
พระองค์ครู:กะลาแกะพระราหู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
กะลาแกะพระราหู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม
"หลวงพ่อน้อย คันธโชโต" วัดศีรษะทอง ต.ห้วยตะโก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้สร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังไว้หลายชนิด แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก คือ "พระราหูอมจันทร์" และ "พระโคสุลาภ" หรือวัวธนู โดยเฉพาะ พระราหูอมจันทร์ ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในชุดเบญจเครื่องรางและให้การยอมรับมาช้านาน
หลวงพ่อน้อย ท่านก็เป็นชาวลาว เรียนวิชาคาถาอาคมมาจากหลวงพ่อลี เจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ และโยมบิดา เมื่อท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดแล้ว ท่านก็ได้เริ่มวางรากฐานรูปแบบ และขั้นตอน ตลอดจนลวดลายการแกะกะลาพระราหูให้เป็นมาตรฐาน โดยมีการพัฒนาเป็นขั้นตอน ตามตำราในใบลานต้นฉบับ ที่สำคัญ คือ ต้องเป็นกะลามะพร้าวที่มีเพียงตาเดียวเท่านั้น อ่อน หรือ แก่ ไม่เป็นอะไร
การพัฒนางานแกะ เห็นได้ว่าในยุคต้นๆ นั้น การแกะพระราหูไม่มีรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน มีทั้งสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม รูปกลม รูปกลีบบัว ก็มี สุดแล้วแต่ช่างจะแกะกัน มีหลายขนาด ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ แกะจากกะลาครึ่งลูก หรือ แกะจากกะลาทั้งลูกก็มี แต่ส่วนใหญ่ กะลาแกะพระราหูของหลวงพ่อน้อยนั้น จะมีศิลปะการแกะที่เป็นมาตรฐาน โดยใช้ช่างแกะไม่กี่กลุ่ม ซึ่งได้แก่
๑.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นพระภายในวัด แรกๆ ก็แกะเป็นรูปสามเหลี่ยมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง วงกลมบ้างเหมือนกัน ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นแบบเดียวกัน คือ แกะเป็นรูปเสมาคว่ำ
๒.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นนักโทษ เรือนจำจังหวัดนครปฐม โดยหลวงพ่อน้อย ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นผู้คุมเรือนจำ ในสมัยนั้นผู้คุมเรือนจำเป็นช่างฝีมือแกะหลายคน ซึ่งเป็นครูคอยสอนนักโทษด้วย แล้วให้นักโทษช่วยกันลองแกะพระราหูกันดู จากกะลาตาเดียว และได้คัดอันที่สวยที่สุดมาเป็นตัวอย่าง
ส่วนการทำปลอมเลียนแบบ มีการทำกันมานานมากมายหลายฝีมือ แต่เชื่อว่า ทุกฝีมือที่ทำปลอมยังต่างกันมากกับราหูที่สร้างจากหลวงพ่อน้อยอันเป็นตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ งานแกะพิมพ์ วิธีการสร้างตกแต่ง ความแห้งผาก และธรรมชาติของอายุกะลา จึงเชื่อว่าการทำเลียนแบบปลอมนั้นทำได้ยากยิ่ง
ค่านิยมกะลาราหูของหลวงพ่อน้อยขึ้นอยู่ตามสภาพ แต่ก็ไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น หากอยู่ในสภาพสวยสมบูรณ์ เช่น ค่านิยมอยู่ในหลักหมื่นกลางๆ บางองค์สูงถึงหลักแสนเลยทีเดียว