
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลจากอาการ “กรดไหลย้อน”
“กรดไหลย้อน” อาการไม่พึงประสงค์ที่สร้างความทรมานให้กับใครหลายคนมาไม่น้อย และเป็นอาการเรื้อรังที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกให้คุณหันมาดูแลสุขภาพและเลือกอาหารการกินให้ดียิ่งขึ้น สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีกินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลจากอาการกรดไหลย้อน หากพร้อมแล้วมาดูกันได้เลย
อาการกรดไหลย้อนเกิดจากอะไร ?
“กรดไหลย้อน” เป็นภาวะที่น้ำย่อยของกระเพาะอาหารมีความเข้มข้นสูงไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นในช่องคอ กลืนน้ำลายลำบาก แสบร้อนบริเวณหน้าอก เรอออกมามีกลิ่นเปรี้ยว รวมไปถึงรับรสขมภายในปากและลำคอ แถมอาการเหล่านี้ยังมีความใกล้เคียงกับโรคกระเพาะ เพราะฉะนั้นสำรวจตัวเองให้ดีก่อนซื้อยามารับประทาน เพื่อให้รักษาอาการได้อย่างตรงจุด
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลจากกรดไหลย้อน ?
กรดไหลย้อนเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ แต่โดยหลักๆ จะมาจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพ มาดูกันว่ากินอยู่อย่างไรดีไม่ให้เกิดอาการ
- ห้ามนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร - เมื่อหนังท้องตึงหนังตาหย่อนไม่ควรเอนตัวทิ้งร่างบนเตียง หรือโซฟาเด็ดขาด ควรรออย่างน้อย 3 - 4 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารได้ลำเลียงและย่อยตามระดับขั้นตอน
- งดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางประเภท - น้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเหล่านี้หากงดได้งด หากหลีกเลี่ยงที่จะไม่ดื่มได้จะดีที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อระบบการทำงานของกระเพาะและสุขภาพโดยตรง
- เลิกหรืองดสูบบุหรี่ทุกรูปแบบ - ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่แบบม้วนทั่วไป และบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากจะทำลายสุขภาพอย่างที่ใครหลายคนรู้กันแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน และตามมาดูโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่นกัน
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับมาตรฐาน - น้ำหนักตัวที่มากขึ้นตามมาด้วยไขมันบริเวณหน้าท้องที่ขยายใหญ่ ส่งผลในเรื่องของการทำงานกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมไปถึงในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
กรดไหลย้อนเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคุณเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นควรเปลี่ยนการกิน การอยู่ และหันมาใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้อาการดังกล่าวเกิดขึ้นกับตัวคุณ ที่สำคัญสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลให้สุขภาพในด้านต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมห่างไกลจากโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ในระยะยาวอีกด้วย