว่า นอกจากเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนแล้ว ยังเป็นการสร้างบุคลิกที่โดดเด่นให้กับชุมขนแห่งนี้อีกด้วย