ประชาสัมพันธ์

ปตท. ตั้งเป้าธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรในปี 2050

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปตท. กับหมุดหมายการทำธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบ 100% ปี 2050 ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ดึงเทคโนโลยีลดปล่อยคาร์บอน

สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นฝนที่ตกผิดฤดูกาล หน้าหนาวที่อากาศร้อน เหล่านี้เป็นตัววัดว่าสภาพแวดล้อมถูกทำร้ายลงทุกๆ วินาที ดังนั้นเราจึงเห็นว่าหลายๆ ธุรกิจ หลายๆ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน หันมาให้ความสนใจ และเริ่มทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายในการทำพลังงานสะอาดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และการลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งการทำคาร์บอนเครดิต ปตท. เป็นหนึ่งในองค์กรด้านพลังงานที่ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และหันมาใช้พลังงานทดแทน และพลังงานไฟฟ้าแทนการใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิล เพื่อลดอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตทุกๆ ขั้นตอน

 

 

บนเส้นทางการทำธุรกิจด้านพลังงานของ ปตท. เรามักจะเห็นการดำเนินการธุรกิจบนแนวทางการสร้างความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการปลูกและดูแลรักษาป่ากว่า 1 ล้านไร่ ครอบคลุม 54 จังหวัด และภายในปี 2573 ปตท. มีเป้าหมายในการปลูกป่าเพิ่มอีก 1 ล้านไร่ กลุ่ม ปตท. เพิ่มอีก 2 ล้านไร่ ซึ่งป่าในจำนวนดังกล่าวจะช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้รวมกว่า 4.15 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

นอกเหนือไปจากการปลูกป่า เพื่อดูดซับมลพิษที่ถูกปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศแล้ว ปตท. ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)  Collaboration in Future Energy Transition by Decarbonization Platform ศึกษาและทดลองการใช้งานแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ ภายในพื้นที่ของกลุ่ม ปตท. ร่วมกับ ENVISION DIGITAL INTERNATIONAL PTE. LTD. เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050

 

ปตท. ตั้งเป้าธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรในปี 2050

 

หมุดหมายในการร่วมมือกับ ENVISION เพื่อศึกษาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครั้งนี้ ปตท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทในเครือทั้งหมด  จะดำเนินการพัฒนาระบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะเพื่อตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงาน รวมถึงประเมินความสามารถในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะเริ่มนำแพลตฟอร์ม EnOSTM ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ AloT ของ Envision Digital มาใช้ในการบริหารจัดการระบบพลังงานหมุนเวียนภายในอาคารต้นแบบ M4 ที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) จ.ระยอง ไม่ว่าจะเป็น แผงเซลล์แสงอาทิตย์ลอยน้ำ แผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา ระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยสามารถตรวจสอบและควบคุมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนำมาปรับใช้งานทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลได้อย่างเหมาะสม ทำให้ตัวอาคารกลายเป็น Zero Import ทั้งหมด ในอนาคตหากประสบความสำเร็จจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วย

แนวทางที่กล่าวมานั้นถือว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดภาวะโลกร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดรูปธรรมในการเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปตท. มีการนำเทคโนโลยี AI และ Robotic อาทิ PowerTECH, HealthTECH, MobilityTECH, IndustrialTECH และ SoftpowerTECH  ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ Cloud โดยบริษัท เมฆาเทคโนโลยี จำกัด (MekhaTech) และดำเนินธุรกรรมซื้อขาย Renewable Energy Certificate (REC) ผ่านการดำเนินการภายใต้ บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) โดยความร่วมมือกับ Envision Digital ในครั้งนี้ถือเป็นขอบเขตงานที่เกี่ยวข้องกับด้าน PowerTECH

 

 

และในฐานะที่ Mekha V เป็นบริษัทเรือธง (Flagship) ในด้าน AI และ Robotic อย่างไรก็ตามในการศึกษาและทดลองโครงการร่วมกับ Envision Digital เพื่อสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจดิจิทัล และแพลตฟอร์มต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับสังคมคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมเจตนารมณ์ของกลุ่ม ปตท. เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 และสนับสนุนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065

อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของ ปตท. ที่จะเดินหน้าธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า อีกทั้งการร่วมมือกับ Envision พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ ยังเป็นสิ่งสะท้อนว่าการดำเนินธุรกิจของ ปตท. โดยมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ