คอลัมนิสต์

หวนนึกถึงวลีเด็ด'กูพูดไม่ได้' บุญทรง บอก สุรนันทน์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วันนี้เป็นวันพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ทุจริตข้าวจีทูจีที่จำเลยหลายคนอุทธรณ์คำพิพากษาที่ถูกลงโทษหนักรวมถึงบุญทรง เตริยาภิรมย์ ทำให้หวนนึกถึงวลี กูพูดไม่ได้

   โอภาส บุญล้อม   

   วันนี้ (6 ก.ย.) เวลา 11.00 น.จะเป็นวันพิพากษาคดีประวัติศาสตร์คดีทุจริตข้าวจีทูจี ที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรี และกลุ่มข้าราชการระดับสูง รวมทั้งเอกชนประกอบกิจการโรงสีข้าว เป็นจำเลยรวม 28 ราย ร่วมกันทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง   

     

     โดยคดีนี้ กลุ่มจำเลยที่เป็นนักการเมืองที่สำคัญ อาทิ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์  อดีต รมว.พาณิชย์  ในฐานะประธานอนุ กก.พิจารณาระบายข้าว,นายภูมิ สาระผล  อดีต  รมช.พาณิชย์  ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว  ,พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์  

     ส่วนจำเลยที่เป็นกลุ่มข้าราชการที่สำคัญ อาทิ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ , นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยงหรือทีปวัชระ อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ  

      กลุ่มบริษัทเอกชนที่เป็นจำเลยสำคัญ อาทิ นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญ นางสุนีย์ จันทร์สกุลพร ญาติเสี่ยเปี๋ยง  น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร บุตรสาวเสี่ยเปี๋ยง  ,นายสุธี เชื่อมไธสง  คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง

      ขณะที่ระหว่างพิจารณาคดี “พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ” อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และ “นายสุธี เชื่อมไธสง”  คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง นักค้าข้าวรายสำคัญได้หลบหนีคดีไป ศาลจึงให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว สุดท้ายชั้นพิจารณาจึงเหลือจำเลยทั้งสิ้น 26 รายโดยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

     ต่อมาองค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ว่า เห็นว่าข้อตกลงตามสัญญาให้ขายข้าวแก่บริษัท กว่างตง จำกัด และบริษัทไห่หนาน จำกัด ที่อ้างว่าเป็นผู้แทนจากประเทศจีน 4 ฉบับ มีข้อพิรุธหลายประการ โดยบริษัทเอกชนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนจากประเทศจีนนั้นก็ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน เป็นรัฐวิสาหกิจจีนจริงเท่านั้น พฤติการณ์จึงเป็นการจงใจปล่อยปละละเลย ซ่อนเร้นอำพรางปิดบังความจริงเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายข้าว เพื่อเอื้อประโยชน์เปิดช่องทางให้มีข้าวกลับมาหมุนเวียนขายในประเทศ ไม่ได้เป็นการทำการซื้อขายรัฐต่อรัฐ

     จึงพิพากษาให้จำคุก  นายภูมิ  อดีต รมช.พาณิชย์ รวม 2 กระทง 36 ปี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา (ฮั้วประมูล) มาตรา 12 

     นายบุญทรง” รมว.พาณิชย์ จำคุกรวม 3 กระทง 42 ปี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา (ฮั้วประมูล) มาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151

       “นายมนัส” อดีต อธ.กรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 40 ปี , “นายทิฆัมพ” อดีตรอง อธ.กรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 32 ปี , “นายอัครพงศ์” อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 24 ปี

         “นายอภิชาต หรือเสี่ยเปี๋ยง” นักค้าข้าวคนสำคัญ จำเลยที่ 14 จำคุก 48 ปี , “นายนิมล หรือโจ” คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 15 จำคุก 32 ปี ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิด พ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ ให้ปรับ “บจก.สยามอินดิก้า” จำเลยที่ 10 รวม 4 กระทงเป็นเงิน 1 ล้านบาท และให้ บจก.สยามอินดิก้า , เสี่ยเปี๋ยง และ นายนิมล ร่วมกันชดใช้กระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ

      สำหรับ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และนายสุธี  คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง หลังจากที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวไปเพราะจำเลยหนีคดี ก็ปรากฏว่าต่อมามี พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ.2560 ออกมาบังคับใช้ ให้อำนาจศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีที่ฟ้องและออกหมายจับจำเลยแล้วได้ใหม่โดยไม่มีตัวจำเลย อัยการสูงสุดจึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลนำคดีของทั้งสองพิจารณาใหม่

       โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ค.62 องค์คณะศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่าทั้งสองได้ร่วมกระทำผิดด้วย ให้จำคุก “พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง” อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์  รวม 4 กระทงเป็นเวลา 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกทั้งสิ้น 50 ปี และ “นายสุธี” คนสนิทของนายอภิชาติหรือเสี่ยเปี๋ยง จำคุก 4 กระทงเป็นเวลารวม 32 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับกระทรวงการคลังด้วยจำนวน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันทำสัญญา

        คดีนี้ยกฟ้องจำเลย 8 คน ซึ่งเป็นสามีของญาตินายอภิชาตหรือเสี่ยเปี๋ยง และกลุ่มโรงสีกับผู้บริหารโรงสี

       ส่วนจำเลยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่ามีความผิดและจำคุก ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งจำเลยก็ยืนยันว่าได้ทำตามกฎหมาย ขอให้องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยอุทธรณ์ ซึ่งเป็นผู้พิพากษา 9 คนซึ่งเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้อง หรือลงโทษสถานเบา หรือพิจารณารอการลงโทษ และขณะนี้องค์คณะผู้พิพากษาฯได้พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยเสร็จสิ้นแล้วและจะมีการอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังในวันพรุ่งนี้ ( 6 ก.ย.)

        ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษหนักกับจำเลยในคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดนตัดสินจำคุก 42 ปี     

         “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเพื่อนของเขา  “บุญทรง เตริยาภิรมย์”  เล่าให้ฟังถึงความสนิทสนมกันระหว่างบุคคลทั้งสอง 

           โดย“สุรนันทน์ ”รู้จัก “บุญทรง” ตั้งแต่เข้ามาร่วมอุดมการณ์ตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 2542-2543   อายุก็ไล่เลี่ยกัน  บุญทรง เกิด 2503 ส่วนสุรนันทน์  เกิด 2504  เป็นคนรุ่นเดียวกัน และเป็นคนรุ่นใหม่ทางการเมืองในยุคนั้น  

     และบอกว่า“บุญทรง” เป็นคนหนุ่มตั้งใจดี เป็นนักธุรกิจที่อยากเห็นประเทศเจริญก้าวหน้า

      จนรัฐประหารปี 2549 ก็แตกกระสานซ่านเซ็นกันไป

       เวียนมาเจอและร่วมงานอีกครั้ง เมื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี  สุรนันทน์เข้ามาเป็น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี   บุญทรง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

    จน “บุญทรง ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  “สุรนันทน์” เป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง

    “ใครดูให้มึง แต่ละเรื่องน่ากลัว”  สุรนันทน์แอบพลิกแฟ้มดู  “กูมีทีม”  บุญทรงตอบ

    แต่ในแววตา “เพื่อน” มีความกังวล

     ช่วงวิกฤต สุรนันทน์ งานหลายด้าน แต่ก็ไม่วายห่วงเพื่อน เวลาเขาส่งเรื่องจากทำเนียบก็คอยเตือนว่าเรื่องไปแล้่วรีบจัดการ เราเป็นเพียง “เสมียน” ไม่รู้ตื่นลึกหนาบางทั้งหมด แต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อน “ไม่สบายใจ”

    หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคน สุรนันทน์ถาม​ “มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง”   บุญทรง ตอบกลับกับวลีเด็ด “กูพูดไม่ได้”

      สุรนันทน์ สรุปตบท้ายกับประโยคที่ว่า ทางการเมือง บางเรื่อง “ต้องตายไปกับเรา”  พูดไม่ได้

        ข่าวที่เกี่ยวข้อง :"กูพูดไม่ได้" !! "บุญทรง" บอก "สุรนันทน์"

         

     

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ