คอลัมนิสต์

ศึกประธานสภา ‘พิธา’ รอวัดใจ ‘เพื่อไทย’ ระวังตาอยู่เสียบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เกมวัดใจเพื่อไทย พิธา รู้ว่าฝ่าด่าน สว.ยาก ประมุขนิติบัญญัติต้องเป็นก้าวไกล เพื่อความปลอดภัยของพ่อส้ม เซียนการเมืองกระซิบระวังประธานสภา สูตรปรองดอง

ด่านแรกรอวัดใจ พิธา แจกข่าวเก้าอี้ประธานสภาฯ จบแล้ว ภูมิธรรม บอกยังรอคำตอบจากก้าวไกล เกมนี้ไม่ง่าย เพื่อไทยไม่ถอย


เกมเลือกนายกฯ พิธา รู้ว่าฝ่าด่าน สว.ยาก อาจต้องโหวตหลายครั้ง ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ จึงต้องอยู่ในมือก้าวไกล เพื่อความปลอดภัยของพ่อส้ม
 

วันที่ 16 มิ.ย.2566 พรรคก้าวไกลแจกข่าวว่า มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคประจำสัปดาห์ โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธานการประชุม โดยพิธา ประ ชุมผ่านระบบออนไลน์


ที่ประชุมระบุว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีข้อยุติออกมาแล้ว ท่ามกลางความพอใจของทั้งสองฝ่าย และเชื่อมั่นว่า ทั้งตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาเป็นผู้ที่เหมาะสมทุกฝ่ายยอมรับ


วันเดียวกัน  ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามนักข่าวถึงความชัดเจนเรื่องตำแหน่งประธานสภาว่า จากเดิมที่คุยไว้จุดไหน ก็ยังอยู่จุดนั้น เป็นเรื่องของพรรคแกนนำที่ต้องประสานงานกัน 
 

เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม ยังบอกว่า เราได้บอกวัตถุประสงค์และความคิดของแต่ละฝ่ายไปแล้วว่าคิดอย่างไร ซึ่งพรรคก้าวไกลได้รับไปพิจารณา และตอนนี้ก็ยังไม่ตอบกลับมา เรายังคงรออยู่


พรรคก้าวไกล เล่นตอบพรรคอันดับสองผ่านสื่อ ก็ไม่รู้ว่า แกนนำเพื่อไทยจะอ่านกันยังไง เพราะก่อนหน้าก็เจอข่าวปล่อยโผ ครม.ว่อนสื่อ ทั้งที่ยังไม่พูดจากันเลย


ตามไทม์ไลน์การเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน หลัง กกต.รับรอง สส.ให้ได้ครบร้อยละ 95 เพื่อเปิดประชุมสภา วาระแรกก็คือ เกมชิงเก้าอี้ประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติคือ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะต้องขึ้นมาทำหน้าที่ประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งด้วย


เกมนี้ ในทางการเมืองถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะประธานสภาในฐานะประธานรัฐสภา จะเป็นคนกุมเกมการเมืองในช่วงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

วัดกำลังยกแรก
สิ่งที่ ภูมิธรรม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดกับนักข่าวกรณีประธานสภาว่า เราได้บอกวัตถุประสงค์ไปแล้ว นั่นคือ เพื่อไทยขอจองเก้าอี้ประธานสภา 


ด้วยเหตุผลที่ว่า มีจำนวน ส.ส.น้อยกว่าก้าวไกลเพียง 10 เสียง เมื่อก้าวไกลได้เบอร์หนึ่งฝ่ายบริหารไปแล้ว เพื่อไทยก็ควรได้เป็นเบอร์หนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติ 


ขณะที่พรรคสีส้ม ก็ต้องการตำแหน่งประธานสภา ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในศึกชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้โพรงให้กระรอกแล้วว่า ประธานสภาคนใหม่ จะกล้าเสี่ยงบรรจุวาระการประชุมให้มีการลงมตินายกฯหรือไม่ หากมี สส.กลุ่มหนึ่งยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล


เนื่องจาก กกต.รับลูกจะไต่สวนพิธาเอง ในกรณีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ที่ห้ามให้ผู้สมัคร ส.ส.และแคนดิเดตนายกฯ เป็นเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อ


กรณีดังกล่าวข้างต้นนี้ ถ้าประธานสภาไม่ใช่คนพรรคก้าวไกล ก็เสี่ยงที่จะโดนสกัดตั้งแต่ด่านแรก ฉะนั้น แกนนำก้าวไกลคงไม่ยอมยกตำแหน่งนี้ให้เพื่อไทยไปง่ายๆ

 

กูรูการเมืองวิเคราะห์ สุชาติ ตันเจริญ จะได้

 

 

ประธานสภาปรองดอง
ไม่รู้ว่า จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ได้ข้อมูลมาจากไหนจึงเฟซบุ๊กไลฟ์ วิเคราะห์การเมืองว่า 8 พรรคฝ่ายค้านเดิมจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จหรอก


“ถึงที่สุดแล้วนายพิธา อุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐา ทวีสิน คงไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะจะมีงูเห่าจำนวนมากเลื้อยแตกรังออกไปหนุนฝ่าย 188 เสียงตั้งรัฐบาล ดังนั้น คนเป็นนายกฯ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ..”


บังเอิญเหลือเกิน สิ่งที่จตุพรคิดดังๆ ดันไปสอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของ ไพศาล พืชมงคล ที่ประเมินว่า สถานการณ์บ้านเมืองจะวุ่นวาย หากคู่ขัดแย้งไม่ลดราวาศอกกัน จึงฟันธงว่า ประธานสภาจะชื่อ สุชาติ ตันเจริญ เหมาะสมที่ดำรงตำแหน่งนี้เพื่อความปรองดอง


ไม่มีใครปฏิเสธว่า สุชาติ เป็นผู้มากบารมี รู้จักนักการเมืองทั้งขั้วประชาธิปไตยและขั้วรัฐบาลเก่า แม้วันนี้ พ่อมดดำจะสังกัดเพื่อไทย แต่ก็มีลูกน้องเก่าอยู่ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย


การเมืองไทยไม่มีอะไรที่แน่นอน อย่าได้ประมาทคำทำนายของจตุพร โดยเฉพาะประเด็นจะมีงูเห่าเลื้อยเพ่นพ่านเต็มสภา     
    
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ