
พิธีเป่ายันต์มหาบารมี ๓๐ ทัศ ตำรับ..."หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย" วัดสุทธาวาสฯ
"คนเราเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี บุญที่ทำบ่อยๆ นั่นแหละจะกลายเป็นบารมี ท่านทั้งหลายจะอยู่ในโลกนี้อย่างไร แบบทางโลกก็ไม่ช้ำ ทางธรรมก็ไม่ขุ่น อาทิตย์หนึ่งมี ๗ วัน ท่านทั้งหลายทำงานเลี้ยงครอบครัวไปเสีย ๖ วัน ส่วนอีกวันหนึ่งให้ท่านทำบุญปฏิบัติธรรม"
จ.พระนครศรีอยุธยา หรืออดีตที่เคยเป็นเมืองหลวงของเมืองไทยนามว่า "กรุงอโยธยาศรีรามเทพนคร" ซึ่งถือว่าเป็นดินแดนถิ่นวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ทรงคุณค่า รวมถึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีสำนักตักศิลามหาเวทย์ “สำนักวัดประดู่ทรงธรรม” ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนศิลป์วิทยาการต่างๆ ขึ้นชื่อเลื่องลือมาช้านาน
ด้วยเหตุนี้จึงมีพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาบารมีและแตกฉานสรรพวิชาอาคมต่างๆ มีชื่อเสียงโด่งดังกึกก้องแห่งท้องแผ่นดินสยามประเทศ หลายรูป แต่ละรูปนั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นที่เคารพนับถือแก่สาธุชนมากมาย ต่างเรียกขานกันทั่วไปว่า พระเกจิฯ สายอยุธยา อาทิ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม และหลวงพ่อรวย วัดตะโก เป็นต้น
หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงพ่อรักษ์ ๓๐ ทัศ" พระเกจินามมงคลแห่งกรุงเก่า เจ้าตำรับวิชาตะกรุดมหาบารมี ๓๐ ทัศ เจ้าอาวาสวัดสุทธาวาส วิปัสสนา ต.ลาดบัวหลวง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระผู้ผลักดันการสร้างพุทธมณฑลอยุธยา สำหรับในการปฏิบัติธรรมอมรมสั่งสอนสมถะกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐานก็เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน จนได้รับแต่งตั้งจากมหาเถรสมาคมประกาศให้วัดสุทธาวาส วิปัสสนา เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งที่ ๑๓ และยังเป็นพระนักพัฒนามีผลงานประจักษ์เป็นรูปธรรม สมกับเป็นที่ยกย่องสรรเสริญว่า “พระดี ศรีอยุธยา”
หลวงพ่อรักษ์ อธิบายให้ฟังว่า “ตำรับวิชาบารมี ๓๐ ทัศ” เป็นตำรับตำราของพระเกจิบูรพาจารย์ยุคเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา พระเกจิบูรพาจารย์จารึกไว้ว่า พระเวทวิชาบารมี ๓๐ ทัศ หรือพระบารมี ๓๐ ทัศ เป็นพระบารมีที่พระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ ได้ทรงบำเพ็ญบารมีมาจนกระทั่งได้ตรัสรู้เป็น “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ของพวกเราทั้งหลาย ซึ่งประกอบไปด้วย
ทานบารมี ๓ ขั้น ศีลบารมี ๓ ขั้น เนกขัมมะบารมี ๓ ขั้น ปัญญาบารมี ๓ ขั้น วิริยะบารมี ๓ ขั้น ขันติบารมี ๓ ขั้น สัจจะบารมี ๓ ขั้น อธิษฐานบารมี ๓ ขั้น เมตตาบารมี ๓ ขั้น อุเบกขาบารมี ๓ ขั้น รวมกันเป็นพระบารมี ๓๐ ทัศ
ทั้งนี้ มีคติความเชื่อว่า หญิงใด ชายใด เด็กหรือผู้ใหญ่ ได้เข้าร่วมพิธีเป่ายันต์นับว่าเป็นมหามงคลบารมียิ่งนักสุดจะพรรณนา อีกประการหนึ่งพระเกจิบูรพาจารย์ นอกจากนี้ในตำราว่าเป็นพระคาถาที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงศึกษาเล่าเรียนมาจากสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แล้วทรงท่องอาราธนา ก่อนออกชนช้างกับมหาอุปราชา จนทำให้พระองค์ทรงมีชัยต่อพระมหาอุปราชา ทรงปกป้องรักษาบ้านเมืองไว้ได้ ซึ่งพระคาถานี้คนโบราณ ท่านตีราคาไว้เท่ากับเมืองเมืองหนึ่ง ซึ่งต่อมาสรรพวิชาคาอาคมเหล่านี้ได้มีการสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน จนกระทั่งปัจจุบันตำราพระคาถานี้ได้ตกทอดมาถึงหลวงพ่อรักษ์ ซึ่งท่านได้เล็งเห็นความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถานี้
“ท่านทั้งหลายเกิดมาทำไม คนเราเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี บุญที่ทำบ่อยๆ นั่นแหละจะกลายเป็นบารมี ท่านทั้งหลายจะอยู่ในโลกนี้อย่างไร แบบทางโลกก็ไม่ช้ำ ทางธรรมก็ไม่ขุ่น อาทิตย์หนึ่งมี ๗ วัน ท่านทั้งหลายทำงานเลี้ยงครอบครัวไปเสีย ๖ วัน ส่วนอีกวันหนึ่งให้ท่านทำบุญปฏิบัติธรรม ทำงานเลี้ยงครอบครัวให้เป็นสุข จะได้ไม่เดือดร้อนในชาตินี้ แต่ต้องทำบุญไว้เพื่อชาติหน้า พูดง่ายๆ ว่า ทำงานเอาไว้กินชาตินี้ ทำบุญเอาไว้กินชาติหน้า เดือนหนึ่งมี ๓๐ วัน ท่านทำงานไปเลย ๒๖ วัน อีก ๔ วัน เข้าวัดรักษาศีลเจริญภาวนา อย่างนี้แหละเรียกว่า ทางโลกก็ไม่ช้ำ ทางธรรมก็ไม่ขุ่น อยู่ก็สบาย ไปก็สบาย” นี่คือคำสอนง่ายๆ สามารถปฏิบัติได้ทุกคนที่หลวงพ่อรักษ์ สอนกับลูกศิษย์อยู่เสมอ
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีผู้คนเคารพศรัทธาในบารมีธรรมของหลวงพ่อ รวมไปถึงการสอนธรรมะสอนสมถะกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐาน อีกทั้งในด้านปฏิปทาเป็นพระผู้คงแก่เรียนแตกฉานวิชาอาคม ประกอบไปด้วยพลังจิตอันกล้าแกร่งของหลวงพ่อท่าน จนทำให้ปัจจุบันมีลูกศิษย์ลูกหาทั้งในประเทศ ตลอดจนถึงต่างประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง จีน เป็นต้น
โดยในวันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ หลวงพ่อรักจะทำพิธีเป่ายันต์มหาบารมี ๓๐ ทัศ โดยเริ่มตั้งแต่ เวลา ๐๙.๐๙ น. ทั้งนี้จะประกอบพิธีเป่ายันต์มหาบารมี ๓๐ ทัศ เวลา ๑๖.๓๙ น. เป็นต้นไป
มงคลแห่งบารมี ๓๐ ทัศ
พิธีเป่ายันต์มหาบารมี ๓๐ ทัศ หลวงพ่อรักษ์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทั้งนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่เข้าร่วมพิธีมีคติความเชื่อดั่งคุณวิเศษในตำรากล่าวไว้ว่า ๑.เป็นเลิศทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เป็นที่รักแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ติดต่อเจรจาด้านการค้าขายหรือธุรกิจราบรื่น การงานสะดวกสบาย
๒.เป็นมหาครอบจักรวาล ด้าน ปิด ปัด กัน แก้ ขับไล่เสนียดจัญไร อาถรรพณ์ทั้งปวง ศัตรูเห็นหน้าเราบังเกิดความครั่นคร้าม สรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดจนภูตผีปีศาจ อยู่มิได้หลบหนีไปสิ้นแล
๓.แก้เคราะห์กรรม สะเดาะเคราะห์ ป้องกันเภทภัย-ภยันตรายที่เกิดจากดวงดาวราศีพระราหู หรือความเชื่อถือเรื่อง เบญจเพส หรือ แก้ปีชง เป็นต้น
๔.เป็นมหากำบังแคล้วคลาด กันภัยทั้งปวง จากศัตราวุธทั้งหลาย คงกระพันชาตรี รวมไปถึงป้องกันภัยอันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จากหนักกลายเป็นเบา จากร้ายกลายเป็นดี โบราณเรียกว่า อาวุธกลับ
๕.เปิดทางหรือเบิกทาง การทำมาหากิน เร่งผลด้านเรียกโชค เรียกทรัพย์ให้ไหลมาเทมา ไม่ติดไม่ขัด การงานธุรกิจหรือประกอบอาชีพใดๆ ก็เจริญรุ่งเรือง ไม่มีตกอับ หรือขัดสน มั่งมีทรัพย์ ไม่อดไม่อยาก
๖.ส่งเสริมเพิ่มพูน ค้ำจุน หนุนดวง สืบชะตาชีวิต เป็นอำนาจวาสนาบารมี เพิ่ม ตบะเดชะ มีผิวพรรณวรรณะที่ผ่องใส ปราศจากเครื่องมลทินเศร้าหมอง ดีนักแล
0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0