
นช.จำลอง คนซื่อ กับ...ปรากฏการณ์แห่งพลังศรัทธาอันเหลือเชื่อ!
"นุ่งขาว ห่มขาว เข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม" เป็นภาพที่เราเห็นเป็นปกติ ส่วนจำนวนผู้เข้าวัดปฏิบัติธรรมจะมากน้อยขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่างรวมกัน
แต่ได้เกิดปรากฏการณ์แห่งพลังศรัทธาอันเหลือเชื่อ! เมื่อญาติโยมจากทั่วสารทิศ นุ่งขาว ห่มขาว เข้าคุกทำบุญ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม กราบไหว้นักโทษ ขอพรคุ้มภัยให้ตัวเอง เป็นเรื่องอันเหลือเชื่อ เมื่อนักโทษกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
ทุกๆ วันอังคารและวันพฤหัสบดี ยกเว้นวันหยุดราชการซึ่งเป็นวันเยี่ยมญาติของเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี บริเวณด้านหน้าเรือนจำจะคลาคล่ำไปด้วยสายบุญสายธรรมจากทุกทิศทั่วไทย ที่มารวมตัวกันตั้งแต่เช้า เข้าคิว เข้าแถว เป็นแถว เป็นแนว อย่างเป็นระเบียบ พนมมือเดินผ่านประตูเข้ามาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ เพื่อมาฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม และขอพรจา “นช.จำลอง คนซื่อ” หรือ “หลวงพ่อภาวนาพุทโธ” อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน ต.สามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม หมายเลขประจำตัว ๖๖๖/๔๗ ที่ถูกจองจำอยู่ในแดน ๔ เรือนจำกลางบางขวาง ในคดีกามฉาวโฉ่ “พระข่มขืนเด็กสาวชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงจำนวน ๙ คน” ทั้งนี้ศาลตัดสินจำคุก ๑๖๐ ปี แต่ศาลได้กำหนดโทษจำคุกเหลือ ๕๐ ปี
ทั้งพระสงฆ์ สามเณร เถรชี ญาติกาทั้งหลายเต็มไปหมด พร้อมเครื่องสังฆทาน ของแก้บน ของกิน ของใช้ เพื่อทำบุญถวายให้พระสงฆ์ข้างนอกก่อนเข้าไป ด้วยเครื่องแต่งกายชุดสุภาพ บ้างก็ขาวล้วน บ้างก็ชุดพระธุดงค์ บ้างก็ชุดไทย ตามแต่เทศกาลบุญ หรือตามแต่ละวัฒนธรรมของท้องถิ่น
แม้การมาหาคนคุกจะเป็นเรื่องยากของใครบางคน และไม่ใช่ของง่ายเลยที่ใครจะมาฟังธรรมในคุก เพราะจะต้องเจอกับปัญหาสารพัดมากมายนานาประการ ไม่ใช่นึกอยากจะฟังธรรมก็เดินผ่านเข้าไปง่ายๆ เหมือนกับไปวัดทั่วๆ ไป อย่างน้อยต้องมีเอกสารประจำตัว โดยเฉพาะบัตรประชาชน และต้องเรียนรู้กับกฎระเบียบว่า จะมาวันไหน เวลาใด แต่งตัวอย่างไร สิ่งของใดนำเข้าไปได้ สิ่งของใดห้ามนำเข้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากกว่าไปทำบุญฟังธรรมที่อื่น
“ศรัทธาของญาติโยมที่เกิดขึ้นกับ นช.จำลอง คนซื่อ หรือ หลวงพ่อภาวนาพุทโธ เป็นศรัทธาจริง มิใช่ศรัทธาจัดตั้ง ตอนที่เขาติดคุกใหม่ๆ อาตมาคิดว่าคงไม่แตกต่างจากนักโทษทั่วๆ ไป คือมาได้สักพักเดี๋ยวก็เลิกมา แต่ที่ไหนได้ นี่ก็ผ่านมากว่า ๑๐ ปี ญาติโยมที่มาเยี่ยมเขาไม่ได้ลดน้อยลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพราะศิษย์เพิ่มขึ้น ศิษย์มาแบบไม่ธรรมดา เมื่อมาถึงเขาก็จะพาสวดมนต์ สอนกัมฐาน เช่นเดียวกับเมื่อครั้งเป็นพระ ถึงกับมีคำพูดหนึ่งในหมู่ลูกศิษย์ว่า ยิ่งจับมาขังยิ่งขลัง" นี่เป็นคำยืนยันของ พระมหานันทา นนฺทปญฺโญฺ เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ อ.เมือง จ.นนทบุรี เจ้าของฉายา "พระนักเทศน์นักโทษประหาร"
พร้อมกันนี้ พระมหานันทา ยังบอกด้วยว่า ความศรัทธาเป็นธรรมดาและธรรมชาติของคน คนศรัทธาเพราะคิกว่า นช.จำลอง เป็นอาจารย์ของเขา เป็นคนที่เคยสอนเขามา ซึ่งศิษย์เหล่านี้ไม่เชื่อว่าผิด และตั้งแต่ นช.จำลอง อยู่ในเรือนจำ ญาติธรรมเมื่อครั้งที่เป็นพระก็ยังมาเยี่ยมเขาเป็นปกติ โดยจะมาเยี่ยมอยู่ ๒ วัน คือ วันอังคาร กับ วันพฤหัสบดี ไม่ต่ำกว่าวันละ ๔๐-๕๐ คน ในบางวัน บางโอกาสมีหลักหลายร้อยคน ด้วยจำนวนลูกศิษย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงขนาดที่ว่า ญาติธรรมร่วมกันบริจาคเงินเพื่อปรับปรุงห้องน้ำของเรือนจำ รวมทั้งเรือนจำยังจัดที่ไว้เฉพาะกลุ่มศิษย์ที่มาเยี่ยม
ต้องยอมรับว่า นช.จำลอง ทำหน้าที่เหมือนพระ สอนศีลธรรม ปฏิบัติธรรมในเรือนจำได้ดีไม่แตกต่างจากพระ เพียงแต่ไม่ได้นุ่งเหลืองห่มเหลืองอย่างพระเท่านั้น ทั้งสอนนักโทษในเรือนจำ และคนปกติภายนอกที่เป็นลูกศิษย์ เขาเป็นกำลังของพุทธกำลังหนึ่งที่ทำหน้าที่อยู่ในเรือนจำ ทำให้นักโทษเข้าถึงธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักโทษจากแดน ๔ หรือที่ชาวคุกเรียกว่า แดนสุขาวดี มีการอบรมศีลธรรมและปฏิบัติธรรมมากกว่าแดนอื่นๆ โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่านักโทษจากแดน ๔ เมื่อพ้นโทษแล้ว จะไม่กลับเข้าไปอีก เพราะความอาฆาต ความโกรธต่อคู่ความ คู่กรณีรวมทั้งเจ้าหน้าที่ก็จะหมดไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เรือนจำต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้นคดีความจะไม่มีวันสิ้นสุด
"เรื่องของ นช.จำลอง เป็นเรื่องของธรรมะจัดสรร ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พุทธศาสนาอยู่ที่ไหนก็ทำให้คนเป็นคนดีได้ ทำให้คนมีความสุขได้ ในคุกก็แสวงหาความสุขทางใจได้ อย่างที่ว่าในนรกก็มีสวรรค์ได้ นรกอยู่ในใจ พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญเรื่องความสุขที่แท้จริงคือความสุขทางใจ มิใช่ความสุขทางกาย เมื่อคนได้ปฏิบัติธรรมแล้ว จะมองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของธรรมชาติ การอยู่ในคุกเป็นเรื่องของกรรม แต่สิ่งที่เหนือกว่า คือ อยู่ที่ไหนต้องมีธรรม ธรรมนั้นผู้ใดปฏิบัติก็ได้กับผู้นั้น อยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติธรรมได้ ไม่ได้จำกัดเรื่องบุคคล เวลา สถานที่ และสถานภาพ" พระมหานันทา พูดไว้อย่างน่าคิด
เรื่องที่เหลือเชื่อยิ่งกว่า
“เปิดกรุ...ภาวนาพุทโธ” เป็นหนังสือธรรมะที่สั่งพิมพ์จากเรือนจำกลางบางขวาง โดยผู้เขียนใช้นามปากกาว่า “ภะคะวาสาธุ” ซึ่งเป็นการนำเสนอเกี่ยวกับการดำเนินเนินชีวิตของ นช.จำลอง คนซื่อ ในฐานะผู้สร้างตำนาน “วัดเมืองนิพพาน”
“ภะคะวาสาธุ” เป็นนามปากของ “นช.ภารดร” อดีตผู้สื่อข่าวยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่ง นักข่าวผู้ซึ่งนำเสนอข่าวสาร “ภาวนาเสพกาม” หรือ “เจ้าโล้นจอมหื่น ผู้มักมากในกาม” และ “คดีกามฉาวโฉ่ พระข่มขืนเด็กสาวชาวเขา”
แต่แล้วกรรมลิขิต ศาลตัดสินคดีความ ส่งให้เขาไปอยู่แดน ๔ แดนเดียวกับ นช.จำลอง โดย นช.ภารดร มีความรู้สึกว่า “บุญนำพาให้มาพบกับผู้ทรงบารมีทางธรรม และก็ได้รับเกียรติให้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจมาถ่ายทอด ซึ่งไม่เคยเปิดเผยกับสื่อไหนมาก่อน”
ทั้งนี้ นช.ภารดร ได้ถ่ายทอดเรื่องราวบางส่วนไว้ฐานะที่เคยเป็นนักข่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “เมื่อมองเข้ามาข้างในคุก การใช้ชีวิตของเขานั้น ก็ไม่ต่างอะไรเลยกับผู้ทรงศีล หรือการมีพระธุดงค์รูปหนึ่ง นับเป็นเรื่องแปลกที่สุดในโลก คนคุกกลายเป็นพระ เป็นนักโทษ โยมแห่กราบไหว้”
ภาวนาข่มขืนสาว แต่สายบุญกลับหลั่งไหลแห่แหนจองคิวกันเป็นทิวแถวยาวเหยียด คณะสงฆ์ พระผู้ใหญ่ ลูกศิษย์ลูกหา นักวิชาการ อาจารย์ทุกระดับ ไปจนถึงระดับดอกเตอร์ ต่างเข้ามากราบไหว้บูชานักโทษ ขอให้ช่วยสารพัด ราวกับว่าเขาเป็นเทพองค์หนึ่งไม่ปาน
"เรื่องของ นช.จำลอง เป็นเรื่องของธรรมะจัดสรร ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พุทธศาสนาอยู่ที่ไหนก็ทำให้คนเป็นคนดีได้ ทำให้คนมีความสุขได้ ในคุกก็แสวงหาความสุขทางใจได้ อย่างที่ว่าในนรกก็มีสวรรค์ได้"
เรื่อง... "ไตรเทพ ไกรงู"
ภาพ.. "กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร"