พระเครื่อง

'การดูพระให้เก่งต้องดูมากๆ และบ่อยๆ''เซ้ง มณเฑียร' กรรมการตัดสินพระผงยอดนิยม

'การดูพระให้เก่งต้องดูมากๆ และบ่อยๆ''เซ้ง มณเฑียร' กรรมการตัดสินพระผงยอดนิยม

24 ก.ค. 2554

คอลัมน์เส้นทางนักพระเครื่องประจำวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ค.54 โดย ตาล ตันหยง

          ภาคตะวันออกของประเทศไทย แม้จะไม่ค่อยมี พระกรุ ให้วงการพระเครื่องได้ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมากนัก แต่ท้องถิ่นแถบนี้ก็มี พระเกจิอาจารย์ ผู้แก่กล้าวิชาอาคมขลังมากมาย จึงทำให้ผู้สนใจแสวงหาพระเครื่องในท้องถิ่นส่วนใหญ่ซื้อขายกันด้วยพระเครื่องที่พระเกจิอาจารย์แต่ละท่านได้สร้างขึ้น ซึ่งมีอยู่มากมาย และมีจำนวนไม่น้อยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ เช่น พระหลวงพ่อโสธร พระปิดตา ๕ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองชลบุรี รวมทั้งพระเกจิอาจารย์ในรุ่นต่อๆ มาอีกหลายท่าน ทั่วทุกจังหวัดในภาคตะวันออกแห่งนี้

           นักพระเครื่องคนหนึ่งที่ได้เริ่มต้นด้วยการเล่นหาพระในท้องถิ่นสายตะวันออกมาก่อน จนได้กลายเป็นเซียนพระชื่อดังคนหนึ่งของวงการพระเครื่องเมืองไทยในทุกวันนี้ ก็คือ เซ้ง มณเฑียร เจ้าของชื่อจริง ณรงค์ชัย ไทยธีระเสถียร

           เซ้ง มณเฑียร เป็นชาว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี โดยกำเนิด เมื่อสมัยที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ที่บ้านบึง ก็ได้เห็นชาวบ้านเล่นพระกันแล้ว มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนพระกันในวงแคบๆ ตามร้านกาแฟบ้าง ตามตลาดร้านค้าต่างๆ บ้าง รวมทั้งตามลานวัดก็มี

           ต่อมาเมื่อเรียนหนังสือจบ เซ้ง ได้ทำงานที่บ้าน ขณะเดียวกันก็ไปดูผู้ใหญ่เขาซื้อขายแลกเปลี่ยนพระกันเป็นประจำ บางครั้งก็ร่วมวงไพบูลย์กับเขาด้วย โดยที่ไม่รู้ว่า พระที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม ส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระในท้องถิ่นก็ไม่มีปัญหา เป็นของแท้ที่ออกมาใหม่จากวัด

           ส่วน พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ หลวงปู่ภู่ วัดนอก หลวงพ่อโต วัดเนินสุทธาวาส หลวงปู่เจียม วัดกำแพง และหลวงพ่อครีพ วัดสมถะ ซึ่งเป็น ๕ ยอดพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของเมืองชลนั้น จะเป็นพระแท้หรือเปล่า ไม่มีใครรู้แน่ชัด ก็เล่นแบบมั่วกันไปมั่วกันมามากกว่า

           และที่นิยมเล่นหากันอีกสายหนึ่งก็คือ พระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ สายนี้น่าจะมีของแท้มากหน่อย เพราะสมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นพระเพิ่งออกใหม่ ของปลอมยังไม่ค่อยมี

           ต่อมา อั้ง เมืองชล (สมภพ ไทยธีระเสถียร) ซึ่งเป็นพี่ชายของ เซ้ง มณเฑียร ได้เปิดร้านพระขึ้นที่บ้านบึง เพื่อเป็นที่พบปะสังสรรค์ของพรรคพวกเพื่อนฝูง ผู้สนใจพระเครื่องด้วยกัน เซ้งจึงได้รับหน้าที่เป็นคนเฝ้าร้านพระ ในห้วงเวลานี้ทำให้ เซ้ง มีโอกาสได้พบเห็นพระมากขึ้น ซึ่งเป็นพระที่พี่ชายได้ซื้อขายกับเพื่อนๆ 

           เซ้ง เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการพระอย่างจริงจังว่า "เมื่อประมาณปี ๒๕๓๖ เฮียอั้งได้ไปร่วมกับเพื่อนๆ เปิดร้านพระขึ้นภายในห้างทองกาญจนศิลป์ สี่แยกบางลำพู โดยหุ้นกันหลายคน มีเฮียเก๋าเจ้าของห้างทองเป็นโต้โผใหญ่ ช่วงนั้นคึกคักและโด่งดังมาก เพราะมีเซียนพระระดับแนวหน้ามารวมอยู่ในร้านนี้หลายท่าน เฮียอั้งก็เอาผมไปนั่งเฝ้าร้านอีกคนหนึ่ง เนื่องจากเป็นร้านพระของเซียนพระดังๆ ทำให้ผมมีได้พบเห็นพระหลักยอดนิยมต่างๆ ทุกประเภท นับเป็นโอกาสทองของผมที่ได้เรียนรู้ดูพระแท้องค์จริงมากขึ้น รวมทั้งได้เรียนรู้วิธีการซื้อขายพระของผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่หมุนเวียนเข้ามาร้านพระแห่งนี้เป็นประจำ ผมมีโอกาสได้ส่องดูพระสมเด็จ วัดระฆัง บางขุนพรหม พระสมเด็จเกศไชโย และพระหลักยอดนิยมอื่นๆ อีกมากมาย ที่ซื้อขายกันเป็นแสนเป็นล้าน จากการที่ได้ส่องดูพระแท้องค์จริงบ่อยๆ จนจำได้ติดตาว่า พระแท้มีรูปร่างลักษณะและจุดสังเกตตรงไหนบ้าง อะไรที่ไม่รู้ก็สอบถามผู้ใหญ่ ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านเห็นผมเป็นเด็ก และสนใจจริงก็เมตตาแนะนำให้ บางครั้งผมก็ต้องใช้วิธี 'ครูพักลักจำ' โดยฟังจากการพูดคุยของผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ก็ได้ความรู้ในหลายแง่มุมที่ไม่มีการสอนกันโดยตรง"

           นอกจากนี้ เซ้ง ยังบอกด้วยว่า ในบางครั้งเฮียอั้งได้พาไปซื้อพระด้วยกัน เพื่อจะได้เรียนรู้ถึงวิธีซื้อพระว่าจะต้องเจรจากกับคนขายอย่างไร โดยเฉพาะคนขายที่เป็นผู้ใหญ่มากๆ ก่อนจะซื้อก็ต้องขอดูพระก่อน ทำให้ เซ้ง ได้ดูพระในอีกแนวหนึ่ง  ผู้ใหญ่บางท่านจะเปิดราคาพระอย่างสูงลิ่ว และห้ามต่อรองราคา เราก็ต้องรอบคอบในทุกด้าน ว่าจะตัดสินใจซื้อดีหรือไม่ ซื้อไปแล้วจะต้องขายใคร ถึงจะได้ไม่เข้าเนื้อ ...กลเม็ดต่างๆ เหล่านี้ เซ้ง ได้เรียนรู้จากสนามจริงของวงการพระมาแล้ว

           "ต่อมาเมื่อปี ๒๕๔๑ คุณบุญเนตร ตันตระกิจ เจ้าของโรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ ได้ให้ เฮียอั้ง เปิดชมรมพระเครื่องขึ้นที่อาคารทรงไทย หน้าโรงแรมมณเฑียร เพื่อให้เป็นสนามพระแห่งใหม่ที่มีมาตรฐาน โดยเฮียอั้งได้เชิญชวนเซียนพระชื่อดังหลายท่านขึ้นมาเปิดร้านในสนามพระติดแอร์แห่งนี้ด้วย โดยใช้ชื่อว่า ชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซา ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของนักสะสมพระเครื่องอีกระดับหนึ่งซึ่งต้องการสถานที่เป็นส่วนตัวจริงๆ ขณะเดียวกัน ร้านพระแต่ละร้านก็มีมาตรฐาน มีการรับประกันพระทุกองค์ที่เช่าไป เป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือของคนในวงการพระ ให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือของคนทั่วไปอย่างได้ผลดียิ่ง ช่วงแรกผมได้ช่วยทำงานให้เฮียอั้งทุกอย่าง รวมทั้งเฝ้าร้านพระ ต่อมาอีก ๒ ปี เฮียอั้งเห็นว่าผมพอจะเอาตัวรอดได้แล้ว จึงให้ผมเปิดร้านพระเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า เซ้ง มณเฑียร มาจนถึงทุกวันนี้ ถือได้ว่าเป็นการแจ้งเกิดตัวตนของผมอย่างแท้จริง" เซ้ง กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

           ช่วงที่กระแสนิยม จตุคามรามเทพ มาแรงสุดๆ เซ้ง กล่าวว่า ที่นี่ก็มีการซื้อขายกันอย่างคึกคัก แต่ละวันมีเงินหมุนเวียนเป็นล้าน ส่วนมากลูกค้าเป็นคนในวงการสังคมชั้นสูง

           ต่อมาเมื่อกระแสนิยมจตุคามฯ แผ่วลง การซื้อขายพระหลักยอดนิยม และพระทั่วๆ ไปก็หันกลับมาสู่วงจรเดิม สมัยที่เศรษฐกิจดีๆ สนามพระแห่งนี้มีการซื้อขายกันตลอดเวลา แม้ว่าจะมีผู้คนไม่มากนัก ไม่พลุกพล่านเหมือนที่อื่น แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของบรรยากาศที่เงียบเรียบร้อยดี เป็นที่นิยมชมชอบของผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ มากมาย

           "ผมอยู่ที่นี่ได้มีโอกาสซื้อพระบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จ หรือพระชุดเบญจภาคีอื่นๆ รวมทั้งพระหลักยอดนิยมต่างๆ และพระทั่วๆ ไป โดยมีลูกค้านำมาขายบ่อยๆ พระประเภทใดที่ผมได้เคยดูผ่านสายตามามาก ก็บอกได้เลยว่าแท้หรือปลอม การซื้อพระด้วยตัวเองต้องใช้ความรอบคอบมากๆ ไม่ประมาท และไม่โลภ อย่าเห็นว่าของถูกเป็นโชคของเรา เพราะหากพลาดไปแล้วก็เสียเงินฟรี ผมถือคติว่า  หากเราโดนของเก๊ จะไม่ยอมขายต่อให้ใครอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำเราเสียชื่อ  เงินทองเป็นของนอกกาย เสียไปแล้วหาเมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าหากปล่อยพระเก๊ออกไปเพียงองค์เดียว ชื่อเสียงที่เคยทำไว้ เสียหายไปชั่วชีวิต จะแจ้งเกิดอีกไม่ได้แล้ว ผมจึงซื้อพระด้วยความไม่ประมาท การได้ซื้อพระแท้ด้วยตัวเราเอง ย่อมเป็นความภาคภูมิใจมากกว่าไปซื้อพระต่อมาจากคนอื่น ที่เขาได้กลั่นกรองมาแล้ว" เซ้ง กล่าวในตอนหนึ่ง

           การจะดูพระให้เก่งได้นั้น เซ้ง บอกว่า ต้องดูพระให้มากๆ มากทั้งจำนวนพิมพ์และจำนวนองค์ ต้องดูบ่อยๆ โดยเฉพาะพระที่เราสนใจเป็นพิเศษ ต้องดูให้บ่อยยิ่งขึ้นไปอีก และเมื่อได้พระพิมพ์เดียวกันมาอีกหลายๆ องค์ ก็ให้เอามาดูมาเปรียบเทียบกันในแง่มุมต่างๆ ทำเช่นนี้บ่อยๆ เชื่อว่าเราจะสามารถจดจำพระพิมพ์นั้นรุ่นนั้นได้อย่างแม่นยำ การดูพระอย่างผิวเผิน ดูพอผ่านๆ ไปด้วยความไม่ตั้งใจจริงๆ  ย่อมไม่มีโอกาสดูพระได้แม่นอย่างแน่นอน

           "เดี๋ยวนี้มีสื่อหลายอย่างที่ช่วยให้การดูพระได้ดีขึ้น มากกว่าสมัยก่อน โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ และอินเทอร์เน็ต ที่เราสามารถขยายภาพพระให้ใหญ่ขึ้นมากๆ จนดูรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ทำให้การศึกษาพระเครื่องได้ง่ายขึ้นด้วย" เซ้ง กล่าวแนะนำ

           เซ้ง กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า "อนาคตวงการพระจะมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นอีก เพราะทุกวันนี้เรามีสมาคมพระเครื่อง มีชมรมพระเครื่อง หลายองค์กร ที่ล้วนมีคุณภาพ มีเซียนพระที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ และมีคุณธรรมสูง มีความรับผิดชอบในพระเครื่องทุกองค์ที่ขายออกไป หากไม่พอใจในภายหลังก็สามารถคืนคนขายได้ทันที ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเชื่อว่า ความมีมาตรฐานของวงการพระเครื่องทุกวันนี้ จะเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือของนักสะสมคนรุ่นใหม่ รวมทั้งผู้คนในสังคมทั่วไป เพราะทุกคนสามารถซื้อพระด้วยความสบายใจยิ่งขึ้น"

           ทุกวันนี้ เซ้ง มณเฑียร เป็นกรรมการตัดสินพระเนื้อผงยอดนิยม และเป็นกรรมการบริหารภาค กรุงเทพฯ และปริมณฑล ของ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย มีร้านพระอยู่บนชั้น ๒ ของ ชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซา ถนนสุรวงศ์ ซึ่งมีเว็บไซต์เป็นของชมรมโดยเฉพาะ คือ www.thaiamulet.com