ส่องสหายใหญ่ ‘ภูมิธรรม’ มือกระบี่เงา ‘ทักษิณ’ ดับส้มซ่า

รู้จัก ภูมิธรรม หรือสหายใหญ่ ผู้ไม่กลัวรถทัวร์สีส้ม เขย่า พิธา จนถอย สายตรงทักษิณ ครบเครื่องเรื่องกลยุทธ์  

ภูมิธรรม เป็นทีมปั้นไทยรักไทยชุดปิดลับ ทักษิณ ไว้วางใจที่สุด เมื่อสหายใหญ่ลุยเอง ก้าวไกลก็หนาวทั้งพรรค

สุดสัปดาห์ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เล่นบทโหดเขย่าขวัญพรรคสีส้ม ทั้งหนักทั้งเบา ใช้สื่อทุกช่องทางเพื่อสื่อสารประชาชนทั้งประเทศว่า เพื่อไทยคิดอะไร และก้าวไกลทำอะไรอยู่

หลังจาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงผ่านวิดีโอว่า จะเปิด 2 สมรภูมิคือ โหวตนายกฯ และแก้ไข ม.272 คู่ขนานกันไป เมื่อทำไม่ได้ทั้งสองอย่าง ก็จะให้เพื่อไทยเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล

แกนนำเพื่อไทย ฟังคำแถลงของพิธา สรุปได้คำเดียว ก้าวไกลจะเล่นเกมยื้อ ดังนั้น จึงต้องออกมาสกัดแผนลากเกมยาวของก้าวไกล

ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค เดินหน้าลุยให้สัมภาษณ์สื่อทุกสำนัก ประเด็นแรก แก้รัฐธรรมนูญ ม.272 เพื่ออะไร ทั้งที่รู้ว่าไม่สำเร็จ และยากกว่าที่เสนอ พิธา เป็นนายกฯ 

ก้าวไกลเสนอร่างแก้ ม.272 เพื่อต้องการถ่วงเวลาและแสดงสัญลักษณ์ว่า ได้ต่อสู้แล้ว เพื่อไทยไม่เห็นด้วย เพราะประชาชนกำลังวิกฤตและทุกข์ยาก

ประเด็นที่สอง รัฐบาลเสียงข้างน้อย ขั้วเดิม 188 เสียง รวมกับ 250 สว. ตอนนี้ มีงูเต็มฟาร์ม มีกล้วยเต็มสวน

สรุปว่า เพื่อไทยกดดันก้าวไกล ให้รีบปิดเกม อย่าดึงเวลา หากโหวต พิธา ครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน ก็ต้องมาคุยกัน พอได้หรือยัง

ในที่สุด พิธา และพรรคก้าวไกล ยอมรับว่า ถ้าโหวตรอบที่ 2 คะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็พร้อมถอยให้พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทย

ส่วนเรื่องการแก้ไข ม.272 เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลเอง ไม่ได้ผูกมัดกับพรรคอื่น 

 

 

คนสนิทสหายนำ
สมัยรัฐบาลไทยรักไทย มีคนเดือนตุลา เป็นสมาชิกพรรคจำนวนมากทั้งที่เป็น สส. ,รัฐมนตรี และทำงานเบื้องหลัง

สำหรับ สหายจรัส-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ สหายใหญ่-ภูมิธรรม เวชยชัย ได้รับการพูดถึงมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นมือทำงานที่ไว้วางใจได้ของทักษิณ

หลังเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ทั้งคู่หนีภัยเผด็จการเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยอาวุธในป่าเขา ที่เขตงานอีสานใต้ จึงเป็นที่มาของชื่อจัดตั้ง สหายจรัส และสหายใหญ่

อ้วน หรือ ภูมิธรรม เวชยชัย จบมัธยมปลายจากโรงเรียนทวีธาภิเศก ฝั่งธนบุรี ก็เข้าเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ระหว่างนั้น ได้ร่วมกับเพื่อนๆ ก่อตั้งพรรคจุฬา-ประชาชน เคลื่อนไหวในรั้วจามจุรี

ช่วงที่เข้าป่า ภูมิธรรม หรือสหายใหญ่ เรียนรู้การใช้ชีวิตในเขตงานอีสานใต้ช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะถูกเรียกตัวไปขับรถให้สหายนำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ที่แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว อยู่ 3 ปีกว่า สหายใหญ่จึงกลับคืนเมือง

ออกจากป่า อ้วน ภูมิธรรม ทำงานที่มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) เมื่อมีคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.พอช.) อ้วนได้เป็นเลขา กป.อพช. ได้ระยะหนึ่ง จึงมีข้อสรุปว่า การเป็นเอ็นจีโอ ไม่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ลาออกมาทำงานการเมือง

 

 

 

 

คนใกล้ชิดนายใหญ่
ช่วง ทักษิณ ชินวัตร รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ โควตาของพรรคพลังธรรม ปี 2537 และอยู่มาวันหนึ่ง ทักษิณ ชวนภูมิธรรม และเพื่อนๆ เข้าไปพบ และบอกว่า “อยากทำพรรคการเมือง”

ทักษิณได้ให้เงินทุนก้อนหนึ่งแก่พวกเขา ดำเนินการศึกษา และวางโครงสร้างพื้นฐานพรรคแนวมหาชน

ช่วงนั้นการทำงานของอ้วน และเพื่อน เหมือนการทำพรรคผี เพราะต้องซุ่มซ่อน ศึกษาหาข้อมูลไปเรื่อยๆ โดยใช้ห้องโต๊ะกลม ชั้น 30 อาคารชินวัตร 1 เป็นกองบัญชาการ

ทีมงานภูมิธรรมพูดคุยกับทักษิณมาเป็นระยะๆ จนสุกงอมเรื่องการจะจัดตั้งพรรคการเมือง แต่ก็ยังไม่ตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ 

กระทั่งเลือกตั้งปี 2539 พรรคพลังธรรมพ่ายแพ้ ทักษิณแสดงความรับผิดชอบลาออกจากหัวหน้าพรรค ทักษิณจึงให้อ้วนเดินหน้าทำพรรคใหม่ 

14 ก.ค. 2541 ทักษิณมอบให้ทีมงานดำเนินการจดทะเบียนก่อตั้งพรรคไทยรักไทย โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 23 คน และอ้วน ภูมิธรรม ได้เข้าทำงานเต็มเวลาที่อาคารชินวัตร คอมพิวเตอร์ฯ สี่แยกราชวัตร

เลือกตั้ง 2544 พรรคไทยรักไทย กวาด สส.ได้ 248 ที่นั่ง และทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 และภูมิธรรม ได้รับการแต่งตั้งเป็น เลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย

หลังจากนั้น อ้วนเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (ปี 2548) 

เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อ้วน ภูมิธรรมอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับท้ายๆ ซึ่งไม่ได้เป็น สส. แต่อยู่ในลิสต์รายชื่อผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรี