พระเครื่อง

‘ชอบพระเครื่องที่มีพุทธศิลป์สวยงาม’วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร

‘ชอบพระเครื่องที่มีพุทธศิลป์สวยงาม’วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร

25 ก.ย. 2554

‘ชอบพระเครื่องที่มีพุทธศิลป์สวยงาม’วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ ปี ๒๕๕๒ : เส้นทางนักพระเครื่อง โดย ตาล ตันหยง

           วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่าย) ปี ๒๕๕๒ คนที่ ๔ ของวงการนักถ่ายภาพ ต่อจาก ๑.ศาสตราจารย์ พูน เกษจำรัส ( ปี ๒๕๓๑) ๒.จิตต์ จงมั่นคง (ปี ๒๕๓๘) ๓.ไพบูลย์ มุสิกโปดก (ปี ๒๕๔๗) และ ๔.ยรรยง โอฬาระชิน (ปี ๒๕๕๐) นับเป็นศิลปินแห่งชาติอีกท่านหนึ่งที่ให้ความสนใจในเรื่องของพระพุทธศาสนา พระพุทธรูป และพระเครื่อง มาตั้งแต่อายุยังน้อย จนต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ผลงานในการถ่ายภาพ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง อย่างสวยงามและมีศิลปะ มานานกว่า ๑๐ ปี เพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือสำหรับการศึกษาข้อมูลและภาพพระพุทธรูปองค์สำคัญๆ ของเมืองไทย

               คุณวรนันทน์ เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด บ้านอยู่แถววัดสุทธิวราราม ถนนเจริญกรุง จบชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนโกศลวิทยา (มีเรียนภาษาจีน) และชั้นประถมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนวัดราชสิงขร จากนั้นได้ออกมาทำงานติดรถส่งเสื้อผ้าไปขายตามต่างจังหวัดเป็นเวลา ๔ ปี ต่อมาได้ทำงานโรงสีข้าวที่ไทรน้อย จ.นนทบุรี ๔ ปี แล้วย้ายไปทำงานร้านขายวัสดุก่อสร้างที่บางบัวทอง

              ตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ได้พบเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองไทยหลายแห่งรู้สึกประทับใจมาก จึงเกิดความคิดว่า หากได้ถ่ายภาพเก็บความสวยงามเหล่านั้นเอาไว้ ก็จะได้เชยชมไปนานๆ จึงได้ซื้อกล้องถ่ายภาพตัวหนึ่ง พร้อมกับไปเรียนรู้วิธีถ่ายภาพที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเปิดหลักสูตรพิเศษภาคฤดูร้อน สำหรับประชาชนทั่วไป จนสามารถถ่ายภาพได้ดีในระดับหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็ได้เปลี่ยนอาชีพไปทำงานในร้านขายกล้องถ่ายภาพ เริ่มจากพนักงานหน้าร้าน ไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้จัดการ จนในที่สุดได้ซื้อกิจการมาบริหารเอง คือ ร้านโฟโต้ฮอบบี้ และเมื่อได้เป็นศิลปินแห่งชาติแล้วก็ได้โอนกิจการนี้ให้คนอื่นทำต่อไป

              ในส่วนของความสนใจพระเครื่อง คุณวรนันทน์กล่าวว่า “สมัยเรียนอยู่ชั้น ป.๕ ผมได้เรียนและสอบได้นักธรรมศึกษาตรี พอโตขึ้นทำงานมีรายได้แล้วก็เริ่มศึกษาเรื่องราวของพุทธศิลป์ต่างๆ มากขึ้น ทั้งจากของจริงและจากหนังสือตำราต่างๆ จนเกิดความประทับใจในความงดงามของพระพุทธรูป  รวมทั้งพระเครื่อง หากมีโอกาสก็จะเช่าบูชาตามกำลังเงิน ต่อมาเมื่อทำงานที่บางบัวทองได้รู้จักกับเสี่ยแหลและเพื่อนเซียนพระของท่าน ทำให้ผมมีโอกาสได้พบเห็นพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง พระปิดตาแร่บางไผ่ และพระอื่นๆ อีกมากมาย เพราะเสี่ยแหลเป็นนักสะสมพระเครื่องชื่อดังคนหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่งมีคนมาเอาพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง พิมพ์หลังเรียบ มาขายที่ร้านกาแฟซึ่งเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของบรรดาเซียนพระแถวนั้น เสี่ยแหลและเพื่อนดูแล้วบอกว่าเป็นพระแท้ ผมอยากได้มาก เจ้าของบอกขาย ๔,๐๐๐  บาท ผมไม่มีปัญญาเช่า เพราะมีเงินเดือนเพียงพันกว่าบาทเท่านั้น จึงไปขอยืมเงินจากเถ้าแก่ที่ทำงาน ท่านก็ให้ยืม โดยให้ผมผ่อนใช้คืนทีหลัง ผมจึงได้เป็นเจ้าของพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม พิมพ์หลังเรียบ ด้วยความสมหวัง ต่อมาเมื่อมีงานประกวดพระที่บางบัวทอง ผมส่งพระองค์นี้เข้าประกวด ปรากฏว่าติดรางวัลที่ ๑ ผมดีใจมาก นับเป็นพระองค์แรกที่ผมซื้อมาในราคาแพง แล้วยังติดรางวัลที่ ๑ อีกด้วย ทุกวันนี้ผมก็ยังเก็บรักษาพระองค์นี้อยู่”

               จากการที่ชอบอ่านหนังสือพระเครื่อง “ลานโพธิ์” และ “อาณาจักรพระเครื่อง” เป็นประจำ ทำให้หนุ่มวรนันทน์มีความรู้ในเรื่องพระเครื่องพอสมควร รวมทั้งหาเช่าพระตามที่หนังสือได้ลงข่าว ที่สนใจมากคือ เหรียญพระคณาจารย์สายกรรมฐานศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต รวมทั้งพระหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ พระหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี  ซึ่งมีโอกาสไปกราบท่านบ่อย และได้บูชาพระของท่านตลอดมา โดยเฉพาะพระปรกใบมะขาม องค์ละ ๑๐ บาท เช่าไว้จำนวนมาก สรุปได้ว่า คุณวรนันทน์สะสมพระมาก่อนการถ่ายภาพจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

               ครั้งหนึ่ง คุณบุญเหลือ ออประเสริฐ ได้จัดทำหนังสือ มรดกล้ำค่า สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม ก็ได้ให้คุณวรนันทน์กับเพื่อนช่างภาพ ไปถ่ายภาพพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) และภาพต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกัน ทำให้รู้จักกับ อ.หนู (นิรันดร์ แดงวิจิตร) มือแต่งพระกริ่งผู้โด่งดัง รวมทั้งได้รู้เห็นกรรมวิธีการสร้างพระกริ่งของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อนมาก กว่าจะได้พระกริ่งออกมารุ่นหนึ่งต้องใช้กรรมวิธีหลายขั้นตอน นับได้ว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯพระองค์นี้ทรงเป็นผู้มีฝีมืออย่างเลิศล้ำในการ สร้างพระกริ่งที่แท้จริง

              “ช่วงที่ทำงานโรงสี ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดไทรน้อย ผมกับเพื่อนๆ ได้ช่วยกันจัดสร้างพระกริ่งถวายหลวงพ่อวัดไทรน้อยรุ่นหนึ่ง คือ พระกริ่งพระพุทธมุนีภิรมย์ เพื่อหาเงินสร้างโรงเรียน โดยอาศัยแนวทางการสร้างพระกริ่งสายวัดสุทัศนฯ เป็นพระกริ่งแบบกริ่งในตัว เน้นเรื่องเนื้อหามวลสารดี พิธีดี ครบสูตรทุกขั้นตอน ของวัดสุทัศนฯ ทำให้ผู้ร่วมทำบุญพระกริ่งรุ่นนี้ต่างพึงพอใจกันมาก” คุณวรนันทน์ กล่าวในตอนหนึ่ง

              สำหรับหนังสือ “พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๕ มี ๒ ภาษา คือ ไทย-อังกฤษ  ขณะนี้กำลังจัดพิมพ์ครั้งที่ ๖ โดยมีภาษาจีนด้วย เพื่อเป็นคู่มือสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนหนังสือ Photo Hobby เป็นหนังสือรวมภาพที่คุณวรนันทน์ได้ถ่ายเอาไว้และส่งประกวดจนได้รับรางวัล ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วทุกภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่รักชอบศิลปะการถ่ายภาพ เอาไว้ศึกษาเป็นแนวทางในการจัดองค์ประกอบภาพและการจัดแสง ซึ่งคุณวรนันทน์บอกว่าส่วนใหญ่ชอบใช้แสงธรรมชาติมากกว่า ท่านที่สนใจหนังสือ ๒ เล่มนี้ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือโทร.๐๘-๑๘๒๖-๒๑๔๒

               ทุกวันนี้ คุณวรนันทน์ ยังคงสะสมพระเครื่องที่รักชอบเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีมากพอสมควรอยู่แล้วก็ตาม โดยเน้นในเรื่องของรูปแบบและพุทธศิลป์ที่สวยงาม ขณะเดียวกันก็ได้ทำงานรับใช้สังคมโดยการรับเชิญจากหน่วยงานองค์กรต่างๆ ให้ไปบรรยายแนวทางการถ่ายภาพอย่างมีศิลปะและน่าสนใจ พร้อมกับเป็นกรรมการตัดสินภาพ ในงานประกวดภาพถ่ายที่มีผู้จัดขึ้น ซึ่งเป็นงานที่คุณวรนันทน์บอกว่า มีความสุขมาก กับการที่ได้ทำงานด้วยใจรักชอบมาตลอดชีวิต 000