
ทุกเย็นวันศุกร์-เสาร์ หลวงพ่อนัดญาติโยมมาสวดมนต์ ที่วัดช่องแสมสาร
วัดช่องแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งมีพระครูวิสารทสุตรากร หรือ พระมหารัตนะ เจ้าคณะตำบลพลูตาหลวง เป็นเจ้าอาวาส นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องคนเดินทางมาลอดโบสถ์ โดยมีคติความเชื่อว่า "ผู้ใดได้ลอดใต้โบสถ์จะพ้นจากภยันตราย ปราศจากสิ่งอัปมงคลทั้งปวง ล้างสิ่งอ
คนที่มาวัดช่องแสมสารอาจจะมองเห็นการก่อสร้างศาสนสถานมากมาย รวมทั้งอาจจะมองว่า วัดช่องแสมสารเป็นวัดท่องเที่ยว แต่อีกมุมหนึ่ง ทางวัดก็สร้างคนด้วย มีการเปิดสอนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สอนปฏิบัติธรรม รวมทั้งสอนธรรมะศึกษาให้เด็กนักเรียนในท้องถิ่น และสามารถสอบธรรมะศึกษาชั้นต่างๆ ได้กว่า ๒๐๐ คน ที่สำคัญคือ เด็กที่สอบผ่านธรรมะศึกษาจากสำนักเรียนวัดช่องแสมสาร สามารถสอบเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่สูงขึ้นทุกคน
นอกจากนี้แล้ว หากใครได้ไปวัดในช่วง ๑๘.๐๐ น.ของวันศุกร์ และ วันเสาร์ จะเห็นภาพ ผู้เฒ่า ผู้แก่ หนุ่มสาว เด็กวัยรุน และวัยเรียน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน นับร้อยๆ คน นั่งสวดมนต์อย่างเป็นระเบียบรอบโบสถ์ โดยมี พระมหารัตนะ และพระเณร นำสวดมนต์ ซึ่งได้ดำเนินการมากว่า ๒ ปีแล้ว
พระมหารัตนะ บอกว่า เดิมทีนั้นคิดจะให้ญาติโยมใกล้วัดมาสวดมนต์ทุกๆ วันพระ แต่วันพระนั้นส่วนใหญ่จะตรงกับวันทำงานของญาติโยม จึงเปลี่ยนมาเป็นเย็นวันศุกร์และเสาร์ แรกเริ่มโครงการมีมากันไม่กี่สิบคน สวดมาสวดไปก็เพิ่มเป็นร้อย และถ้าวันศุกร์และเสาร์ใดตรงกับวันพระ ก็จะเพิ่มเป็นหลายร้อยคน ทั้งนี้ทางวัดได้จัดทำที่รองนั่งระหว่างสวดมนต์ให้ญาติโยมทุกคน เมื่อสวดมนต์เสร็จก็ให้ถือกลับไปบ้านด้วย ทั้งนี้เอาเป็นเครื่องเตือนใจว่า เมื่อได้เห็นที่รองนั่งสำหรับสวดมนต์แล้ว จะได้กลับมาสวดมนต์ใหม่ในครั้งหน้า ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ
สำหรับประโยชน์และสิ่งที่ได้จากการสวดมนต์นั้น เคยมีผู้อธิบายไว้โดยรวมว่า การสวดมนต์นั้นมีอานิสงส์ดังนี้ ๑. สามารถไล่ความขี้เกียจ เพราะขณะสวดมนต์ อารมณ์เบื่อ เซื่องซึม ง่วงนอน เกียจคร้านจะหมดไป และเกิดความแช่มชื่นกระฉับกระเฉงขึ้น
๒. เป็นการตัดความเห็นแก่ตัว เพราะในขณะนั้นอารมณ์จะไปหน่วงอยู่ที่การสวดมนต์อย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได้เกิดขึ้นในจิตตน
๓. เป็นการกระทำที่ได้ปัญญา ถ้าการสวดมนต์โดยรู้คำแปล รู้ความหมาย ก็ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญาความรู้ แทนที่จะสวดเหมือนนกแก้วนกขุนทองโดยไม่รู้อะไรเลย
๔. มีจิตเป็นสมาธิ เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิดท่อนผิดทำนอง เมื่อจิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น
และ ๕. เปรียบเสมือนการได้เฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะขณะนั้นผู้สวดมี กาย วาจา ปกติ (มีศีล) มีใจแน่วแน่ (มีสมาธิ) มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า (มีปัญญา) เท่ากับได้เฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ พระมหารัตนะ พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิว่า "คนทำงานส่วนใหญ่จะคิดว่า วันศุกร์และวันเสาร์เป็นคืนแห่งการแสวงหาความสุข กิจกรรมส่วนใหญ่หมดไปกับการเที่ยวกลางคืน เพราะรุ่งขึ้นไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน การจัดสวดมนต์เย็นวันศุกร์และเย็นวันเสาร์เป็นการดึงคนเข้าวัด ลดคนไปเที่ยวกลางคืน เมื่อคนไม่เที่ยวกลางคืน อยู่กับบ้านอยู่กับครอบครัว ได้ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย และก็ดีกับสุขภาพ"
อย่าไรก็ตาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ปฏิบัติธรรม พระมหารัตนะจึงสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ด้วยงบประมาณ ๔๖ ล้านบาท โดยได้ดำเนินการก่อสร้างมากว่า ๓๐% เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะใช้เป็นศาลาอเนกประสงค์ ชั้นล่างจะใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทำบุญวันพระขึ้น ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ รวมทั้งวันสำคัญทางศาสนาอื่นๆ ส่วนชั้นบนจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และโรงเรียนพระปริยัติธรรม
"คนทำงานส่วนใหญ่จะคิดว่า วันศุกร์และวันเสาร์เป็นคืนแห่งการแสวงหาความสุข กิจกรรมส่วนใหญ่หมดไปกับการเที่ยวกลางคืน การจัดสวดมนต์เย็นวันศุกร์และเย็นวันเสาร์เป็นการดึงคนเข้าวัด ลดคนไปเที่ยวกลางคืน ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย และก็ดีกับสุขภาพ"