ไลฟ์สไตล์

ตามไปดู “ทอดผ้าป่าขยะ”  เทคนิคแก้ปัญหาขยะไอเดียเก๋ๆ ของ “ชุมชนบ้านหม้อ”

ตามไปดู “ทอดผ้าป่าขยะ” เทคนิคแก้ปัญหาขยะไอเดียเก๋ๆ ของ “ชุมชนบ้านหม้อ”

20 มิ.ย. 2561

“พลาสติก” กำลังเป็นขยะที่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะจากข่าวที่เราได้เห็นในเวลานี้ สะท้อนชัดว่า พลาสติกส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้

รู้หรือไม่ ว่าปริมาณขยะที่ประเทศไทยสร้าง 27 ล้านตันต่อปีนั้นมีพลาสติกผสมอยู่ถึง 3.2 ล้านตันเลยทีเดียว

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ “ขยะ” ได้กลายเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต่างหันมาให้ความสำคัญ โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่กำลังเป็น Mission ระดับโลก 

ปัญหาขยะพลาสติกไม่ได้วิกฤตแค่ในเมืองไทย เพราะแม้แต่องค์การสหประชาชาติวันนี้ก็ได้ประกาศให้มลพิษขยะพลาสติกในมหาสมุทรทั่วโลก คือวิกฤติสำคัญของโลกไปแล้วในวันนี้

รายงานจากสหภาพยุโรป(อียู) ก็เพิ่งออกมาช่วยตอกย้ำว่า ขยะพลาสติกเป็นสถานการณ์เร่งด่วนระดับวิกฤต

เพราะปัจจุบันทุกประเทศสมาชิกอียูมีส่วนร่วมในการผลิตขยะพลาสติกมากถึงปีละ 25 ล้านตัน แต่มีเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล

ส่วนสยามเมืองทิ้ง (ไม่เลือก) อย่างบ้านเรานั้นไม่ต้องกลัวน้อยหน้าไป เพราะปัจจุบันมีข่าวติดอันดับ 6 ของโลกของประเทศที่ผลิตขยะพลาสติกมากที่สุด

เรื่องนี้กรมควบคุมมลพิษยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าไทยเรามีปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 เฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

หนึ่งมุมคิดสำคัญของการแก้ปัญหาขยะ นั่นคือไม่ใช่ภาระที่ต้องรอให้ใครอื่นมาช่วยแก้ไข เพราะเริ่มได้จากตัวเราทุกคนซึ่งมีบทบาทเท่าเทียมกันในการช่วยแก้ปัญหา “ขยะล้นเมือง”

วันนี้เรามีชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่สามารถแก้ปัญหาขยะได้ด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกลยุทธสำคัญก็คือความร่วมไม้ร่วมมือกันของคนในชุมชนนั่นเอง

“ชุมชนบ้านหม้อ” ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี จะมาเป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนการจัดการขยะโดยคนในพื้นที่

บ้านหม้อนั้นถือเป็นอีกชุมชนในเขตเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่รวมกันกว่าหมื่นคนแต่เดิมชาวบ้านหม้อผลิตขยะมากถึงวันละ 10 ตันและมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นตามจํานวนประชากรในปีพ.ศ. 2546 จนกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ถูกนำไปหารือเพื่อหาทางจัดการกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยเริ่มตั้งแต่ต้นทางและนำเอาผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่อยู่บ้านเฉยๆเข้ามามีส่วนร่วมกับทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

“เริ่มต้นต้องชี้ให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันว่าต้องร่วมมือกันเพราะทางอบต.ไม่มีที่ทิ้งขยะต้องไปทิ้งที่อื่นทําให้ต้องเสียงบประมาณทั้งค่ารถขยะค่านํ้ามัน” พันโทบุญส่งสังข์สุขประธานชมรมผู้สูงอายุตําบลบ้านหม้อหัวเรือสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมดังกล่าวให้เกิดขึ้น

เมื่อผู้สูงอายุเริ่มแยกขยะที่บ้านโดยแบ่งเป็นขยะเปียกได้แก่เศษอาหารผักผลไม้เอาใส่ถุงพอเต็มแล้วให้นํามาทิ้งไว้หน้าบ้านเพื่อรอรถขยะมาเก็บต่อมาคือขยะพิษเช่นแบตเตอรี่สายไฟหลอดไฟซึ่งขยะพิษนี้อบต.จะเก็บไปฝังดินส่วนขยะรีไซเคิลคือขยะขายได้โดยอบต.แจกถุงดําสําหรับใส่ขวดพลาสติกกระป๋องกระดาษหนังสือพิมพ์เมื่อได้หลายถุงจึงค่อยนําไปขายให้กับร้านรับซื้อขยะที่มีอยู่ 5 แห่งด้วยกัน

หลังจากเริ่มคัดแยกขยะในปี 2547 ชมรมผู้สูงอายุก็เริ่มต่อยอดด้วยการจัดทอดผ้าป่าขยะโดยปีหนึ่งจะจัดกิจกรรม 3 ครั้งคือวันผู้สูงอายุวันแม่และวันพ่อโดยจะให้ผู้สูงอายุถือถุงขยะรีไซเคิลคนละ 1 ถุงมาทําบุญวันทําบุญจะมีการตัดกิ่งมะขามเปรี้ยวเอาขวดมาแขวนเอาผ้าอาบนํ้าฝนมาคลุมกิ่งไว้และให้คณะผู้สูงอายุถวายขยะแด่พระภิกษุสงฆ์จากนั้นพระสงฆ์ทําพิธีให้ศีลให้พรแล้วคืนขยะให้ชมรมผู้สูงอายุ

“ในวันทําบุญเราจะเชิญร้านขายขยะทั้ง 5 แห่งมาร่วมประมูลในครั้งแรกเราให้แต่ละเจ้าประเมินด้วยสายตาแต่ภายหลังเพื่อความเป็นธรรมจึงชั่งนํ้าหนักขยะก่อนประมูลสบายใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย” พันโทบุญส่งอธิบาย

จนถึงวันนี้ชาวบ้านหม้อจะโทรศัพท์ไปยังอบต. เพื่อให้รถไปตามเก็บขยะรีไซเคิลมารวบรวมเอาไว้ที่อบต. และจะโหมประชาสัมพันธ์ในช่วง 1 เดือนก่อนการทําบุญทุกครั้งเมื่อถึงวันจริงชาวบ้านแค่ถือถุงน้อยมาพอเป็นพิธี

ตลอดระยะเวลามากกว่าสิบปีของการทอดผ้าป่าพันโทบุญส่งย้อนดูข้อมูลสถิติและแจ้งรายได้ตลอดจนปริมาณขยะในปี 2547 ซึ่งเป็นปีแรกขายขยะได้เงิน 8,500 บาทในปี 2553 ขายได้ 95,000 บาทและในปี 2559 มีผู้ทําบุญขยะทั้งหมด 52,092 กิโลกรัมสร้างรายได้สูงถึง 207,970 บาทเลยทีเดียวรายได้ทั้งหมดนี้ประธานชมรมผู้สูงอายุบอกว่านําไปใช้ในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ซึ่งส่วนใหญ่ปฏิทินค่อนข้างตายตัวเช่นการทอดผ้าป่าในวันที่ 14 เมษายนของแต่ละปีจะนํารายได้ไปซ่อมแซมห้องนํ้าในนามโครงการลื่นล้มในห้องนํ้าผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส

ส่วนการทอดผ้าป่าในวันที่ 12 สิงหาคมของแต่ละปีจะนํารายได้มอบให้เด็กนักเรียนเรียนดีที่ขาดโอกาสและการทอดผ้าป่าในวันที่ 5 ธันวาคมของแต่ละปีจะนํารายได้ช่วยเหลือผู้สูงอายุโดยแต่ละโครงการก็จะมีบัญชีแยกขาดจากกัน

จากความสําเร็จนี้เองทําให้เกิดการขยายแนวคิดไปยังกลุ่มอื่นๆไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแม่บ้านกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้านมาร่วมกันคัดแยกขยะเพื่อขยายรัศมีการทําประโยชน์ให้กว้างออกไป

“ตําบลบ้านหม้อมีโรงเรียน 4 แห่งโรงเรียนอนุบาล 3 แห่งผมก็เข้าไปสอนวิธีการคัดแยกขยะและพอถึงกิจกรรมทอดผ้าป่าครูจะให้เด็กคัดแยกแล้วเอาขยะมาทําบุญด้วยตอนหลังเราขยายขอบเขตประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ไปยังตําบลใกล้เคียงให้ช่วยกันคัดแยกขยะด้วย” พันโทบุญส่งเล่า

ปัจจุบันปัญหาขยะในตําบลบ้านหม้อลดลงอย่างมากเหลือเพียงวันละ 1 ตันเท่านั้นนี่ถือเป็นดอกผลอีกส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนชุมชนด้วยข้อมูลและกลไกในพื้นที่อย่างที่่ดวงพรเฮงบุณยพันธ์ผู้อํานวยการสํานักสนับสนุนสุขภาวะชุมชนสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพได้กล่าวถึงหัวใจสําคัญในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอยู่ที่ประชาชนฐานรากหากประชาชนฐานรากได้รับการพัฒนาขีดความสามารถได้มีโอกาสแสดงศักยภาพในการพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 4 เสาหลักที่ประกอบด้วยประชาชนท้องที่ท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐในแต่ละพื้นที่กระบวนการเช่นนี้ย่อมนําไปสู่ความเข้มแข็งของบ้านเมืองในที่สุด