ข่าว

พรีเมียร์ลีก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พรีเมียร์ลีก "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า 3 แต้มหวุดหวิด หลัง เนมันยา วิดิช เป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ 1-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ยังรั้งอันดับ 3 พรีเมียร์ชิพได้เหมือนเดิม "เฟอร์กี้" มั่นใจถ้าเกาะกลุ่มได้แชมป์แน่ ขณะที่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เร่งครึ่งหลังบุกเอาชนะ "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น 3-1 ครองจ่าฝูงอีกสัปดาห์ ราฟาเอล เบนิเตซ คุยทีมรับความกดดันได้แล้ว ด้าน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี บี้ติดบุกพิชิต โบลตัน 2-0 อยู่รองจ่าฝูง ส่วน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ยังไม่เปรี้ยงเฉือน วีแกน แค่ 1-0 ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม บรรดา 4 ทีมยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม "บิ๊กโฟร์" ต่างพากันเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด โดย "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถเอาตัวรอดได้แบบหวุดหวิด หลังเปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เฉือนชนะ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ 1-0 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกมจากจังหวะที่ ไมเคิล คาร์ริก ซัดบอลไปชนเสา ก่อนที่ "วิด้า" เนมันยา วิดิช กองหลังตัวเก่งที่เติมขึ้นมาซัลโวหน้าปากประตูโล่งๆ ในช่วงนาที 90 ส่งผลให้ "ปีศาจแดง" ยังคงรั้งอันดับ 3 ส่วน ซันเดอร์แลนด์ ยังคงอยู่ในโซนตกชั้น หลังจบเกม "เฟอร์กี้" เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องดูเกมบนอัฒจันทร์เนื่องจากติดโทษแบนยอมรับว่าชัยชนะนัดนี้ได้มาอย่างหวุดหวิดก็จริง แต่การคว้า 3 แต้มได้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก รวมทั้งเชื่อว่าก่อนปีใหม่ หากสามารถไล่ทีมนำอย่าง ลิเวอร์พูล หรือว่าเชลซี ห่างกันแค่ 2-3 แต้มแล้ว ทีมของตัวเองถือว่ามีโอกาสที่ดีอย่างมากที่จะป้องกันแชมป์ได้ ขณะที่เรื่องอาการบาดเจ็บของ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ต้องถูกเปลี่ยนตัวในช่วงครึ่งหลังนั้นมีการเปิดเผยว่าเป็นการบาดเจ็บที่สะโพก ซึ่งต้องตรวจกันอีกครั้งว่าจะต้องพักนานขนาดไหน ขณะที่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บุกไปบดชนะ "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น 3-1 โดยทีมเยือนได้ประตูในช่วงเวลาหลังจากฝีเท้าของ ซาบี้ อลอนโซ นาที 69, ยอสซี เบนายูน นาที 79 และ "สตีวีจี" สตีเวน เจอร์ราร์ด นาที 90 ส่วนเจ้าถิ่นตีไข่แตกได้จาก โรเก ซานตา ครูซ นาที 86 ส่งผลให้ "หงส์แดง" ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป แข่ง 16 นัด มี 37 คะแนน ส่วน "กุหลาบไฟ" ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ หลังพบกับความปราชัยเป็นเกมนัดที่ 5 ติดต่อกัน จึงทำให้ยังคงเป็นทีมรองบ๊วย หลังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงได้อีกสัปดาห์ "ราฟา" ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ "หงส์แดง" กล่าวชื่นชมลูกทีมทุกคนว่า สามารถเผชิญหน้ากับแรงกดดันได้เป็นอย่างมาก แม้เกมนัดนี้ทีมของเขามีปัญหากับเรื่องฟอร์มการเล่นเป็นอย่างมาก แต่ทว่าทุกคนกลับสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาตำแหน่งจ่าฝูงได้สำเร็จ ก่อนที่จะต้องพบกับโปรแกรมสุดโหดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงนี้ ด้าน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี โชว์ฟอร์มเฉียบบุกไปเอาชนะ "เดอะทรอตเตอร์" โบลตัน ถึงถิ่นรีบอค สเตเดี้ยม 2-0 โดยได้ทั้ง 2 ลูกจากลูกโหม่งของ "นิโก้" นิโกลาส์ อเนลก้า นาที 9 และการกระโดดลอยตัววอลเลย์ของ เดโก้ นาที 21 ส่งผลให้ เชลซี สร้างสถิติใหม่เก็บชัยชนะนอกบ้านได้ถึง 10 เกมติดต่อกัน แถมยังเป็นการพังสถิติเก่าของ "ไก่เดือยทอง" ทอตแนม ฮอทสเปอร์ ที่เคยทำเอาไว้ 9 เกม เมื่อช่วงปี 1960 แต่ยังคงรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงเหมือนเดิม ส่วน โบลตัน อยู่อันดับ 10 เหมือนเดิม หลังจบเกม เรย์ วิลกินส์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" กล่าวแทน "บิ๊กฟิล" หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี เจ้านายของเขาว่า เชลซี สมควรเป็นผู้ชนะแบบไม่มีข้อตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทีมของเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าทีมของเขาจะสามารถทำลายสถิติชนะนอกบ้านของ สเปอร์ส ได้สำเร็จ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับ 3 คะแนนที่ได้รับจากเกมนัดนี้ ส่วน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เปิดสนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม เฉือนชนะ "ลาติกส์" วีแกน 1-0 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูชัยจาก เอมมานูเอล อเดบายอร์ ตั้งแต่นาที 16 ส่งผลให้เจ้าบ้านยังคงรั้งอันดับ 4 ขณะที่ทีมเยือนยังคงอยู่อันดับ 11 ซึ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" เชื่อว่าทีมยังรักษาโอกาสลุ้นตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเอาไว้ได้เหมือนเดิม หลังจากเก็บชัยชนะจากเกมนัดนี้ได้สำเร็จ แม้ว่าลูกทีมของเขาอาจต้องเผชิญหน้ากับความกดดันในช่วงท้ายเกม จึงทำให้เล่นกันได้ไม่ค่อยดีนัก แถมยังเกือบโดนทีมเยือนยิงประตูตีเสมออีกต่างหาก แต่ทว่าลูกทีมของเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์เหล่านั้นได้สำเร็จ ก่อนที่จะกลายเป็นผู้ชนะในที่สุด สำหรับผลคู่อื่น "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม เปิดรังคราเวน คอตเทจ ไล่ตามตีเสมอ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ 1-1 โดยทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก เบนจานี เอ็มวารูวารี นาที 6 แต่ทว่าเจ้าถิ่นทวงคืนได้จาก จิมมี บูลลาร์ด นาที 27, "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล เปิดถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค พลาดท่าโดน "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ตามตีเสมอ 2-2 โดยเจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำไปก่อนถึง 2 ลูกจากฝีเท้าของ ไมเคิล โอเว่น เหมาคนเดียวทั้งหมด นาที 8 และ 24 แต่ทีมเยือนตามทวงคืนได้จาก มามาดี ซิดิเบ นาที 60 และ อับดูลาย เฟย์ นาที 90, "เสือลาย" ฮัลล์ เปิดสนามเคซี สเตเดี้ยม ยิงแซงชนะ "เดอะโบโร่" มิดเดิลสโบรช์ 2-1 โดยทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก ตุนกาย ซานลี นาที 79 ก่อนที่เจ้าถิ่นยิงคืน 2 ประตูรวดจาก รอสส์ เทิร์นบูลล์ นายทวารทีมเยือนทำเข้าประตูตัวเอง นาที 80 และ มาร์ลอน คิง ยิงจุดโทษ นาที 85 สรุปอันดับคะแนน แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย แต้ม ลิเวอร์พูล 16 11 4 1 24 9 37 เชลซี 16 11 3 2 35 6 36 แมนฯ ยูไนเต็ด 15 9 4 2 27 10 31 อาร์เซนอล 16 9 2 5 28 19 29 ฮัลล์ 16 7 5 4 24 25 26 แอสตัน วิลล่า15 7 4 4 22 16 25 เอฟเวอร์ตัน 15 6 4 5 20 22 22 ปอร์ทสมัธ 15 6 4 5 18 22 22 ฟูแล่ม 15 5 5 5 13 12 20 โบลตัน 16 6 2 8 18 19 20 วีแกน 16 5 4 7 18 20 19 มิดเดิลสโบรช์ 16 5 4 7 16 23 19 สโต๊ค 16 5 4 7 17 27 19 แมนฯ ซิตี้ 16 5 3 8 30 24 18 เวสต์แฮม 15 5 3 7 17 22 18 นิวคาสเซิล 16 3 7 6 19 24 16 สเปอร์ส 15 4 3 8 17 21 15 ซันเดอร์แลนด์ 16 4 3 9 13 25 15 แบล็คเบิร์น 16 3 4 9 17 31 13 เวสต์บรอมวิช 15 3 2 10 11 27 11
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ