พระเครื่อง

พ.ต.อ.ปรีชา เจริญทรัพย์
กับ...๑๖ ปี บารมีพระหลวงปู่ทวด คุ้มกะลาหัว

พ.ต.อ.ปรีชา เจริญทรัพย์ กับ...๑๖ ปี บารมีพระหลวงปู่ทวด คุ้มกะลาหัว

18 มิ.ย. 2554

๓ จังหวัดชายแดนใต้ ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่ใครๆ ก็ไม่อยากจะไปอยู่ แต่หากเพราะภาระหน้าที่ของราชการ ใครได้ไปก็จะต้องหาเครื่องรางของขลังเอาไว้ป้องกันตัวเช่นเดียวกับ "พ.ต.อ.ปรีชา เจริญทรัพย์" ปัจจุบันเป็น รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ซึ่งเพิ่งย้ายมาจากภาคใต้ หลังต

  พ.ต.อ.ปรีชา บอกว่า ๑๖ ปีที่ชายแดนใต้นั้น ไม่ต้องพูดถึงภยันตรายที่รายล้อม เพราะมีอยู่แล้ว โดยเฉพาะข่าวคราวที่ต้องสูญเสียเพื่อนพ้องน้องพี่สีกากีไปทุกๆ วัน ทำให้ท่านเองก็หดหู่ แต่ท้อไม่ได้ เมื่อนายสั่งก็ต้องทำ โดยสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจนอกจากครอบครัวแล้วท่านก็ได้ "บารมีของหลวงปู่ทวด" คอยคุ้มครอง โดยหลวงปู่ทวดที่มีอยู่นั้น มีทั้งรุ่นที่ติดรถยนต์ และรุ่นที่ขึ้นคอห้อยไว้เป็นประจำ เมื่อออกทำภารกิจที่สุ่มเสี่ยงตามสถานที่ต่างๆ

 สำหรับปาฏิหาริย์ที่เคยเกิดขึ้นสมัยเป็นสารวัตรใหญ่ สภ.จะนะ จ.สงขลา โดยรถประจำตำแหน่งของท่านจะมีหลวงปู่ทวดตั้งอยู่ในรถตลอด มีวันหนึ่งลูกน้องของท่าน ๔ คน คนหนึ่งเป็นไทยพุทธ ไปได้ภรรยาเป็นคนอิสลาม แต่ยังไม่ได้ไปเข้าศาสนากับฝ่ายภรรยา อีก ๓ คน เป็นอิสลามทั้งหมด ได้นำรถยนต์ที่ท่านใช้ประจำไปออกตรวจตอนกลางคืน พอไปถึงบ้านตลิ่งชัน ซึ่งถนนจะเป็นตลิ่งสูง รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำตกลงข้างทางปรากฏว่า ตำรวจ ๔ นายไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสักคน
 
 เมื่อสอบถามทราบว่า ตำรวจที่เป็นไทยพุทธคนนั้นบอกว่าขณะที่รถเสียหลัก เขามองเห็นรูปเหมือนหลวงปู่ทวด (ขนาดหน้าตักประมาณ ๒ นิ้ว) ที่ตั้งอยู่หน้ารถ จึงคว้าเอามากำไว้ในมือแล้วร้องว่า “หลวงปู่ช่วยลูกด้วย” จากนั้นตำรวจอิสลาม ๓ คนก็กระเด็นออกนอกรถ เหลือเขาคนเดียวติดอยู่ในรถ ซึ่งดูสภาพรถแล้ว ไม่น่าจะรอด แต่ทุกคนก็รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ จากนั้นทั้งคนไทยพุทธและอิสลามต่างก็ร่ำลือเรื่องปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น

 พ.ต.อ.ปรีชา เล่าต่อว่า สมัยรับราชการอยู่ทางชายแดนใต้ได้ย้ายไปหลายพื้นที่ เช่น เป็นสารวัตรสืบสวน สภ.ตันหยง ก็เคยทำคดีให้ ผกก.สมเพียร ที่วิสามัญฯ ขจก. ตาย ๓ คน  ซึ่งเป็นภารกิจที่เสี่ยงมาก ต่อมาปี ๒๕๓๕ ย้ายไปเป็น สวญ.สภ.จะนะ และต่อมาได้ขึ้นเป็น รอง ผกก.จะนะ และย้ายไปเป็น รอง ผกก.เทพา และขึ้นเป็น ผกก.คนแรกของ สภ.รามัน จ.ยะลา เมื่อปี ๒๕๔๑ จนปี ๒๕๔๒ จึงได้ย้ายมาประจำอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ชีวิตราชการที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ที่รอดตายมาได้ทุกวันนี้เชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ แน่นอน

 "หลังจากที่ มารับตำแหน่งที่ จ.ศรีสะเกษ ช่วงที่ กลุ่มพันธมิตรฯ จะขึ้นไปบนเขาพระวิหาร และมีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ออกมาต่อต้าน และเกิดการปะทะกันอย่างหนัก เหตุการณ์วันนั้นผมก็อยู่ท่ามกลางม็อบทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะห้ามปรามไม่ให้เกิดการปะทะ แต่ก็มีทั้งหนังสติ๊ก ก้อนหิน ท่อนไม้ขนาดต่างๆ ที่ชาวบ้านขว้างเข้ามาใส่พันธมิตร ตำรวจและอส. รวมทั้งนักข่าวหลายคนโดนก้อนหิน โดนกระสุนหนังสติ๊ก หัวแตกบ้าง ปากเจ่อบ้าง แต่ผมไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย เพราะระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจได้ระลึกถึงบารมีของหลวงปู่ทวดตลอด"  พ.ต.อ.ปรีชา กล่าว

 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไม่ได้อยู่ใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ แต่ทุกๆ ภารกิจ พ.ต.อ.ปรีชา จะแขวนหลวงปู่ทวดเอาไว้เสมอ รวมทั้งเหรียญหลวงปู่มุม วัดปราสาทเยอ อ.ไพรบึง และหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์  เนื่องจากเป็นปกติที่เวลาไปรับตำแหน่งที่ไหนก็จะต้องเช่าบูชาพระเครื่องที่เป็นเกจิดังในพื้นที่นั้นไว้สะสม เสริมบารมี 

 ทั้งนี้เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๓ พ.ต.อ.ปรีชา ได้คุมกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน ๑ กองร้อยไปคุมม็อบที่สีลม ตอนที่ม็อบเสื้อแดงปะทะกับม็อบหลากสี  ตำรวจจากศรีสะเกษรับหน้าที่ปฏิบัติการควบคุมฝูงชนไม่ให้สองฝ่ายปะทะกันตั้งแต่ ๖ โมงเช้าถึง ๒ ทุ่ม ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ต่อจากศรีสะเกษ จะเป็นตำรวจจาก จ.อุบลราชธานี มารับช่วงต่อ หลังจากที่ตำรวจอุบลฯ รับมอบภารกิจต่อแค่ ๕ นาที ปรากฏว่ามีการยิงปืนเอ็ม ๗๙ เข้ามาตกบริเวณที่ม็อบเผชิญหน้ากันอยู่ ทำให้ชาวบ้านและตำรวจบาดเจ็บหลายคน ซึ่งผมคิดว่าเป็นเพราะบารมีหลวงปู่ทวด ที่ผมเคารพนับถือทำให้ลูกน้องที่ผมคุมกำลังไปแคล้วคลาดจากกระสุนปืนเอ็ม ๗๙ ครั้งนั้น

 "ทุกศาสนาสามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่คนมักเข้าใจว่า พวกนอกรีตคือคนต่างศาสนา แต่แท้ที่จริงแล้วพวกนอกรีตคือคนที่ไม่อยู่ในศีลธรรม เราเป็นตำรวจ ประชาชนเหมือนน้ำ ตำรวจเหมือนปลา ที่ต้องเข้าถึงประชาชน สาเหตุที่ปลอดภัยเพราะประชนให้ข่าว "เข้าใจ เข้าถึง และ พัฒนา" ไม่หลบหลู่คนต่างศาสนา ไม่เลือกคนคิดเพียงว่าเป็นคนไทย ไปทั้งงานพุทธมุสลิม ในงานของพุทธมุสลิมก็มาร่วมงาน งานมุสลิมคนพุทธก็ไปร่วมงาน" พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวทิ้งท้าย

กระแสพระราชดำรัสดับไฟใต้
 พ.ต.อ.ปรีชา บอกว่า "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” คือหนึ่งในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ เรื่องของความเข้าใจ การเข้าถึง และการพัฒนา ยังคงเป็นเรื่องสำคัญของปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้อยู่ ปัญหาความรุนแรงที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนยากแก่การเข้าใจ แต่ถ้าเข้าใจก็แก้ปัญหาได้ การปฏิบัติหน้าที่ต้องยึดหลักของในหลวงที่ว่า เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ต้องหันหน้าเข้าหากัน หากต่างคนต่างอยู่ก็ไม่มีวันที่จะสงบได้

 เข้าใจ หมายถึง ปัญญาที่เข้าใจความเป็นทั้งหมดของความรุนแรง ทั้งประวัติศาสตร์ สาเหตุ อาการ ความสำเร็จ และความล้มเหลวของการแก้ปัญหาในอดีต และความเป็นไปในอนาคต เรียกว่า เข้าใจอดีต ปัจจุบัน อนาคต ความไม่รู้ การรู้เป็นส่วน ๆ รู้อย่างลวก ๆ รีบ ๆ แบบตาบอดคลำช้าง นอกจากแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ยังกลับทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น

 เข้าถึง หมายถึง เข้าถึงความจริง ไม่ใช่รู้เพียงผิวเผิน เข้าถึงความรู้สึกนึกคิดในความเป็นมนุษย์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งของตัวเองด้วย ถ้าไม่มีสติเราจะไม่สามารถเข้าถึงความจริงได้ ถ้าไม่เข้าถึงความจริงก็แก้ไขปัญหาไม่ได้

 พัฒนา หมายถึง พฤติกรรม การปฏิบัติ การแก้ปัญหา การพัฒนาที่ถูกต้องหรือ สัมมาพัฒนา ต้องอยู่บนฐานของความเห็นชอบและความดำริชอบหรือปัญญา อันได้แก่ ความเข้าใจ - เข้าถึง ดังกล่าวข้างต้น ถ้าปราศจากความเข้าใจ - เข้าถึง การพัฒนาก็จะผิดพลาดกลายเป็นมิจฉาพัฒนา แก้ปัญหาไม่ได้ ความรุนแรงเพิ่มขึ้น

 "ตำรวจ และอส. รวมทั้งนักข่าวหลายคนโดนก้อนหิน โดนกระสุนหนังสติ๊ก หัวแตกบ้าง ปากเจ่อบ้าง แต่ผมไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย เพราะระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจได้ระลึกถึงบารมีของหลวงปู่ทวดตลอด"

เรื่อง / ภาพ มนูญ มุ่งชู สำนักข่าวเนชั่น