
สุพัตร สุนันทคันธรสกับวจีหลวงพ่อทวดมีมากกว่าความศักดิ์สิทธิ์
สุพัตร สุนันทคันธรสกับวจีหลวงพ่อทวดมีมากกว่าความศักดิ์สิทธิ์ : พระเครื่องสรณะคนดัง เรื่อง / ภาพ สุพิชฌาย์ รัตนะ ศูนย์ข่าวภาคใต้
ผลกระทบของปัญหาความรุนแรงและความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่เห็นได้ชัดเจน นอกเหนือจากคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำดำดิ่งแล้ว ความเปลี่ยนแปลงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ อีกประเด็นหนึ่งคือ ภาวะเศรษฐกิจในดินแดนแห่งนี้ที่เรียกได้ว่าอยู่ในภาวะ “ทรง” กับ ”ทรุด” เท่านั้น หากสถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ เมื่ออุณหภูมิความรุนแรงในพื้นที่แห่งนี้พุ่งสูง ผลที่ตามมาคือแรงกระเพิ่มที่สะเทือนถึงภาคธุรกิจเอกชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการที่ชะลอการลงทุน หรือซ้ำร้ายไปกว่านั้นบางรายถึงขั้นพับโครงการ หรือถอนฐานการผลิตออกนอกพื้นที่ เพื่อไปลงทุนในทำเลที่มีความเหมาะสมกว่า
แต่สำหรับ “สุพัตร สุนันทคันธรส” เจ้าของกิจการโรงน้ำแข็ง บริษัทจตุรมิตรพัฒนา จำกัด แห่งเมืองนราธิวาส ในฐานะ "ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส" กลับยังคงยืนหยัดปักหลักนำธุรกิจที่สร้างมากับมือฝ่ามรสุมในพื้นที่แห่งนี้ต่อไป เพราะธุรกิจที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากหยาดเหงื่อและแรงกายที่ทุ่มเท จึงไม่สามารถละทิ้งได้ โดยมีความหวังว่า สักวันทุกอย่างจะดีขึ้น
แม้ว่าท่ามกลางการประกอบกิจการบนสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จะกระทบต่อผลประกอบการที่ลดลงกว่า ๓๐-๔๐ เปอร์เซ็นต์ ในช่วง ๖-๗ ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความคิดและความมุ่งมั่นที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้เพื่อนเอกชนไม่สลัดทิ้งพื้นที่หนีปัญหาที่เกิดขึ้น ถอนยวงธุรกิจแล้วเบนเข็มไปลงทุนที่อื่น
สุพัตร เล่าว่า การทำธุรกิจในพื้นทื่มาตลอด ๒๐ ปี ทำให้รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมรอบกาย โดยเฉพาะความไม่ปลอดภัย แต่ด้วยความผูกพันที่ได้ร่วมทำงานกับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ทำให้เข้าใจและสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตของชาวบ้าน จึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานแม้จะต่างศาสนา แต่ภายใต้การทำงานร่วมกัน เราต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำให้ไร้อุปสรรค
โดยครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่ได้เข้าไปพบลูกค้าในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการคุยธุรกิจปรากฏว่า ลูกค้าขอร้องไม่ให้กลับ พร้อมกับชักชวนให้อยู่ในบ้าน ด้วยเพราะเห็นว่า ขณะนั้นสถานการณ์อยู่ในจุดที่ไม่น่าไว้วางใจมากนัก
“เถ้าแก่อย่าเพิ่งออกไป ตอนนี้ไม่ปลอดภัย มาหลบในบ้านก่อน” คือคำพูดที่ลูกค้าซึ่งเป็นมุสลิมรายหนึ่ง บอกภายหลังเสร็จสิ้นการหารือทางธุรกิจ แล้วเตรียมตัวจะขับรถกลับบ้าน ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่า ในความรุนแรงนั้นก็ยังมีไมตรีที่ดีจากคนต่างศาสนา จนนำมาซึ่งความแคล้วคลาดจากอันตรายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อสถานการณ์ไม่ปกติ การทำธุรกิจก็นำไปสู่การคิดถึง พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะชาวพุทธที่ต้องมีพระเครื่องอันเป็นดั่งตัวแทนพระพุทธองค์ และคำสอนของพระศาสดา เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับชีวิตในการประกอบอาชีพอยู่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้แห่งนี้
“นับตั้งแต่สถานการณ์เริ่มไม่ปกติ ผมก็เริ่มหันเหเข้าสู่การศึกษาเรื่องของพระเครื่อง วัตถุมงคลอย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งผ่านตำรา ปรึกษาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญในวงการพระเครื่อง โดยเฉพาะเรื่องของ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ” สุพัตร กล่าว
กระทั่งสามารถเรียนรู้และดูพระหลวงพ่อทวดเป็นในระดับหนึ่ง จึงแสวงหาและอาราธนาหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ พิมพ์พระรอด และพิมพ์ใหญ่ มาคล้องคอได้สำเร็จ เมื่อไม่นานมานี้ และที่สำคัญ ได้ประจักษ์แล้วถึงความศักดิ์สิทธิ์ดั่งคำร่ำลือ โดยเฉพาะตั้งแต่ได้มา ชีวิตมีแต่ดีขึ้น ทั้งในแง่ของความปลอดภัย และด้านธุรกิจ
“แม้พื้นที่มีปัญหา แต่ผมมีสติ บางครั้งก็อธิษฐานขอหลวงพ่อทวดให้ช่วยนำพาธุรกิจที่สร้างมากับมือ ให้รอดพ้นอันตราย และประสบในความสำเร็จ ซึ่งตลอด ๗ ปีที่เกิดความไม่สงบ ทั้งธุรกิจและชีวิตก็แคล้วคลาดอันตรายมาได้” สุพัตร กล่าว
การได้ศึกษาเรื่องพระเครื่อง ช่วยให้ชีวิตมีสมาธิ เพราะต้องละเอียด จิตใจสงบนิ่ง รู้จักพิจารณา และสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผ่านพ้นปัญหามานับครั้งไม่ถ้วน อีกทั้งยังทำให้ชีวิตอยู่ในศีลธรรม เพราะ “แขวนพระดี” ซึ่งต้องทำความดีด้วย คุณพระถึงคุ้มครอง หากแขวนพระดีแต่ยังทำชั่ว คุณพระย่อมไม่แสดงความศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเป็นแน่แท้
โดยเหตุการณ์หนึ่งที่สะท้อนได้ชัดเจนถึงการตั้งในการครองสติ เพื่อก้าวผ่านปัญหาไปให้ได้นั่นคือ เมื่อครั้งที่กลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบ “ปิดไฟถล่มเมืองนราธิวาส” เมื่อปี ๒๕๔๗ ส่งผลให้ไฟฟ้าดับทั้งจังหวัด ทำให้คนทั้งเมืองตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก และหวาดกลัวความไม่ปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกขณะ แต่สุพัตรกลับเลือกที่จะอยู่นิ่ง ค่อยๆ สั่งการให้ลูกน้องแก้ปัญหาที่เกิดกับธุรกิจไปทีละเปราะ จนผ่านวิกฤติมาได้ชนิดไร้ความบอบช้ำ
สุพัตร กล่าวว่า คนร้ายดับไฟทั้งเมือง เพราะหวังปั่นป่วนจนทำให้ทุกคนตกอยู่ในความมืด ประกอบกับความกลัวทำให้ชาวบ้านทุกหย่อมหญ้าหวาดผวาอย่างหนัก เช่นเดียวกับบรรยากาศภายในโรงน้ำแข็ง ที่คนงานต่างตกใจกลัว เราในฐานะเถ้าแก่ต้องคอยปลอบขวัญลูกน้องไม่ให้กลัว ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า กรณีไฟฟ้าดับ ซึ่งมีผลต่อการผลิตน้ำแข็ง ซึ่งทำให้ต้องตั้งหลักและใช้สติในการวางแผนจนผ่านมาได้
“บอกได้คำเดียวว่า หลวงพ่อทวดมีมากกว่าความศักดิ์สิทธิ์ เพราะที่ผมผ่านวิกฤติมาได้ เพราะนอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดแล้ว ท่านยังทำให้รู้จักการมีสมาธิ เรียนรู้วิธีตั้งหลักสู้กับปัญหาจนกิจการ รวมทั้งชีวิตแคล้วคลาดจากภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการศึกษาและศรัทธาต่อหลวงพ่อทวดมาโดยตลอด” สุพัตร กล่าวทิ้งท้าย พร้อมยกมืออาราธนาหลวงพ่อทวดที่แขวนในคอ
เขาทิ้งท้ายว่า การแขวนพระ นอกจากจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้บูชาแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้และศึกษาคือเราได้อะไรจากการอาราธนาวัตถุมงคลบ้าง เพราะหากคิดพึ่งแต่ความศักดิ์สิทธิ์โดยไม่รู้จักเรื่องของการนำหลักธรรม มาใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง จึงจะมีชีวิตที่ประสบแต่ความสำเร็จดั่งที่เราปรารถนา
"นักธุรกิจร่วมภารกิจปกป้องเมือง"
นอกเหนือจากบทบาทของนักธุรกิจในพื้นที่แล้ว อีกภารกิจสำคัญในฐานะคนท้องถิ่นแห่งของ “สุพัตร สุนันทคันธรส” นั่นคือ การร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังภาคประชาชน หรือราษฎรอาสารักษาเมือง (อรม.) เพื่อร่วมทำหน้าที่กับผู้ประกอบการและชาวบ้านในพื้นที่ในการดูแลความปลอดภัยเรียบร้อยให้กับชุมชนของตัวเอง
อรม.หรือ ราษฎรอาสารักษาเมือง ซึ่งเป็นโครงการใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโครงการเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในชุมชน ดังนั้น จึงถือเป็นเกียรติในชีวิต ที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการสนองพระราชดำริ เพื่อร่วมกันคืนความสงบสุขให้กลับคืนสู่ดินแดนแห่งนี้
สำหรับราษฎรอาสารักษาเมือง ใน จ.นราธิวาส จะมีคณะทำงานโครงการพระราชดำริ คณะที่ ๓ กำกับดูแล ส่วนคณะทำงานโครงการพระราชดำริ คณะที่ ๑ กำกับดูแลใน จ.ยะลา และคณะทำงานโครงการพระราชดำริ คณะที่ ๒ กำกับดูแลใน จ.ปัตตานี และ ๕ อำเภอใน จ.สงขลา