พระเครื่อง

โอภาส เพชรมุณีกับ...ปาฏิหาริย์พระนาคปรกวัดปืน

โอภาส เพชรมุณีกับ...ปาฏิหาริย์พระนาคปรกวัดปืน

17 ก.ย. 2554

โอภาส เพชรมุณีกับ...ปาฏิหาริย์พระนาคปรกวัดปืน : สรณะคนดัง เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

           พระพุทธคมนาคมบพิตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ในช่วงที่นายโสภณ ซารัมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้จัดสร้าง “พระพุทธคมนาคมบพิตร รุ่นคมนาคมปลอดภัย” จำนวน ๙๙๙,๙๙๙ องค์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ โดย สมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เป็นประธานจุดเทียนชัย พระเกจิอาจารย์ พระเถรานุเถระ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์อาราธนานั่งปรกอธิษฐานจิตและเจริญพระพุทธมนต์ ๙๙๙ รูป ณ พระอุโบสถวัดยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ

            นอกจากนี้ นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงคมนาคม ยังตระเวนนำพระรุ่นดังกล่าวปลุกเสกในวัดทางภาคเหนืออีกหลาย ๑๐ วัด เพื่อแจกข้าราชการกระทรวงคมนาคม รวมทั้งประชาชน ให้เดินทางปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

            "ผมเชื่อว่าการปลุกเสกพระโดยพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ช่วยเพิ่มหรือทำให้พระเครื่องหรือวัตถุมงคลรุ่นนั้นมีพุทธคุณ แม้จะเป็นเรื่องที่ยากต่อการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์ แต่ผมก็เคยสัมผัสประสบการณ์ที่เรียกว่าปาฏิหาริย์อันเกิดจากพุทธคุณของพระเครื่องมาแล้ว" นี่เป็นเหตุผลในการนำพระตระเวนเสกของนายโสภณ

            สำหรับเหตุที่เรียกว่าปาฏิหาริย์อันเหลือเชื่อนั้น นายโสภณ เล่าว่า ครั้งหนึ่งเคยดูดวง และหมอบอกว่าตัวเองมีเกตุกุมลัค ซึ่งหมายถึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุมครองชีวิต ทำให้คิดว่า อย่างไรตัวเองไม่ตายโหงแน่นอน จึงไม่เคยกลัวอะไร ในที่สุดจึงเป็นเหตุให้สูญเสียครอบครัวเพราะความคึกคะนองของตัวเอง โดยเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๓๙ ระหว่างกลับจากไปทำบุญที่เชียงราย รถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ภรรยา ลูก ๒ คน พี่สะใภ้ และหลานอีก ๑ คน ส่วนตัวเองขาหัก ๒ ท่อน ต้องนอนพักรักษานานกว่า ๖ เดือน

            ตอนที่เกิดเหตุนั้น แขวนพระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ วัดระฆัง พระท่ากระดาน สนิมแดง และพระนาคปรก วัดปืน ซึ่งแขวนมากว่า ๒๐ ปี โดยเช่ามาเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๒๑ ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล พระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ วัดระฆัง และ พระท่ากระดาน สนิมแดง ได้หายไป ทั้งนี้ในเช้าวันที่เกิดอุบัติเหตุนั้น พระนาคปรก วัดปืน เปลี่ยนเป็นองค์สีดำสนิท พร้อมกับมีไขที่ตา จึงนำผ้ามาเช็ดออก เช็ดอยู่หลายครั้งจึงหมด ทุกวันนี้ถือว่าเป็นองค์ที่รักและหวงแหนมากที่สุด

             “ผมพยายามปกปิดแม่ เพราะท่านแก่แล้ว ปัจจุบันอายุ ๙๗ ปี และเกรงว่าเมื่อได้รับฟังข่าวร้ายแล้วท่านจะช็อก คิดไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะไม่อยากมีชีวิตอยู่”

            อย่างไรก็ตาม หลังจากนอนโรงพยาบาลได้ประมาณ ๑ เดือน ท่านก็ขึ้นมาเยี่ยม วันหนึ่งท่านพูดขึ้นว่า “รีบรักษาตัวเองให้หายไวๆ แม่เป็นแม่ แม่อยากให้แกทำงานศพให้ฉัน แม่ไม่อยากทำศพให้ลูก ให้แม่ตายก่อนแล้วแกค่อยตาย ถึงแกจะสูญเสียลูกเมีย แต่แก่ยังมีแม่ มีพี่ มีน้อง มีหลานที่เป็นญาติของแก ยังมีสิ่งๆ ดี ที่แกยังทำอะไรเพื่อสังคมอีกตั้งมากมาย”

            เมื่อถามถึงวัดที่ไปทำบุญเป็นประจำ นายโสภณ บอกว่า วัดพระธาตุผาเงา ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เดิมเป็นวัดที่ท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช อุปถัมภ์ดูแล เมื่อท่านสิ้นลงไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพกฐินจึงรับเป็นเจ้าภาพประธานทอดกฐิน ในปีนั้นคิดว่าตั้งใจนำเงินไปถวายแล้วก็เดินทางกลับ ทั้งนี้เดินทางไปถึงวัดประมาณ ๑ ทุ่ม ไม่น่าเชื่อเลยว่า เด็กและชาวบ้านกว่า ๗๐๐ คน รอตนเองเพียงคนเดียวในฐานะประธาน

            เดิมทีตั้งใจจะเป็นประธานกฐินเพียงปีเดียว ขณะเดียวกันหลวงพ่อเจ้าอาวาสบอกว่าปีหน้าจะเป็นปีสุดท้ายของงานบุญจุลกฐิน หากไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพ ด้วยเหตุที่ความสามัคคีของเด็ก ชาวบ้าน และชุมชน ในการจัดงานบุญจุลกฐินจึงรับเป็นผู้ประสานงานหาเจ้าภาพกฐินตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รวมแล้วเป็นระยะเวลากว่า ๑๐ ปี โดยเงินที่ได้จากการทอดกฐินหลวงพ่อนำไปใช้หลายๆ ด้าน และโครงการหนึ่งที่ให้การสนับสนุน คือ โครงการยุวพุทธ โดยในปีหนึ่งๆ มีการเข้าค่ายเกือบ ๑๐๐ รุ่น

            "ในภาวะสังคมปัจจุบันนี้มีความสำคัญยิ่ง ที่สำคัญตัวเองโดนพระธรรมเยอะ ทั้งนี้จะคำนึงถึงคำสอนของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ที่ว่า เขาด่าเราดีกว่าเขาตีเรา เขาตีเราก็ยังดีกว่าเขาฆ่าเรา เขาฆ่าเราก็ยังดีกว่าเราฆ่าตัวเองตาย ใครทำอะไรที่ไม่ดีกับเรากรรมก็ตกกับเขาในชาตินี้ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า อย่างที่ว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" นี่เป็นหลักธรรมที่นายโสภณยึดเป็นสรณะสำหรับการทำงานและใช้ชีวิตให้เป็นสุข

 


ผู้สร้างรถเมล์สาย "แสวงบุญ"

 

            “การแสวงบุญ” คือการเดินทางหรือการแสวงหาสิ่งที่มีความสำคัญทางจริยธรรมต่อจิตใจ บางครั้งก็จะเป็นการเดินทางไปยังศาสนสถานที่มีความสำคัญต่อความเชื่อหรือความศรัทธาของศาสนิกในของศาสนาหลักของโลก ทั้งนี้ผู้ที่เดินทางไปทำการจาริกแสวงบุญเรียกว่า “นักแสวงบุญ”

            โครงการแสวงบุญหนึ่งที่ถือว่าตอบสนองนักแสวงบุญได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ คือ ”โครงการครอบครัวสุขสันต์ไหว้พระ ๙ วัด” ซึ่งเป็นโครงการที่นายโอภาสเริ่มดำเนินการมาในช่วงเทศกาลจากปีใหม่ พ.ศ.๒๕๔๙ โดยเริ่มจากพาไปไหว้พระ ๙ วัด ที่มีนามอันเป็นมงคลในกรุงเทพฯ หลังจากนั้นก็มีโครงการพาผู้โดยสารไปไหว้พระทำบุญวันละ ๙ วัด ตามต่างจังหวัด ที่สามารถไปเช้าเย็นกลับได้ มีค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง ๓๕๐-๕๐๐ บาทต่อเส้นทาง

            นายโอภาส บอกว่า เส้นทางแสวงบุญแต่ละสายจะผสมผสาน วัดดังๆ ที่เป็นที่รู้จัก ศรัทธาแก่ประชาชนทั่วไป กับวัดที่ต้องการทุนทรัพย์ในการพัฒนา หรือปฏิสังขรณ์ ซึ่งจะทำให้ลูกทัวร์ได้มีโอกาสทำบุญได้อย่างเต็มที่ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ จะแทรกด้วยวัดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอโชคขอลาภ เช่น เส้นทาง จ.ปทุมธานี ได้แก่ วัดสะพานสูง, วัดบางกุฏีทอง, วัดมะขาม (ตลาดน้ำ), วัดศาลเจ้า, วัดโบสถ์, วัดกร่าง, วัดไทรใหญ่ (ตลาดน้ำไทรน้อย), วัดลำพญา (ตลาดน้ำ), วัดเจดีย์หอย ขณะที่เส้นทาง จ.อุทัยธานี จะได้ไหว้พระ ๕ วัด ได้แก่ วัดหนองโพธิ์ (หลวงพ่อเดิม), วัดสังกัสรัตนคีรี, วัดท่าซุง, วัดปากคลองมะขามเฒ่า, วัดธรรมมูล และวัดโบสถ์ เป็นต้น

            ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทาง ขสมก.ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของรถที่นำมาให้บริการเป็นอย่างมาก รถทุกคันจะถูกตรวจสอบตั้งแต่วันศุกร์ ระบบน้ำมัน ระบบยาง และน้ำยาแอร์ จะถูกเปลี่ยนใหม่ก่อนให้บริการในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ขณะที่ทั้งผู้นำทาง พขร. พกส. อัธยาศัยใจคอดีเยี่ยม การบริการ รอยยิ้มและคำพูดที่ไพเราะ เป็นกันเอง จากพนักงานทุกคน