พระเครื่อง

ชั่วโมงเซียน-ปาฏิหาริย์กับพุทธานุภาพ

ชั่วโมงเซียน-ปาฏิหาริย์กับพุทธานุภาพ

11 ก.ค. 2554

ในความเป็นจริงแล้ว ศาสนาพุทธจะเชื่อถือและยึดมั่นในกฎแห่งกรรม ผู้ใดทำกรรมดีก็จะได้รับผลดี หากผู้ใดทำกรรมชั่วก็จะได้รับผลแห่งกรรม หรือการกระทำนั้น

            แต่ด้วยปัจจัยหลายประการ ทำให้เหตุมหัศจรรย์หรือปาฏิหาริย์ต่างๆ ผสมผสานเข้ากันกับพุทธศาสนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งแนวคิดแบบหินยาน และแพร่ขยายอย่างมากมายในพุทธแบบมหายาน 

             ปัจจัยที่ทำให้พุทธศาสนามีอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ปรากฏอยู่ และเกือบจะรวมเข้าเป็นเนื้อหนึ่งอันเดียวกันอาจเกิดจากรากเหง้าที่มีศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นที่ตั้ง บวกกับความเชื่อท้องถิ่นที่พุทธศาสนาเข้าไปเผยแพร่ทำให้เกิดเทพเทวะประจำขึ้นหลายองค์

            ที่รู้จักกันดีก็มี พระอินทร์ ที่คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวก ตั้งแต่การเสด็จออกผนวชของพระพุทธเจ้า  การช่วยเหลือพระพุทธองค์ในชาดก และปัญญาสชาดกต่างๆ จนผูกพันกับศาสนาพุทธอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  นอกจากนี้ยังมีเทพอื่นๆ เช่น พระพรหม ยกตัวอย่าง ผกาพรหม ที่เสวยชาติเป็นนางกาเผือกออกไข่อุบัติขึ้นเป็นพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
 

              เทพบริวารในอาณัติของพระอินทร์ พระพรหมก็พลอยเข้าสู่ศาสนาพุทธ สร้างปรากฏการณ์อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์โดยพร้อมเพรียง เช่น ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งนิยมจำหลักรูปไว้ตามบานประตูอุโบสถ เพื่อต่อสู้กับเหล่ามาร  นางมณีเมขลา ที่ช่วยเหลือพระมหาชนกจากเรือแตก ตลอดจนพระนางวสุทนทรา หรือพระแม่ธรณี ที่บีบอุทกธารา จนเหล่ามารต้องหลบหนี เป็นต้น
 

              นอกจากปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการดลบันดาลของทวยเทพเองแล้ว ในส่วนของพระพุทธองค์และพระอัครสาวกที่ออกบวชแล้ว ก็ปรากฏเรื่องราวจดจารจารึกไว้ในพระคัมภีร์และตำนานต่างๆ ตัวอย่างเช่น การแสดงยมกปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์
 

             ส่วนพระสาวกนั้น ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีปาฏิหาริย์เป็นที่น่าอัศจรรย์เรียกเอกะทัคคะทางปาฏิหาริย์ก็คือ พระโมคคัลลานะ สามารถเหาะไปตามที่ต่างๆ ได้

             หรือกรณีพระอุปคุปต์ ที่เป็นอัครสาวกได้รับการอาราธนาขึ้นจากน้ำมาปราบพญามารที่จะทำลายพิธีศาสนา หรือความศักดิ์สิทธิ์ในการให้ลาภให้คุณของพระสิวลี และพระสังกัจจายน์ เป็นต้น
 

            แต่ปาฏิหาริย์ต่างๆ เหล่านี้ พระพุทธองค์ได้ทรงห้ามเสีย มิให้แสดงแก่ผู้ใด เพื่อให้ผู้คนตั้งจิตประพฤติกรรมดีด้วยตัวเอง หาไม่จะเป็นการอวดอุตริมนุสสธรรม
 

             เมื่อล่วงสมัยพุทธกาล ปรากฏการสร้างรูปเคารพของพระผู้มีพระภาค ตลอดจนพระสาวกอื่นๆ แพร่หลาย ผู้คนก็ศรัทธาเชื่อถือว่า ทั้งพระพุทธรูปและพระเครื่องที่ถูกสร้างขึ้นนั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานที่เล่าขานเรียกกันว่า มีดีนอก คือ ส่วนของวัตถุมงคลที่นำมาประกอบและสร้างขึ้น กับดีใน คือความศักดิ์สิทธิ์อันเกิดจากรูปที่เคารพ และการปลุกเสกให้กลายเป็นวัตถุที่เป็นมงคลแก่ตนเองและครอบครัว มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ช่วยให้แคล้วคลาดและประสบความสุขความเจริญด้วยศรัทธา
 

             อย่างเช่น การเกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้งแล้วรอดตายมาได้ ก็เนื่องมาจากอิทธิปาฏิหาริย์ขององค์พระที่เคารพบูชาอยู่ ดังตัวอย่างที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อ นางวาสนา ใจกล้า และนายอนุวัฒน์ ธงทอง สามีภรรยาประกอบอาชีพเป็นพนักงานโรงงานน้ำตาลสระบุรี อยู่บ้านเลขที่ ๕๐๙ หมู่ ๔ ต.คำพาน อ.วังม่วง จ.สระบุรี
 

             ทั้งสามีภรรยาเป็นผู้ประกอบสัมมาอาชีวะ ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต ได้เช่าบูชา เหรียญพระพุทธนวราชบพิตร วัดตรีทศเทพ กรุงเทพมหานคร เนื้อทองแดงกับเนื้อผงพุทธคุณ โดยอาราธนาติดตัวทุกครั้ง
 

              อันพระพุทธนวราชบพิตรแต่เดิมนั้น เป็นรูปพระพุทธเจ้าซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างขึ้นเป็นพระพุทธรูปบูชา ที่ฐานประดิษฐานพระกำลังแผ่นดิน หรือสมเด็จจิตรลดา อันทรงคุณค่า และพระราชทานไปยังจังหวัดต่างๆ และทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพร ว่า

             "...ขออานุภาพแห่งพระพุทธนวราชบพิตร จงปกปักรักษาท่านให้พ้นจากทุกข์ภัยทุกๆ ประการ บันดาลให้เกิดความสุขสวัสดีมีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในการประกอบอาชีพ และมีความสมัครสมานกัน ในอันที่จะร่วมกันสร้างเสริมความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมืองของเราสืบไป..."
 ปรากฏว่า เมื่อนางวาสนาและนายอนุวัฒน์บูชาพระพุทธนวราชบพิตรติดตัว ได้ขับรถเพื่อไปทำธุระ เมื่อถึงหน้าโรงพยาบาลพัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยมีคนวิ่งตัดหน้าระยะกระชั้นชิด นางวาสนาผู้ขับต้องหักรถกระบะ เลขทะเบียน บพ 7054 สบ จนรถวิ่งเข้าชนเกาะกลางถนนอย่างรุนแรง ถึงขนาดยางระเบิด

             ในขณะเกิดเหตุนั้น ทั้งสามีภรรยาเล่าว่า เห็นเหมือนมีพระพุทธรูปลอยขึ้นมาเบื้องหน้า ชายจีวรแกว่งอยู่ทั้งสองคน จึงยึดจับชายจีวรองค์พระไว้ ทำให้ร่างกระเด็นหลุดออกจากตัวรถ ซึ่งมีสภาพยับเยิน และมีรถบรรทุกวิ่งตามมาสามารถหยุดได้อย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งสองปลอดภัย ไม่มีแม้แต่ลอยขีดข่วน ซึ่งทั้งสองมีแต่เหรียญและพระผงพุทธนวราชบพิตรติดตัวเท่านั้น

             อุบัติเหตุดังกล่าว เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครอง เมื่อเกิดภยันตราย ซึ่งตามทฤษฎีแล้วเราเชื่อว่า มนุษย์มีพลังจิตแรงกล้าในอันที่จะทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้ เช่นการยกโอ่งน้ำขนาดใหญ่เมื่อตกใจเวลาไฟไหม้ พลังจิตดังกล่าวเมื่อมุ่งไปยังสิ่งยึดเหนี่ยว ก็จะทำให้เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า "ปาฏิหาริย์"

              ดังนั้น พระพุทธรูป พระเครื่อง รวมทั้งเครื่องรางของขลัง จึงเปรียบเสมือนที่รวมประจุของพลังจิตเมื่อเกิดสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นก็จะสามารถแสดงพลังอันนอกเหนือรูปลักษณ์และขีดจำกัดออกมาได้ เราจึงมักพบเห็นลักษณะของปาฏิหาริย์อันเป็นสิ่งเหลือเชื่อ เกินกว่าที่จะอธิบายได้อยู่เสมอ เราเรียกว่า มีประสบการณ์ เช่น นักธุรกิจบางท่าน บูชาพระเนื้อผงพุทธคุณไป เมื่อตั้งจิตอธิษฐานขอให้พ้นภาวะวิกฤติ ก็ประสบความสำเร็จและกลับมาเช่าพระอีกนับพันองค์ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส


ปาฏิหาริย์และพุทธคุณ

             คำว่า "ปาฏิหาริย์" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายไว้ว่า ความอัศจรรย์ หรือการกระทำซึ่งนำมาความอัศจรรย์ ปกติจะหมายถึงความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งแบ่งได้ ๓ อย่าง คือ ๑.มีฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ ๒.ทายใจคนได้เป็นอัศจรรย์ และ ๓.มีคำสอนเป็นอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ เป็นความอัศจรรย์ที่คนนำให้เกิด แต่บุญบารมีนำให้เกิดเรียก อภินิหาร
 

             นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกคำหนึ่งที่เกี่ยวข้อง คือคำว่า “พุทธคุณ” นั้น คือ พระคุณของพระพุทธเจ้า โดยย่อมี ๓ ในบทสวดนมัสการที่ ว่า “นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” นั้น เป็นการบ่งบอกถึงพระคุณทั้ง ๓ ประการนี้ คือ

  ภควโต  หมายถึง พระมหากรุณาธิคุณ
  อรหโต  หมายถึง พระบริสุทธิคุณ
  สัมมาสัมพุทธัสสะ หมายถึง  พระปัญญาคุณ
 

             ส่วนพุทธคุณโดยพิสดาร มี ๙ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นวหรคุณ อันแปลว่า พระคุณของพระอรหันต์ คือ คุณพระพุทธเจ้า ๙ ประการ ซึ่งมาจากบทสวด อิติปฺโสที่ว่า "อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ"
 

อ.ราม