พระเครื่อง

โดนตีแบบเซน

โดนตีแบบเซน

16 มิ.ย. 2554

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วังน้อย อยุธยา ที่ผู้เขียนศึกษาอยู่ มีการจัดอบรมสมาธิภาวนาแบบเซน ทางมหาวิทยาลัยได้นิมนต์ หลวงพ่อโชนัน โนริตาเกะ ปรมาจารย์เซนนิกายรินไซ แห่งวัดเมียวชินจิ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น มาเป็นอาจารย์ส

  ปกติแล้วประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นมีปฏิสัมพันธ์ด้านพุทธศาสนากันมาตลอด แต่ไม่เคยมีการนำการปฏิบัติธรรมมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเลย นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีการนิมนต์ปรมาจารย์เซนจากญี่ปุ่นมาเผยแผ่การปฏิบัติธรรมแบบเซนในเมืองไทย ผู้เขียนไม่ลังเลที่จะเข้าไปลงทะเบียนเป็นคนแรก ทันทีที่เห็นใบปิดโฆษณา เราไม่ต้องเสียค่าเครื่องบินราคาแพงไปประเทศญี่ปุ่น เพราะมีอาจารย์เซนเดินทางมาสาธิตการสอนเซ็นถึงเมืองไทย และยังมีล่ามแปลคำบรรยายจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยให้ด้วย ถ้าไม่เข้าคอร์สครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้สัมผัสเซนแบบญี่ปุ่น

 ถึงแม้การปฏิบัติธรรมจะถูกจัดขึ้นเพียง 2 วัน แต่ระยะเวลาสองวันต้องบอกว่าคุ้มค่าไปกับช่วงเวลามากๆ ด้วยกลุ่มผู้เข้าร่วมฆราวาสชาวไทย 30 กว่าท่าน พระภิกษุไทยอีก 20 กว่ารูป กับแม่ชีอีก 2 ท่าน รวมแล้ว 50 ท่านโดยประมาณ

 เริ่มต้น หลวงพ่อโชนัน โหมโรงด้วยการเล่าประสบการณ์การสอนธรรมะสนุกๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นให้ฟัง สามีภริยามีอายุคู่หนึ่งมาที่วัด ทั้งคู่หวังจะมาฟังธรรมะซึ้งๆ จากหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อรู้สึกไม่แน่ใจ เพราะคนมีอายุขนาดนี้แล้วท่าจะสอนยาก ว่าแล้วก็จับศีรษะของสองสามีภริยาคู่นี้มาโขกกัน

 “โอ๊ย !”
 สองสามีภริยาร้องด้วยความเจ็บปวด  ทุกคนได้ฟังต่างขบขัน
 หลวงพ่ออธิบายว่า อาการร้อง “โอ๊ย” เป็นภาวะที่มาจากจิตเดิมแท้ การร้องโอ๊ยไม่ได้มาจากความคิด หรือมาจากสมอง และไม่ได้มาจากการเรียนรู้ใดๆ แต่มาจากจิตเดิมแท้ที่ไม่มีการเสแสร้งแกล้งมายา จิตที่รับความรู้สึกอย่างนี้ได้ และเปล่งเสียงร้องอุทานออกมาเป็นจิตเดิมแท้ที่ทุกคนมีอยู่แล้ว เป็นจิตที่ได้รับการสืบทอดมาจากพระพุทธเจ้า มีความอิสระ ไม่ยึดติดกับอะไร ไม่มีรูปร่าง ไม่มีหน้าตา ไม่มีวันตาย ไม่ได้อยู่และไม่ได้หายไปไหน

 แท้จริงแล้วคนเรามีจิตเดิมแท้กันมาตั้งแต่เราหลุดออกมาจากท้องแม่กันมาทุกคน ต่อมาเราได้รับการตั้งชื่อ จากนั้นเราก็ได้รับอะไรๆ ติดตัวตามมาอีกเยอะแยะ แล้วในที่สุดเราก็ไปไกลจากจิตเดิมแท้ที่เราเคยมี การที่หลวงพ่อจับศีรษะของสองสามีภริยามาโขกกันก็เพื่อให้ทั้งคู่กลับมาสู่จิตเดิมแท้ หรือจิตบริสุทธิ์ ที่ไม่มีอะไรเสแสร้งแกล้งมายาของตนเอง

 ความคิดเกิดขึ้นกับเราตลอดเวลา แต่อย่าปล่อยให้ความคิดติดนานในใจ กระจกสะท้อนสิ่งสวยงามแต่ไม่มีอะไรอยู่ในกระจก หากเราเช็ดกระจกทำความสะอาดกระจกทุกวัน กระจกก็จะสะท้อนสิ่งสวยงามให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าเราไม่เช็ดกระจกเลย กระจกก็จะมัวสะท้อนอะไรให้เราเห็นได้ไม่ชัด

 หลวงพ่อโชนัน สอนว่า เซนให้ความสำคัญกับการทำสมาธิ การทำสมาธิแบบเซน โดยการนำ 3 สิ่ง คือ ร่างกาย ลมหายใจ และจิตใจ มาหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว การทำสมาธิก็เหมือนกับการเช็ดกระจก เราต้องทำสมาธิทุกวัน เพื่อเช็ดจิตใจให้สะอาดสดใสทุกวันผ่านการทำสมาธิ เพื่อที่เราจะได้มองเห็นอะไรได้ชัดเจนตามความเป็นจริงอย่างไม่ยึดติด ถ้าเกิดความคิดขึ้นมา ก็อย่าปล่อยให้เกิดการยึดติดไปกับความคิดที่เกิดขึ้น

เวลาใครมีความทุกข์ใจมาหาหลวงพ่อ  ท่านจะบอกว่าอย่ายึดติดกับความคิด ให้รีบทิ้งมันไปเสีย
 หลวงพ่อถามว่า ถ้าอย่างนั้นเราต้องทิ้งคำสอนไปด้วยหรือไม่ เพราะคำสอนก็เป็นความคิดอย่างหนึ่งเหมือนกัน หลวงพ่อยกตัวอย่างว่ามีคนคนหนึ่งเดินทางไปเจอแม่น้ำขวางอยู่ข้างหน้าจึงหาไม้มาต่อเป็นเรือแล้วข้ามแม่น้ำไป ถามว่าหลังจากข้ามแม่น้ำแล้วเรายังต้องแบกเรือติดตัวไปด้วยหรือไม่ หลายคนตอบว่าไม่ หลวงพ่อเฉลยว่าถูกต้องแล้ว คำสอนใดก็ตามเมื่อเราได้รับประโยชน์จากมันเราก็ไม่จำเป็นต้องแบกมันไปเสียทุกที่นอกเสียจากจะนำกลับมาใช้อีกเมื่อถึงเวลา หรือคำสอนใดที่ใช้ไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องไปเกาะติดอยู่กับมัน

 ถึงตรงนี้หลวงพ่อโชนันบอกว่าในวัฒนธรรมเซนมีการแก้อารมณ์ลูกศิษย์ที่ชอบยึดติดกับความคิดด้วยการตีด้วยไม้ หลวงพ่อพูดติดตลกว่า การตีแบบเซนก็ต้องระมัดระวังเพราะสังคมเวลานี้มองการตีว่าเป็นการใช้ความรุนแรง แต่การตีก็มีวิธีการคือ หลวงพ่อจะเดินผ่านไปตามแถวที่แต่ละคนกำลังนั่งสมาธิทีละคน หากใครต้องการให้หลวงพ่อตีก็ให้คนคนนั้นพนมมือไหว้หลวงพ่อแล้วหมอบลง หายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตากลั้นลมหายใจไว้ หลังจากนั้นหลวงพ่อจะเอาไม้ตีที่แผ่นหลัง 2 ที คนที่ถูกตีก็ห้ามโมโห คนที่ตีก็ห้ามตีด้วยอัตตา ต่างฝ่ายต่างอยู่ในภาวะ “จิตว่าง” เมื่อตีเสร็จก็ไหว้กันและกันอีกครั้ง

 ก่อนทำการตีหลวงพ่อจะระลึกถึงพระพุทธเจ้าเพื่ออาราธนาพระหัตถ์ของพระพุทธองค์มาตีเพื่อให้คนที่ถูกตีหลุดออกมาจากการยึดติดกับความคิด แต่ถ้าใครไม่อยากให้หลวงพ่อตีก็ให้นั่งทำสมาธินิ่งๆ

 ว่าแล้วหลวงพ่อก็เดินไปตามแถวที่แต่ละคนกำลังนั่งสมาธิทีละคน
 “ป้าบ ป้าบ !”

 เสียงแผ่นหลังถูกตีด้วยไม้ดังเป็นระยะ หลวงพ่อโชนันอุตส่าห์เดินทางมาจากญี่ปุ่นเพื่อสาธิตการสอนเซนให้แก่คนไทย เราก็อุตส่าห์มาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมแบบเซน ถ้าไม่โดนตีแบบเซนก็เหมือนกับยังเข้าไม่ถึงเซน

 เมื่อหลวงพ่อเดินมาถึงตรงหน้า เราพนมมือไหว้หลวงพ่อหนึ่งครั้ง หลวงพ่อไหว้ตอบ เราหมอบลงแล้วหายใจเข้าลึกๆ กลั้นลมหายใจ แล้วหลับตา ความลังเลสงสัยต่างๆ นานาประดังประเดเข้ามาปรุงแต่งจิตโดยฉับพลัน

 “มันจะเจ็บไหมหนอ...มันจะเหมือนในโทรทัศน์ที่เคยดูหรือเปล่าหนอ...มันจะรู้สึกยังไงหนอ...มันจะ...ยังไง...หนอ...”

 ป้าบ...ป้าบ”
 ไม้แผ่นขนาดพอดีมือที่หลวงพ่อนำมาจากญี่ปุ่นกระหน่ำลงบนแผ่นหลังผู้เขียนสองครั้ง
 ความคิดความสงสัยต่างๆ นานาสูญสลายหายไปในบัดดล !
 ข้าพเจ้าถึงบางอ๋อทันทีว่า การถูกตีแบบเซนมีความหมายแบบนี้นี่เอง...

"พระชาย วรธัมโม"