ลุยสมรภูมิ สว. ‘ธนาธร’ ชิงโหนยุบพรรค ‘สีส้ม’ แค่ฝันแลนด์สไลด์

ฝันไกลไปถึงมั้ย ธนาธร โหนยุบก้าวไกล ปลุกกระแส สว.สีส้ม ชัยชนะขั้นแรก มุ่งสู่แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ในสนามรบเลือกตั้งสมัยหน้า

ตรวจแนวรบของจริงในหลายสมรภูมิ ธนาธร อาจทำได้แค่ฝันแลนด์สไลด์ เมื่อเผชิญทัพเพื่อไทย ในวันที่ ทักษิณ บัญชาการรบเอง  

วันเสาร์ที่ 6 เม.ย. 2567 พรรคก้าวไกล จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ที่โรงแรมเมเปิล ย่านบางนา ในบรรยากาศการประชุมสั่งลาครั้งสุดท้าย 
 

แม้จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะหมดวาระตามวงรอบ แต่ก็คงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น เพราะพลพรรคสีส้ม กำลังเตรียมเคลื่อนจากพรรคเก่าไปสู่พรรคใหม่ ในเร็ววันนี้

เรื่องสำคัญที่ค่ายส้มจะต้องเร่งรีบทำ คู่ขนานไปกับการสู้คดียุบพรรคนั่นคือ ปลุกระดมมวลมหาประชาชนให้ลงสมัคร สว. ตั้งเป้าต้องได้ สว.สีส้ม ประมาณ 70 คนเป็นอย่างต่ำ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินหน้าลุยด้วยตัวเอง พร้อมเปิดแคมเปญรณรงค์สมัคร สว. หรือ 1 บ้าน 1 ผู้สมัคร โดยจะมีการแถลงข่าวช่วงวันที่ 22 เม.ย. 2567

ดังนั้น การเลือกตั้ง สว.ชุดใหม่ 200 คน จะเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังสีส้ม กับตัวแทนกลุ่มอนุรักษนิยม ไม่ว่าจะเป็นอดีตข้าราชการ นอมินี สว.สาย คสช. และนักการเมืองสายบ้านใหญ่ 

สมัครเพื่อโหวต
เมื่อกติกาเลือก สว.ชุดใหม่ ออกแบบให้ผู้สมัคร สว.เลือกกันเอง ซึ่งเป็นกติกาที่เอื้อให้มีการบล็อกโหวต โดยกลุ่มอนุรักษนิยม

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงแก้เกมโดยรณรงค์ให้ประชาชนลงสมัคร สว. เพื่อเป็น ‘โหวตเตอร์’ เลือกบุคคลในเป้าหมายค่ายสีส้มให้เข้าสภาสูง

ยุทธศาสตร์ สว.สีส้ม ของธนาธรนั้น มีเป้าหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. เพราะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย

ที่ผ่านมา ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 หรือแม้แต่การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องอาศัยเสียง สว. 2 ใน 3 จากที่มีอยู่ หรือประมาณ 70 คน ในการเข้าชื่อเสนอแก้ไข

ดังนั้น หากได้ สว.สีส้มขั้นต่ำ 70 เสียง จากทั้งหมด 200 เสียง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

อีกด้านหนึ่ง ธนาธร หวังเกาะกระแสยุบพรรคก้าวไกล แปรความแค้นให้เป็นพลัง ยอมลงทุกควักเงิน 2,500 บาท ลงสมัคร สว.กันเป็นแสนคน

หากยอดผู้สมัคร สว.ทั่วประเทศ ทะลุเกินแสนคน แสดงว่า แคมเปญ 1 บ้าน 1 ผู้สมัคร ของธนาธร ประสบชัยชนะ 

 

 

 

ขวากขวางแลนด์สไลด์
ปฏิบัติการฟื้นภาพจำ ‘พรรคไทยรักไทย’ และการเมืองแบบคิดใหม่ ทำใหม่ ที่เป็นต้นแบบของพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ในวันนี้ของ ทักษิณ ชินวัตร ก็เพื่อล้างภาพตัวแทนอนุรักษนิยมใหม่ 

เนื่องจากดีลลับกลับบ้าน พรรคเพื่อไทยต้องแลกมาด้วยตราประทับ ‘อนุรักษนิยมใหม่’ ทำให้เรตติ้งร่วงจนยากที่จะฟื้น

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ยังอยู่ที่ภาคอีสานแม้ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เพื่อไทยเพลี่ยงพล้ำ แต่ก็ได้ สส.เขตเป็นอันดับหนึ่ง 

สแกน สส.อีสาน แยกได้ดังนี้ เพื่อไทย 73 ที่นั่ง, ภูมิใจไทย 35 ที่นั่ง, พลังประชารัฐ 7 ที่นั่ง, ก้าวไกล 7 ที่นั่ง, ไทยสร้างไทย 5 ที่นั่ง, เพื่อไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง, ปชป. 2 ที่นั่ง และชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่ง  

มองในมุมการเมืองพื้นที่จะพบว่า เพื่อไทย 73 ที่นั่ง รวมพรรคบ้านใหญ่ 50 ที่นั่งยึดพื้น สส.เขตในภาคอีสานกว่า 90% เหลือให้ก้าวไกลแค่ 7 ที่นั่ง

ยี่ห้อทักษิณ อาจถูกมองว่าเป็นสินค้าเก่า ไม่สดใหม่เหมือนยี่ห้อพิธา แต่สำหรับภาคอีสาน ชื่อทักษิณยังขายได้

การเลือกตั้ง สส.ปี 2562 ก้าวไกล ได้ สส.อีสาน 1 ที่นั่ง แต่ปี 2566 ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 7 ที่นั่ง ถือว่าพลาดเป้าไปพอสมควร เมื่อเปรียบเทียบกับกระแสพิธาที่แรงจัดในเขตเมืองหลวง ปริมณฑล และภาคตะวันออก

พรรคสีส้มที่จะใช้ชื่ออะไรก็แล้วแต่ในอนาคต หากต้องการหวังแลนด์สไลด์แบบพรรคเดียวตั้งรัฐบาลได้ ก็ต้องเอาชนะที่ภาคอีสานให้ได้

ถ้าสมรภูมิอีสานยังแพ้พรรคทักษิณ ก็ไม่ต้องฝันถึงรัฐบาลสีส้มพรรคเดียว นี่คือสถานการณ์การเมืองที่เป็นจริง