ข่าว

TEDxBangkok 2016: Learn Unlearn Relearn เปิดการเรียนรู้สู่พลังขับเคลื่อนโลกใบใหม

TEDxBangkok 2016: Learn Unlearn Relearn เปิดการเรียนรู้สู่พลังขับเคลื่อนโลกใบใหม

19 ก.ย. 2559

การไม่รู้หนังสือของคนในศตวรรษที่ 21 อาจไม่ได้หมายถึง "การอ่านไม่ออกหรือเขียนไม่ได้ " แต่มันหมายถึง “ผู้ที่ไม่สามารถเรียนรู้และแก้ไขในสิ่งที่ตนเองเข้าใจผิดได้” อัลวิน ทอฟเลอร์

จากคำกล่าวของนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน อัลวิน ทอฟเลอร์  นำมาสู่การจัดเวที TEDxBangkok 2016 ในธีม Learn Unlearn Relearn โดยในวันที่ 20 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกครั้งสำคัญของเวที TEDxBangkok ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว ในเวทีดังกล่าวได้รวบรวมนักคิด นักปฏิบัติเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมถึง 16 คน ที่มาจากหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ การศึกษา พัฒนาสังคม วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ หรือแม้แต่ด้านบันเทิง นอกจากนั้นยังมีการแสดงดนตรีสมัยใหม่ และดนตรีพื้นเมือง จาก 4 กลุ่มการแสดง ที่มาช่วยสร้างความสนุกสนานและความประทับใจ พร้อมทั้งยังได้เปิดมุมมองและทำความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปอีกด้วย

จากความมุ่งหวังที่อยากเห็นคนรุ่นใหม่ในสังคมเกิดการรับรู้และความเปลี่ยนแปลง จึงเป็นที่มาของการเข้ามามีส่วนร่วมของมูลนิธิมั่นพัฒนาในการสนับสนุนกิจกรรมดีๆ เช่นนี้ เพราะมูลนิธิฯ เชื่อว่า สังคมโลกของเราสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนได้ ถ้าเราทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์และร่วมกันลงมือทำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เป็นความคาดหวัง ซึ่งจะกลายเป็นผู้รับช่วงต่อในการดูแลประเทศและโลกนี้ต่อไป

TEDxBangkok เป็นมากกว่าการสร้าง “แรงบันดาลใจ”

           ปัญหาต่างๆ ในสังคมทุกวันนี้ เวลาเรามองย้อนกลับไปดูแล้ว เราจะพบว่า สุดท้ายรากฐานของมันอยู่ที่ความคิดของคนในสังคมว่าเป็นอย่างไร TEDxBangkok  จึงไม่ใช่แค่เวทีสร้างแรงบันดาลใจ แต่เป็นเวทีที่จะทำหน้าที่กระตุ้น เป็นตัวเร่งและปลุกพลังให้คนรุ่นใหม่เปิดประตูแห่งการเรียนรู้ด้วยความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง  

TEDxBangkok 2016 มันเกิดจากโจทย์ที่ว่า เราต้องการท้าทายโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล หากเราจะเก่ง และเท่าทันข้อมูลที่มีอยู่ทั่วไปหมด เราต้องเปิดใจและถอดตัวเองออกมา ให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้” อรรณวุฒิกล่าว พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า ตัวเขาเองคลุกคลีอยู่กับการทำงาน TED มาตั้งแต่ปี 2010 และเห็นประกายความคิดที่ตกผลึกของผู้ที่ได้ประโยชน์จากการฟังทอล์กโชว์ระดับโลก แล้วสามารถนำกลับไปพัฒนาตนเอง สร้างสรรค์ในสิ่งที่ตัวเองรัก เกิดเป็นพลังของโลก ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ การวิจัยพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ การสื่อสาร และการพัฒนาชุมชน ทอล์กโชว์ในแบบ TED Talk จึงเป็นทอล์กโชว์เขย่าโลกที่เขาคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้น และปลุกพลังความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เพื่อก้าวออกจากวังวนเก่าๆ สู่อนาคตของประเทศที่จะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์

 

ทุกอย่างเชื่อมโยงกันได้ แค่ออกจากโลกสี่เหลี่ยม ไปเรียนรู้โลกวงกลม

 

          พิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและเผยแพร่องค์ความรู้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้ปลุกให้โลกตระหนักว่า การพัฒนาไปข้างหน้าของชุมชนเมือง กำลังตีกรอบสี่เหลี่ยมให้กับผู้คน แม้สังคมเมืองจะเจริญรุดหน้า แต่คนที่เติบโตภายในเมืองกลับไม่ได้มีมุมมองที่กว้างไกลไปกว่าจอสี่เหลี่ยมเบื้องหน้าเลย

“ดิฉันก็เป็นคนเมืองคนหนึ่งที่เคยอยู่ในโลกสี่เหลี่ยม จนได้มาเริ่มทำงานพัฒนา มีโอกาสลงพื้นที่ประเทศเมียนมาร์ นั่นเป็นการออกไปเห็นโลกวงกลมครั้งแรก แล้วมันเปิดโลกของเราเลย ที่นั่น เป็นชนบทที่มีคนตายทุกวันเพราะมาลาเรีย มันเป็นโลกที่เราไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเห็นมาก่อน มันฝังอยู่ในใจมาก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำงานพัฒนาอย่างจริงจัง”

พิมพรรณบอกว่า การพัฒนาต้องเริ่มจากการฟัง ฟังชุมชนก่อนว่าเขาคิดอย่างไร การพัฒนาต้องทำบนพื้นฐานของปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของพื้นที่นั้นๆ ไม่ใช่ทำตาม “ความอยาก” หรือความเข้าใจของคนในโลกสี่เหลี่ยม ดังนั้น ต้องออกไปเห็นของจริง ทำความเข้าใจ เข้าถึงอย่างแท้จริง และบางที สิ่งที่ดีที่สุดอาจเริ่มที่การปรับตัวเราเอง

“ที่ผ่านมา มีความพยายามใช้เงินมหาศาลเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนหรือยาเสพติด แต่ยังไม่เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ เมื่อมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีโอกาสไปพูดในเวทีโลกถึงประสบการณ์การนำศาสตร์พระราชา และพระราชปณิธานของสมเด็จย่ามาปรับใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาจนประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม และคนทำงานพัฒนาจากหลายประเทศเองก็ได้มีโอกาสมาดูกระบวนการทำงานในพื้นที่จริง ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าการแก้ปัญหานั้น มันต้องใช้เวลาและสิ่งสำคัญคือต้องสร้างคนให้ไปสร้างความมั่นคงให้ชุมชนเขาเอง" 

ดังนั้น การสร้างคนไม่ว่าจะเป็นคนจากโลกกลมๆ หรือ โลกสี่เหลี่ยม ขอเพียงไปเข้าใจและเข้าถึงพื้นที่ตรงนั้น จึงจะช่วยให้เราและเขาอยู่ร่วมกันได้ และทำให้คนจากทั้ง 2 โลก สามารถเชื่อมโยงกันได้ เพราะด้วยความเป็นมนุษย์ของเรา

เขียนประวัติ ด้วยคุณค่าแห่งชุมชน

          สมชัย กวางทองพานิชย์ เจ้าของกิจการร้านขายเชือกย่านสำเพ็ง หนึ่งในผู้พูดที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้มากที่สุดอีกคน บอกเล่าเรื่องราวแห่งชุมชนคนจีนในย่านสำเพ็งผ่านบันทึกที่ตัวเองลุกขึ้นมาตามหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์  เขาเป็นเพียงลูกคนจีน ชาวสำเพ็งที่อยากรู้ว่า ชุมชนที่ตัวเองเกิด และอาศัยอยู่ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษนี้มีที่มาอย่างไร สมชัยออกเดินทางตามหาแผนที่โบราณ และภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ที่ทำให้เขาได้เห็นกำเนิดของชุมชนชาวจีนแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของชุมชน นับถอยหลังไปได้มากกว่า 200 ปี

            “เหมือนเรากำลังนั่งไทม์แมชชีนตามหาลายแทงไปเรื่อยๆ  ผมศึกษาเรื่องราวจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อว่า ถ้าวันนี้ทุกคนลุกขึ้นมาหา มันก็ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเล่า หนังสือ แผนที่ รูปภาพ และอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เรามีอยู่ทุกวันนี้”

            จากความสงสัยที่ว่า ที่เดิมบ้านเคยเป็นอะไร ในที่สุดเขาก็พบคำตอบที่บอกเล่าไม่เพียงแต่เรื่องราวของชุมชนวัดเกาะที่ร้านของเขาตั้งอยู่ แต่ยังบอกเรื่องราวการสร้างชุมชนชาวจีน และต่อจิ๊กซอว์แห่งประวัติศาสตร์ออกมาเป็นแผนที่ชุมชนสำเพ็งที่มีคุณค่าสำหรับคนไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

            “งานแบบนี้ต้องเป็นคนในชุมชนจึงจะทำได้ดี เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของชุมชนเราเสมอตลอดชั่วอายุขัย ทำไมเราไม่รวบรวมขึ้นมา แค่นี้ก็คือการบันทึกประวัติศาสตร์แล้ว” เขากล่าวสรุป

            ในฐานะผู้จัดงาน TEDxBangkok 2016 อรรณวุฒิบอกว่า เขาฝันที่จะเห็นสังคมไทยในมิติที่กว้างขึ้น “เราอยากเห็นสังคมไทยที่เปิดรับ และถกเถียงกันได้ เราไม่ได้ต้องคิดไปในทางเดียวกัน แต่เราพยายามให้สังคมเปิดกว้างพอที่คนสองขั้วจะมาถกกันได้ และนำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน”  ที่คาดหวังยิ่งกว่านั้น คือการได้เห็นคนที่เข้าฟังกว่า 1,000 คน รวมพลังลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เกิดเป็นเครือข่าย หลังจากที่ได้รับแรงบันดาลในวันนี้