พระเครื่อง

สรณะคนดัง - จ.อ.สุวัชชัย ยามน้ำทรัพย์
กับ...ปาฏิหาริย์ 'เหรียญพระเจ้าตาก'

สรณะคนดัง - จ.อ.สุวัชชัย ยามน้ำทรัพย์ กับ...ปาฏิหาริย์ 'เหรียญพระเจ้าตาก'

02 ก.ค. 2554

"มีสติ มีลมหายใจ" เป็นคาถาสำคัญของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้สามารถครองตนอยู่บน “ความไม่ประมาท” และช่วยลดอัตราเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้เป็นอย่างดี

     เฉกเช่นเดียวกับ “จ.อ.สุวัชชัย ยามน้ำทรัพย์” เจ้าหน้าที่กิจการพลเรือนหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ นราธิวาสที่ ๓๒ (ฉก.นย.นราธิวาส ๓๒) ฐานปฏิบัติการวัดทุ่งคา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งเดินทางจากค่ายตากสิน จ.จันทบุรี ลงมาทำหน้าที่ในดินแดนปลายด้ามขวานด้วยวาดหวังว่า จะเป็นส่วนหนึ่งในการคืนสันติสุขให้แก่ผู้คนในท้องถิ่นแห่งนี้ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีเพียงคำสอนทางธรรมะที่ว่า “อปฺปมาโท อมตํปทํ”   ความหมายว่า “ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย” ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่ยึดปฏิบัติในการทำหน้าที่มาโดยตลอด

     จ.อ.สุวัชชัย บอกว่า การทำหน้าที่ในสนามชายแดนภาคใต้ ทำให้เห็นการบาดเจ็บและสูญเสียเกิดขึ้นมากมายหลายครั้ง จนรู้สึกว่า ทุกย่างก้าวในการใช้ชีวิตและปฏิบัติหน้าที่บนดินแดนที่เต็มไปด้วยอันตรายจากผู้ไม่ประสงค์ดี ทำให้ต้องดำรงชีวิตชนิดไม่ควรประมาท และไม่ควรชะล่าใจ
 
      “ผมอ่านพบในตำราธรรมะ ที่บอกว่า วันเวลากัดกร่อนวัยและสังขาร แต่ประสบการณ์คือของขวัญจากวันเวลา ความประมาทต่างๆ ล้วนเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม ความหายนะแห่งชีวิต ถือเป็นหลักที่นำมาปรับใช้ในสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี” จ.อ.สุวัชชัย กล่าว
 
     แม้ชีวิตจะมีหลักธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่นายทหารรายนี้ก็ยังต้องการสิ่งที่เป็นดั่งขวัญและกำลังใจเฉกเช่นกำลังพลทั่วไป ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรั้วของชาติ นั่นคือ “พระเครื่องและวัตถุมงคล” โดยที่อาราธนาติดตัวทุกวันนี้คือ “เหรียญพระเจ้าตากสิน พ.ศ.๒๕๑๘” ซึ่งได้รับมอบจากผู้บังคับบัญชา “ตะกรุดทองแดง” และ "เหรียญกระทิงดำ" ของ พระอาจารย์มนัส วัดทุ่งจันดำ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ที่ได้ทำพิเศษเพื่อมอบให้แก่ทหารพัน.๑ ร.อ. (กรม ร.พล.นย.) เป็นการเฉพาะกิจ 
 
     นอกจากคำพระที่ท่องจำจนขึ้นใจ เพื่อไม่ให้ยืนอยู่บนความประมาทแล้ว จ.อ.สุวัชชัย บอกว่า ตลอดการปฏิบัติหน้าที่จะขาดเหรียญและตะกรุดไม่ได้เลย เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญ และผ่านพ้นมาได้อย่างอัศจรรย์ใจ โดยเชื่อว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ได้พกติดตัวมาโดยตลอด
 
     ย้อนกลับไปในเหตุการณ์วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลาใกล้พลบค่ำ ได้เกิดเหตุคนร้ายกราดกระสุนปืนใส่คณะรถบัสทหารจำนวน ๑๐ คัน หรือประมาณ ๔๐๐ ชีวิต ที่กำลังแล่นอยู่บนถนนเพชรเกษม สายปัตตานี-นราธิวาส บริเวณบ้านจำปากอ หมู่ ๑ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ ทำให้รถบัสได้รับความเสียหาย และมีทหารได้รับบาดเจ็บจากคมกระสุนประมาณ ๗ นาย ขณะที่มีทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนเฉี่ยวและเศษกระจกบาดเป็นแผล ซึ่งหนึ่งในนั้นมี จ.อ.สุวัชชัย รวมอยู่ด้วย
 
     จ.อ.สุวัชชัย เล่าว่า เหตุการณ์วันนั้นจำได้แม่นยำ หลังจากกำลังพลทั้งหมดเตรียมตัวเดินทางกลับไปปฏิบัติหน้าที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จ.นราธิวาส โดยได้นัดหมายขึ้นรถที่ค่ายตากสิน จำนวน ๑๐ คัน รถบัสมีกำหนดเดินทางเป็นขบวนใหญ่พร้อมกัน แต่เนื่องจากวันเดินทางเหมือนมีลางบอกเหตุล่วงหน้า โดยจู่ๆ มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทั้งๆ ที่อากาศปลอดโปร่ง ทำให้การเดินทางต้องล่าช้ากว่ากำหนด รวมทั้งมีอุปสรรคมากมายระหว่างเคลื่อนพล คล้ายกับไม่ต้องการให้กำลังพลเดินทางในวันนี้ แต่ด้วยภารกิจทุกอย่างต้องดำเนินไปตามกำหนดการ
 
     รถออกเดินทางล่าช้ากว่ากำหนด ทั้งที่ทุกอย่างมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า แต่ก็ไม่คิดมาก หลังจากที่รถเคลื่อนขบวนพบว่ามีปัญหามากมาย เช่น เครื่องยนต์ดับไม่รู้สาเหตุ ต้องลากเข้าอู่ซ่อมระหว่างการเดินทาง ขณะที่รถบางคันที่ปัดน้ำฝนไม่ทำงาน รวมถึงมีกำลังพลไม่สบายกะทันหัน และเมื่อเดินทางมาถึง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พบว่าน้ำท่วมหนัก จนสะพานขาด ทำให้ต้องเสียเวลารออยู่นาน
  
     ความล่าช้าในการเดินทาง ทำให้การเข้าพื้นที่ จ.ปัตตานี ในช่วงเย็นจำต้องมีการประสานขอรถนำขบวนเพื่อมุ่งหน้าสู่ฐานปฏิบัติการ จนทั่งเวลา ๑๗.๓๐ น.เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณถนนเพชรเกษม สายปัตตานี-นราธิวาส  ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ข้างทาง กราดยิงรถบัสกำลังพลตั้งแต่รถคันที่ ๓-๗ โดยที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ได้รับบาดเจ็บหลายนาย 
 
     จ.อ.สุวัชชัยนั่งในรถคันที่ ๕ และทันทีที่ได้ยินเสียงดังจากรถคันหน้าเพียงแค่อึดใจเดียว กระสุนจากทุกทิศทางพุ่งเจาะทะลุหน้าต่างและตัวรถพร้อมเศษกระจกปลิวว่อนกระจุย ขณะที่รถเริ่มส่ายไปมา เพื่อหลบวิถีกระสุน  จนทุกคนต้องก้มหลบจ้าละหวั่น จังหวะนั้นรู้ตัวทันทีว่า ถูกซุ่มยิง เสียงดังจากกำลังพลภายในรถทำให้พลขับเร่งเครื่องออกจากวิถีกระสุนโดยเร็วที่สุด
 
     “จังหวะที่กระสุนพุ่งเจาะทะลุหน้าต่างรถ ช่างเป็นช่วงเวลาที่นานมาก โดยผมนั่งอยู่ที่นั่งด้านซ้ายมือแถวที่ ๓ จากที่นั่งด้านหน้า สัมผัสได้ถึงแรงกระสุนที่พุ่งเฉี่ยวศีรษะไปมาอย่างลุ้นระทึก ในมือกำเหรียญพระเจ้าตาก รุ่น ๑๘ และตะกรุดทองแดง ที่เพิ่งได้รับมอบจากผู้บังคับบัญชาก่อนเดินทางไว้แน่น พร้อมท่องนะโมขอคุณพระให้ลูกช้างปลอดภัยด้วยเทอญ กระทั่งเมื่อสิ้นเสียงดัง สำรวจตัวเองพบว่า ถูกกระสุนยิงถากศีรษะมีเลือดซิบ และเศษกระจกบาดบริเวณศีรษะ รวม ๔ แผล เช่นเดียวกับเพื่อนกำลังพลที่อยู่ในสภาพหมอบกับพื้นรถ กระจัดกระจายคนละทิศทาง แต่โล่งใจ เมื่อสำรวจตรวจสอบพบว่า ไม่มีใครเสียชีวิต” จ.อ.สุวัชชัย เล่านาทีระทึก

 “ขออุทิศชีวิตเพื่อสันติสุขพี่น้องชาวใต้”
     น.ต.พิทยา มณีกาญจน์ นายทหารกิจการพลเรือน ฉก.นย.นราธิวาส ๓๒ บอกว่า เหตุการณ์การรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์จากเหตุซุ่มโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบในครั้งนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากค่ายตากสิน เชื่ออย่างสนิทใจว่า เป็นผลจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลโลก ดลบัลดาลให้พ้นจากคมกระสุน เพื่อมีลมหายใจมาถึงฐานที่มั่น ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญพระเจ้าตากทุกรุ่น ที่ได้รับมอบจากผู้บังคับบัญชา เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่สังกัดค่ายตากสิน เมื่อต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงภัย
 
     ด้วยแรงศรัทธาทั้งหมด ทำให้ทหารทุกนายตั้งจิตด้วยความมุ่งมั่นว่า จะขอทำหน้าที่สร้างรอยยิ้ม และคืนสันติสุขให้แก่พี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกว่าแผ่นดินจะกลบหน้า ให้สมเกียรติลูกผู้ชายชาติทหาร ที่จะต้องเป็นหลักและที่พึ่งของประชาชนในยามทุกข์ยาก
 
     “ทหาร นย.ทุกนาย จะต้องมีเหรียญพระเจ้าตากพกติดตัว โดยผมเองก็ห้อยติดตัวตลอดเวลา และเชื่ออย่างสนิทใจว่า การมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งล้วนเป็นผลมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมยึดเหนี่ยว และบูชา ช่วยอุ้มผมให้พ้นจากภัยอันตราย เพื่อมีชีวิตมาทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขให้แก่พี่น้องประชาชน" น.ต.พิทยากล่าว

เรื่อง / ภาพ สุพิชฌาย์ รัตนะ ศูนย์ข่าวภาคใต้