
พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุลกับวจี'พระเครื่องต้องใช้คู่กับพระธรรม
พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุลกับวจี...พระเครื่องต้องใช้คู่กับพระธรรม: สรณะคนดัง เรื่อง / ภาพไตรเทพ ไกรงู
"ติ วา คะ ภะ โธ พุท นัง สา นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ สา มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ นุต อะ ทู วิ กะ โล โต คะ สุ โน ปัน สัม ณะ ระ จะ ชา วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ อะ วา คะ ภะ โส ปิ ติ อิ ฯ"
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นพระคาถาอิติปิโสฯ ถอยหลัง ซึ่งมี ๕๖ ตัว โดยมีคติความเชื่อว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า ผู้ใดภาวนา ๓ คาบ หรือ ๗ คาบ ก่อนออกเดินทางไปสารทิศใดๆ จะแคล้วคลาด ปราศจากทุกภัยพิบัติทั้งปวง คุ้มได้มากครัน ศัตรูนึกหวัง มิได้กล้ำกราย เป็นเสน่ห์แก่เขา เข้าหาเจ้านาย ท้าวพระยาทั้งหลาย มีจิตเมตตา ปรารถนาสิ่งใด นึกไว้ในใจ ดังคิด อย่าได้แคลงจิต คิดไปสู่อื่น ฝูงคนทั้งพื้น คงจะบูชา พระคาถานี้ อุปเท่ห์พิธี เหลือจะพรรณนา ปลุกเสกกายา ได้สมดังใจ คงกระพันชาตรี ฤทธิ์มากมาย
พระคาถาอิติปิโสฯ ถอยหลัง เป็นพระคาถาที่คนจำนวนไม่น้อยพยามท่องให้ได้เพราะถือว่าเป็นสุดยอดแห่งพระคาถา และหนึ่งในผู้บริกรรมพระคาถาบทนี้เป็นประจำทุกๆ เช้า ก่อนอาราธนาพระขึ้นคอ คือ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค๕ (ผบช.ภ.๕) ที่สำคัญไปยิ่งกว่านั้น คือ ครั้งแรกในการบริกรรมพระคาถาอิติปิโสฯ ถอยหลัง เพียงครั้งเดียวก็จำได้โดยอัตโนมัติ จากนั้นก็บริกรรมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
หลังจากอาราธนาพระขึ้นคอแล้ว พล.ต.ท.ชัยยะ จะตั้งจิตอธิษฐานต่อว่า “ผมขอทำงานรับใช้บ้านเมืองด้วยจิตบริสุทธิ์ ของทำงานรับใช้แผ่นดิน พุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ อยากเห็นประชาชนมีความสุข ในฐานะที่ผมเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เรื่องการเมืองผมไม่ยุ่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องบ้านเมือง เรื่องความสุขของประชาชนผมยอมไม่ได้”
นอกจากบริกรรมพระคาถาอิติปิโสฯ ถอยหลัง เป็นความเป็นสิริมงลแล้ว ความเป็นสิริมงคลอีกอย่างหนึ่งทื่ พล.ต.ท.ชัยยะ ทำเหมือนคนทั่วๆ ไป ที่เชื่อเรื่องการลงนะหน้าทอง คือ การลงนะหน้าทองกับ พระอาจารย์ประสูติ ปิยธัมโม วัดในเตา (วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์) จ.ตรัง โดยการแนะนำของ นายสมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ อั๊ง เมืองชล อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และประธานชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์ไทย ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมาก ซึ่งท่านได้ทำนายดวงในอนาคตไว้ให้ด้วย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พล.ต.ท.ชัยยะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตำแห่งรองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลจะได้รับการเสนอชื่อจะได้เป็นบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ ด้วยเหตุนี้ทำให้ พล.ต.ท.ชัยยะ เชื่ออย่างสนิทใจว่า “เมื่อเราทำตัวให้เป็นมงคล สิ่งที่เป็นมงคลย่อมเข้ามาหาเราเอง ดังคำพูดที่ว่า คนคำนวณหรือจะสู้ชะตาฟ้าลิขิตได้ อนาคตข้างหน้าไม่มีใครกำหนดได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้”
พล.ต.ท.ชัยยะ บอกว่า โดยปกติเป็นคนชอบทำบุญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะถูกย้ายไปประจำยังหน่วยใดก็ตาม จะระลึกอยู่เสมอว่า สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ บำรุงพระพุทธศาสนาเป็นหลัก ทั้งนี้จะทำบุญกับวัดที่ใกล้ๆ กับหน่วยนั้น อย่างกับมาเป็น ผบช.ภ.๕ ไม่ว่าจะไปตรวจเยี่ยมตำรวจโรงพัก หรือจังหวัดใดก็จะไปกราบไหว้ขอพรกับพระที่มีวัดอยู่ใกล้ๆ จะว่าไปแล้วทุกๆ พระธาตุ และวัดสำคัญๆ ใน ๘ จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ไปถวายผ้าห่ม รวมทั้งไปขอพรพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาครบแล้ว บางแห่งไป ๒-๓ ครั้ง
เมื่อครั้งที่ถูกย้ายมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ วันแรกได้เดินทางมากราบไหว้ขอพรจากพระธรรมมังคลาจารย์ หรือ หลวงปู่ทอง สิริมังคโล เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง และที่ปรึกษาเจ้าคณะ จ.เชียงใหม่ ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีศีลอันบริสุทธิ์ บำเพ็ญคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เผยแผ่ธรรมะด้วยการสอนวิปัสสนากรรมฐานหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับห่มผ้าพระธาตุศรีจอมทอง ในครั้งนั้นท่านทักว่า “ผู้บัญชาการท่านเป็นผู้มีบุญที่ได้มาทำงานให้แผ่นดินล้านนา”
ด้วยประสบการณ์ทำคดีสำคัญและคดีใหญ่นับจำนวนคดีไม่ถ้วน โดยเฉพาะด้านคดีเศรษฐกิจ พล.ต.ท.ชัยยะ บอกว่า ที่ยืนหยัดทำงานอยู่อย่างสมเกียรติ สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ต้องใช้พระเครื่องกับพระธรรมคู่กัน จึงจะได้ผล นอกจากหลักธรรมที่ว่า คิดดี ทำดี และจะไปสู่สิ่งที่ดีแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ พระเครื่อง เมื่อมาทำงานที่ภาคเหนือพระเครื่องที่ขาดไม่ได้ คือ เหรียญพังพะกาฬ พ.ศ. ๒๕๓๐ พระรอด ลำพูน พิมพ์ใหญ่ พระคง พระบาง พระนางพญา พระยอดธงเนื้อทองคำ รวมทั้งพระสมเด็จวัดระฆัง
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ชัยยะ พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "ผมเชื่อว่าถ้ามนุษย์มีจิตบริสุทธิ์ และเจริญรอยตามธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเสริฐอันสูงสุด ย่อมนำพาชีวิตให้เป็นความสุข ถ้าคนในบ้านเมืองขาดธรรมะ ไม่เข้าถึงธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนในบ้านเมืองอยู่อย่างสงบ อยู่อย่างปกติสุข ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน จากนั้นค่อยสอนให้คนอื่นทำตาม ถ้าคนสอนไร้ธรรมะ ป่วยการที่จะเอาธรรมะไปสอนคนอื่น”
เหรียญหลวงปู่ทอง รุ่นชัยยะ '
“เหรียญรุ่นชัยยะ” เป็นเหรียญที่ พล.ต.ท.ชัยยะ จัดสร้างเพื่อเป็นเหรียญที่ระลึกของหลวงปู่ทอง สิริมังคโล ในโอกาสที่รัฐบาลแห่งสหภาพพม่าได้ถวายสมณศักดิ์ “อัคคมหากัมมัฏฐานาจริยะ” ซึ่งเป็นสมณศักดิ์สูงสุดสำหรับภิกษุสายวิปัสสนากรรมฐาน โดยได้จัดพิธีฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ณ เจดีย์อุปปาตะสันติ เมืองเนปิดอว์ วันเพ็ญเดือนตะบอง เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔ อย่างยิ่งใหญ่
ด้านหน้าของเหรียญหลวงปู่ทอง รุ่นชัยยะ เป็นรูปหลวงปู่ทองนั่งถือพัดแบบพม่า ส่วนด้านหลังของเหรียญการนำสัญลักษณ์หน่วยฝึก “ชัยยะ ผู้กล้าแห่งล้านนา” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับ พล.ต.ท.ชัยยะ มีด้วยกัน ๔ เนื้อ คือ เนื้อทองคำ ๓๔ องค์ เนื้อเงิน ๑๙๙ องค์ เนื้อนวโลหะ ๑๙๙ องค์ และเนื้อทองแดงจำนวน ๓๐,๐๐๐ องค์
พล.ต.ท.ชัยยะ บอกว่า ได้ขออนุญาตหลวงปู่ทองจัดสร้างเหรียญที่ระลึกสมณศักดิ์สูงสุดนี้ เพื่อมอบให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค ๕ จำนวนกว่า ๒๐,๐๐๐ นาย และประชาชนที่ศรัทธาหลวงปู่ ทั้งนี้หลวงปู่ได้เมตตาลงอักขระเลขยันต์เป็นอักษรล้านนาไว้ในเหรียญ โดยได้ประกอบพิธีสมโภชในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ พระอุโบสถวัดพระธาตุศรีจอมทอง และหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เมตตาอธิษฐานจิตให้เป็นพิเศษอีกครั้งด้วย
สำหรับทุนทรัพย์ในการจัดสร้างเหรียญนั้น ได้รับการสนับสนุนจาก อั๊ง เมืองชล และกลุ่มเพื่อนชัยยะ เป็นเงินประมาณ ๓ ล้านบาท โดยรายได้จากการให้บูชาทั้งหมดจะนำไปจัดสร้างห้องน้ำ ห้องสุขา จำนวน ๔๐ ห้อง ถวายวัดศรีโสดา อ.เมือง จ.เชียงใหม่



