
ปิดตายตำนานจตุคามฯขุนพันธ์-ดร.ไมตรี-หลวงหนุ่ย-โกผ่อง
ปิดตายตำนานจตุคามฯขุนพันธ์-ดร.ไมตรี-หลวงหนุ่ย-โกผ่อง : เรื่อง สุพิชฌาย์ รัตนะ / ภาพ ศูนย์ภาพเนชั่น
ในยุคที่วัตถุมงคล "จตุคามรามเทพ" กำลังฟีเวอร์สุดๆ เมื่อประมาณ ๔-๕ ปีก่อนไม่มีใครที่ไม่รู้จักบุคคลในตำนานเจ้าพิธีแห่ง "องค์พ่อ" ที่เป็นที่ยอมรับและถูกกล่าวถึงมากสุดเป็นอันดับต้นๆ อย่างน้อย ๗ ท่าน คือ ๑.พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ๒.พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ๓.นายอะผ่อง สกุลอมร หรือ "โกผ่อง" ๔.อาจารย์ประจวบ คงเหลือ ๕.พระสังฆรักษ์ปรานพ ฐิตคนฺโธ หรือ หลวงหนุ่ย ๖.ดร.ไมตรี บุญสูง และ ๗.พระอาจารย์โชติ วัดพุทไธศวรรย์ แต่ปัจจุบันนี้เหลือเพียง ๓ ท่าน คือ ๑.พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ๒.อาจารย์ประจวบ คงเหลือ และ ๓.พระอาจารย์โชติ วัดพุทไธศวรรย์
ตำนานแรกของจตุคามฯ ที่ถูกปิดตาย และเป็นข่าวไปทั้งแผ่นดิน คือ "ขุนพันธ์" หรือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าของฉายา "มือปราบจอมขมังเวท" เสียชีวิตเมื่อเวลา ๒๓.๒๗ น. วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๙ สิริอายุ ๑๐๘ ปี โดยมีผลงานอันลือลั่น ดุจดั่งผู้จุดประกายตำนานจตุคามฯ รุ่นแรก พ.ศ.๒๕๓๐ หรือ "หลักเมือง ๓๐" โดยในยุคจตุคามฯ ฟีเวอร์ ขุนพันธรักษ์ราชเดชมีส่วนร่วมในการจัดสร้างจตุคามรามเทพอีกหลายรุ่นด้วยกัน อาทิ รุ่นพุทธาคมขุนพันธ์เขาอ้อ พ.ศ.๒๕๔๔ รุ่นพุทธาคมเขาอ้อ พ.ศ.๒๕๔๕ รุ่นบูรณะเจดีย์ราย พ.ศ.๒๕๔๕ พระปิดตาพังพกาฬ วัดมะม่วงขาว พ.ศ.๒๕๔๖
โดยเฉพาะปรากฏการณ์ที่ตอกย้ำกระแสการรับรู้ของมหาชนคนทั่วประเทศ คืองานในวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ "ขุนพันธ์" ณ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ที่คลื่นมหาชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเข้าเมืองนครศรีธรรมราชเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานพระราชทานเพลิงศพจอมขมังเวทผู้ยิ่งใหญ่ รวมถึงการเข้ามาขอรับวัตถุมงคลที่ระลึกที่แจกภายในงานที่บรรดาญาติประกาศเตรียมนำมาแจกกว่า ๖ หมื่นชุด จนเกือบทำให้ลานวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารแทบกลายเป็นพื้นที่จลาจลย่อยๆ ไปเลยทีเดียว
ตำนานที่ ๒ คือ ดร.ไมตรี บุญสูง คหบดีชาวภูเก็ต ได้ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคเลือดออกในปอด เมื่อเวลา ๒๐.๑๕ น.วันพุธที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ดร.ไมตรี เป็นผู้ให้ความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์มาก โดยได้สมัครเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์นำ (แก้วจันทร์) ชินวโร วัดดอนศาลา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ผู้สืบสานวิชาอาคมไสยศาสตร์สายเขาอ้อ จน ดร.ไมตรี มีความรอบรู้ในสรรพวิชาสายเขาอ้อ มาจนเจนจบในทุกๆ ด้าน แม้แต่การนอนแช่น้ำว่าน การกินข้าวเหนียวดำ ซึ่งเป็นสุดยอดของวิชาสายเขาอ้อ มาจนถึงทุกวันนี้ คาถาอาคมต่างๆ เหล่านี้ ดร.ไมตรี ยังจดจำได้หมดครบทุกบทคาถา เวลาไปไหนมาไหนบางครั้งถึงกับมีคนให้ท่านลงกระหม่อมก็มี ช่วงหลังๆ มานี้พิธีปลุกเสกพระบางแห่ง ดร.ไมตรีจะร่วมนั่งปรกปลุกเสกด้วย ก่อนหน้าที่วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ จะโด่งดังเช่นทุกวันนี้
สำหรับตำนานที่ ๓ แม้จะไม่ใช่คนแต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างจตุคามฯ ปี ๒๕๓๐ และได้รับความสนใจ คือ พลายสวัสดิ์ วัย ๘๕ ปี ช้างคู่บารมีจตุคามรามเทพหลักเมืองนครศรีธรรมราชล้มตาย ซึ่งเป็นช้างที่ “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” ใช้เป็นช้างนำขบวนแห่หลักเมืองนครศรีธรรมราช และนำขบวน ๑๒ นักกษัตรอันประกอบด้วยสัตว์ชนิดต่างๆ รวม ๑๒ ชนิดคือ ช้าง ม้า วัว แพะ เป็นต้น โดยมีเจ้าของและควาญคือนายทวน โมราศิลป์ ควาญช้างและเจ้าของได้นำร่างของพลายสวัสดิ์ มาประกอบพิธีทางศาสนาเหมือนกับศพของมนุษย์ ที่บ้านเลขที่ ๒๔/๑ หมู่ ๕ ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
ส่วนตำนานที่ ๔ ถูกปิดลงอย่างเงียบๆ คือ ชนิดที่เรียกว่าตรงกันข้ามกับช่วงที่ยุคจตุคามฯ ฟีเวอร์ คือ การตายของนายปรานพ เดชแก้วภักดี หรือพระสังฆรักษ์ปรานพ ฐิตคนฺโธ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "หลวงหนุ่ย" อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงษ์ประดิษฐาราม หรือวัดคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เจ้าพิธีกรรมอย่างที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมือวางอันดับต้นๆ ของการจัดสร้างจตุคามฯ เมื่อยุคหนึ่งที่กระแสจตุคามฯ เริ่มเลือนหาย "หลวงหนุ่ย" ก็เริ่มเลือนรางไปด้วย ในที่สุดชีวิตก็ถูกปิดฉาก เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๔
การปลุกเสกจตุคามฯ กว่า ๖๐๐ รุ่น เกือบทุกรุ่นจะต้องมีชื่อของหลวงหนุ่ย โดยเฉพาะท่วงท่าและลีลาการทำพิธีของท่านอันกลายเป็นเจ้าพิธีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการออกลีลาท่าทางระหว่างการประกอบพิธี จนเกิดเสียงครหาถึงความไม่เหมาะสมกับความเป็นภิกษุสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นลีลาการขี่ช้างประกอบพิธี การใช้ดาบกวัดแกว่งฟันไปในอากาศ รวมถึงการสาวน้ำตาเทียนซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการสร้างจตุคามฯ รุ่นดัง ๓ รุ่นที่ "หลวงหนุ่ย" ปลุกเสกเองกับมือและนำชื่อเสียงมาให้จนกลายเป็นเจ้าพิธีเงินล้านไปอย่างรวดเร็ว
ปิดตำนานร่างทรงจตุคามฯ ปี ๓๐
การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ “โกผ่อง” เมื่อเวลา ๑๘.๑๒ น. ของวันอังคารที่ ๖ กันยายน ที่ผ่านมา จึงนับเป็นหนึ่งในความสูญเสียอีกครั้งในแวดวงผู้เคารพและศรัทธาต่อองค์จตุคามรามเทพ เพราะ “โกผ่อง” คือบุคคลหนึ่งที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวพันในเรื่องราวอันลือลั่นต่อการร่วมขับเคลื่อนสร้าง “หลักเมืองนคร” และที่สำคัญบุคคลผู้นี้คือ “ร่างทรง” หรือคนกลางในการนำสื่อจาก “องค์พ่อ”มาถึง “คนคอน” ณ เวลานั้น และนำไปสู่การจัดสร้าง “จตุคามรามเทพ ปี๓๐” ที่โด่งดังในเวลาต่อมาอย่างก็ตาม ต่อมาโกผ่องพร้อมด้วยพี่ๆ น้องๆ ได้ถูก พล.ต.ท.สรรเพชญ์ ธรรมาธิกุล ยื่นฟ้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์การทำวัตถุมงคลองค์จตุคามรามเทพ มีการสู้คดีกันจนถึงชั้นศาลฎีกา โดยตลอดทั้ง ๓ ศาลได้พิพากษายกฟ้องโกผ่อง และพี่ๆ น้องๆ มาโดยตลอด
“โกผ่อง” เป็นเพียงบุคคลธรรมดา แต่ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง และถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดคนหนึ่ง ในยุคที่กระแสจตุคามรามเทพอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะชายผู้นี้คือบุคคลแรกเริ่มที่ได้รับเกียรติสูงสุดในการเชิญองค์พ่อจตุคามรามเทพ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรศรีวิชัย ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนในดินแดนแห่งนี้
ดังนั้นชื่อของ “โกผ่อง” จึงเป็นที่รับรู้กันดีว่าเป็นผู้อัญเชิญองค์พ่อจตุคามรามเทพ ประกอบพิธีมหาจักรพรรดิเทวาภิเษก วัตถุมงคล จตุคาม รามเทพ รุ่น สิริมงคล ในครั้งนี้ คือบุคคลเดียวกับผู้ที่อัญเชิญ องค์จตุคามรามเทพลงประทับทรงครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๒๘
เรื่องราวการประทับทรงในครั้งนั้นจึงถูกพูดถึงมาจนจวบกระทั่งทุกวันนี้ เมื่อมีนายตำรวจใหญ่ของบ้านเมืองทำการทดลองสอบเป็นที่ประจักษ์ในการอัญเชิญ (ประทับทรง) จริงๆ และได้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และเป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมสร้างเสาหลักเมืองและศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ให้ไว้เป็นที่เคารพสักการะ กราบไหว้บูชามาตราบจนทุกวันนี้