พระเครื่อง

ลงยันต์น้ำมัน
ตำรับ...หลวงพ่อวงศ์ วัดประชาวงศาราม

ลงยันต์น้ำมัน ตำรับ...หลวงพ่อวงศ์ วัดประชาวงศาราม

28 เม.ย. 2552

การสักลวดลายบนผิวหนัง ที่เรียกว่า สักลาย หรือ สักยันต์ เป็นวัฒธรรมอย่างหนึ่งของไทย ที่มีมาช้านาน ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยถาน พ.ศ.๒๕๒๕ เขียนว่า "สัก" คือ การเอาเหล็กแหลมแทงลงด้วยวิธีการ หรือเพื่อประโยชน์ต่างๆ กัน ใช้เหล็กแหลมจุ่มหมึก หรือน้ำมันงาผสมว่าน

  ส่วนเหตุผลที่การสักยังคงมีอยู่ คือ หลายคนยังเชื่อว่า การสักจะทำให้มีโชค และอยู่ยงคงกระพัน พ้นอันตราย รูปแบบของการสักแต่ละชนิด จะมีความขลังที่แตกต่างกัน   ลายสัก หรือ ยันต์ บางชนิดสามารถช่วยผู้ที่สักให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยุ่งยากได้ สัญลักษณ์บางอย่างของลายสักสามารถทำให้ผิวหนังเหนียวได้ ศัตรูยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า เชื่อว่าการสักจะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้ด้วย

 นอกจากนี้ การสักทางไสยศาสตร์ ยังเชื่อมโยงกับการระวังอันตราย และความปลอดภัย ทำให้แคล้วคลาดต่ออันตรายต่างๆ ศิลปะพื้นบ้านประเภทนี้ อาจจะกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจ

 วิธี หรือ ประเภทของการสักยันต์ นั้น เป็นที่ทราบกันดีในหมู่คนนิยมชมชอบการสักยันต์ว่า การสักยันต์ลงอักขระเลขยันต์ มีอยู่ ๒ อย่าง คือ

 ๑.การสักหมึก นิยมใช้หมึกจีน มาฝนกับน้ำพระพุทธมนต์ สมัยก่อนนิยมหาดีเสือ, ดีหมี, ดีงูเห่า เป็นส่วนผสม  และ ๒.การสักน้ำมัน ส่วนมากจะใช้น้ำมันจันทน์หอมแช่ว่าน หรือน้ำมันงาขาว บางสำนักจะผสมน้ำมันช้างตกมัน น้ำมันเสือโคร่ง

 การสักน้ำมัน คนสมัยนี้นิยมกันมาก เพราะเป็นการสักยันต์โดยร่างกายไม่มีลวดลายให้เห็น

 ทั้งนี้ การสักหมึกและสักน้ำมัน มีขั้นตอนการลงเข็มสักยันต์เหมือนกัน คือ อาจารย์ผู้สักจะให้ลูกศิษย์กดผิวหนังที่จะสักให้ตึง แล้วใช้เข็มสักแทงตามรูปแบบพิมพ์นั้น ปากก็บริกรรมคาถาไปตลอดเวลาที่สัก เป็นการส่งกระแสถ่ายทอดพระเวทลงไปในรูปยันต์นั้น ระยะเวลาสักยันต์แล้วแต่รูปยันต์ที่สัก

 อย่างไรก็ตาม การสักยันต์ด้วยน้ำมันนั้น ยังมีอีกวิธีหนึ่ง คือ การทาน้ำมันลงบนผิวหนัง จากนั้นจะใช้เหล็กจารเขียนยันต์ลงไปเลย ซึ่งปัจุบันนี้ไม่พบให้เห็นมากหนัก

 อย่างเช่น การลงยันต์น้ำมันของ พระครูชัยวงศ์วุฒิคุณ หรือ หลวงพ่อวงศ์ เจ้าคณะอำเภอพุนพิน และเจ้าอาวาสวัดประชาวงศาราม ต.กรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

 ปีหนึ่งๆ หลวงพ่อวงศ์จะลงยันต์น้ำมันให้เพียงครั้งเดียว วันเดียว เฉพาะ วันไหว้ครู ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีแรกของเดือน ๖ ไทย ในปี ๒๕๕๒ นี้ตรงกับ วันที่ ๓๐ เมษายน ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๖ โดยเริ่มไหว้ครูก่อน เวลาประมาณ ๐๗.๑๙ น. ส่วนใหญ่ฤกษ์ลงยันต์จะไม่เกินบ่ายโมง

 หากใครพลาดโอกาส ต้องรอปีถัดไป การสักยันต์ของหลวงพ่อวงศ์ จะไม่มีลูกศิษย์คอยเขียนยันต์ให้ก่อน แล้วไปให้ท่านเป่าทีหลัง เหมือนสำนักอื่นๆ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ ลูกศิษย์ที่ลงยันต์ จะเลือกหรือขอให้หลวงพ่อวงศ์ลงยันต์ตัวหนึ่งตัวใดไม่ได้

 พิธีกรรมลงยันต์ในวันไหว้ครู นั้น หลวงพ่อวงศ์ เริ่มจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย บูชาครูบาอาจารย์ และทวยเทพเทวา จากนั้นท่านจะอ่านโองการบวงสรวง และกล่าวนำบูชาครู ตามตำราของท่านให้พวกเรากล่าวตามอยู่นานพอสมควร

 เสร็จพิธีบูชาครูแล้ว ท่านจะเตรียมโถแก้วใบหนึ่ง ภายในบรรจุ น้ำมันมนต์ ที่มีหัวว่านมงคล ด้านคงกระพัน สารพัดชนิด แช่อยู่เต็มโถ ออกมาตั้งพร้อมบริกรรมพระคาถา

 น้ำมันมนต์ โถนี้ ท่านทำไว้หลายปีแล้ว เพื่อนำมาลงยันต์สักน้ำมันบนแผ่นหลังให้กับศิษย์ที่ต้องการ เสร็จจากการบริกรรมพระคาถาในโถน้ำมัน ท่านจะหันมาบอกว่า “เอ้า...ใครจะลงก็เข้ามา"

 หลังจากจะใช้น้ำว่านลูบบนแผ่นหลัง ท่านจะใช้เหล็กจารเขียนยันต์ให้ ส่วนจะเป็นยันต์ตัวใดนั้น ท่านดูให้เองว่า คนไหนควรลงยันต์อะไร

 เท่าที่ทราบ ท่านจะลงยันต์หัวใจต่างๆ เช่น ๑.พระเจ้า ๕ พระองค์ (นะโมพุทธายะ) ๒.ยันต์มหาลาภ ประกอบด้วย ยันต์หัวใจพระสิวลี ยันต์หัวใจมนุษย์  ยันต์หัวใจพระฉิม ๓.ยันต์หัวใจอิติปิโส ยันต์หัวใจพระนิพพาน (อะระหัง) ๔.หัวใจยอดศีล คือ พุทธะสังมิ ๕.หัวใจสัตตะโพชฌงค์ คือ สะธะวิปิปะสะอุ  ๖.หัวใจพระรัตนตรัย คือ อิสะวาสุ ๗. หัวใจพาหุง คือ พามานาอุกะสะนะทุ ๘.หัวใจพระพุทธเจ้า คือ อิกะวิติ ๙.หัวใจแม่พระธรณี คือ เมกะมุอุและ ๑๐.คาถาแคล้วคลาด ป้องกันอันตรายต่างๆ ปราศจากศัตรู เป็นต้น

 ส่วน ค่าขันบูชาครู นั้นไม่มี และ ไม่ต้องใช้เครื่องบูชาครูเหมือนสำนักอื่นๆ สุดแล้วแต่ใครจะศรัทธาทำบุญ

 สำหรับข้อปฏิบัติ และข้อห้ามของคนลงยันต์ไปแล้วนั้น  นอกจากต้องถือศีล ๕ แล้ว ข้อห้ามอย่างหนึ่ง คือ ห้ามกินมะเฟือง เพราะจะไปล้างว่านและคาถา

 สำหรับ ชาติภูมิ ของ หลวงพ่อวงศ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๔๗๒ ที่ ต.บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ชื่อเดิม วงศ์ ตาลประสิทธิ์ เป็นบุตรนายเขียน นางบุญมาก

 อุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๙๙ เมื่ออายุ ๒๖ ปี ที่วัดทองนพคุณ กทม. มีหลวงพ่อพระสังวรวิมล เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าคุณหลวงพ่อภัทรมุณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อพระกิตติสารโสภณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

 หลังจากบวชได้ ๒ พรรษา ท่านได้เริ่มออกธุดงค์ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๐๑ ก่อนออกธุดงค์ ท่านได้ไปกราบพระประธานในอุโบสถ พร้อมอธิษฐานต่อหน้าพระในใจว่า “ขอมอบกายถวายชีวิตนี้ให้แก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะขอยึดเอาเพศบรรพชิตไปตลอดชีวิต จะไม่สิกขาลาเพศออกไปครองเรือนตลอดชีวิต”

 ทั้งนี้ หลวงพ่อวงศ์ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ประมาณ ๗-๘ ปี พบอาจารย์ทั้งที่เป็นพระเกจิและฆราวาสจอมขมังเวทหลายท่าน

 ในจำนวนนี้มีอยู่ท่านหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฆราวาสจอมขมังเวทแห่งปากน้ำโพ คือ ปู่โทน รำแพน ซึ่งมีชื่อเสียงในการเสกกระดาษเป็นธนบัตร

 โดยท่านได้ขอให้ปู่โทนเสกกระดาษให้ดู เพื่อให้เห็นด้วยตาจริงๆ จากนั้นท่านก็ฝากตัวเป็นศิษย์ เรียนวิชากับปู่โทน

 นอกจากนี้ยังเรียนวิชากับจากพระอาจารย์ชาวเขมรอีกหลายรูป

 โครงการหนึ่งที่หลวงพ่อวงศ์ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ ได้จัดสร้าง รูปเหมือน ขนาดหน้าตัก ๓ เมตร และวิหารครอบ แต่ยังขาดปัจจัยอีกจำนวนหนึ่ง ลูกศิษย์และผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญได้ที่ หลวงพ่อวงศ์ วัดประชาวงศาราม โทร.๐๘-๙๙๒๒-๗๒๔๕, ๐๘-๑๗๕๓-๘๑๘๔

เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"