หน้า ศก./ ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด

หน้า ศก./ ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด โดย...นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ของแพง ค่าแรงถูก พอน้ำมันขึ้นราคาปุ๊บพ่อค้าก็โอดครวญขอขึ้นราคาสินค้าปั๊บ แถมบรรดารถโดยสารและขนส่งสินค้า ต่างพากันแสดงพลังขอขึ้นราคาผสมโรงไปด้วย ทำให้ผู้ที่มีหน้าที่คอยกำกับดูแลเรื่องราคาสินค้าและค่าขนส่ง ต้องแสดงบทลนลานออกอาการปกป้องประชาชนที่เคารพรักกันยกใหญ่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับราคาค่าโดยสารรถ และอัตราค่าบรรทุกสินค้าทั่วไปคือ กระทรวงคมนาคม ของท่านรัฐมนตรีสันติ และกระทรวงพาณิชย์ ของท่านรัฐมนตรีไชยา แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ "สันติ ลุนเผ่" นักร้องอาวุโสผู้ร้องเพลงปลุกใจได้เด็ดขาด แต่เป็น "สันติ พร้อมพัฒน์" ผู้แม้จะยังไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาเรื่องวุฒิการศึกษาได้กระจ่าง แต่ก็เปล่งรัศมีถึงขั้นระดับมีชื่อเป็นตัวเลือก ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศเช่นกัน และแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ ไชยา มิตรชัย เจ้าของเสียงเพลงกระทงหลงทาง ขวัญใจแม่ยก แต่เป็น ไชยา สะสมทรัพย์ ผู้อื้อฉาวบนเก้าอี้รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่ผ่านมา แต่หลังจากที่น้ำมันดำดิ่งลงมาจากราคาบาร์เรลละเกือบ 150 ดอลลาร์สหรัฐ จนปัจจุบันเหลือระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐเศษๆ ต่อบาร์เรล ราคาค่าโดยสารและค่าบรรทุกสินค้ายังไม่ได้รับการปรับปรุงให้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของราคาสินค้าต่างๆ ทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็นต่อการครองชีพ คราวที่น้ำมันขยับปรับราคาแพงขึ้น มีเพียงเสียงขอร้องอ่อยๆ บวกกับการออกข่าวถึงธงฟ้าราคาประหยัด ที่ระงมไปด้วยเสียงของผู้บริโภคโดยทั่วหน้า เพราะสินค้าทั้งหลายขึ้นราคาไปไม่ยกเว้นแม้แต่ข้าวราดแกงข้างถนน โดยที่คนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่สามารถแสดงความห้าวหาญออกมาให้เห็น นอกเหนือไปจากการเร่งรีบชุลมุน ที่จะประกาศปลดชื่อโรงสีที่มัวหมองจากการรับจำนำข้าว ออกไปจากบัญชีดำเพื่อล้างบางให้โรงสีเหล่านั้นกลับมาทำธุรกิจกอบโกยกำไร จากการรับจำนำข้าวเปลือกได้อีกต่อไป ครั้นพอถึงเวลาที่หนทางบนตำแหน่งรัฐมนตรีทำท่าจะถึงทางตัน ท่านรัฐมนตรี สะสมทรัพย์ ไชยา จากกระทรวงพาณิชย์ ท่านก็เร่งดำเนินการทำงานบนหน้าที่อย่างสมภาคภูมิ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาแบบสัดส่วน เพื่อรักษาสิทธิของจำนวนสมาชิกแห่งพรรคเอาไว้ แล้วก็ตามมาด้วยการสั่งการเพื่อให้สมกับหน้าที่ ของท่านสะสมทรัพย์ ไชยา อย่างเต็มที่ ด้วยการขายข้าวสารที่รับจำนำเอาไว้ชนิดที่คนวงในยังกังขาว่าเป็นการขายชนิดเร่งด่วนราวกับกลัวแผ่นดินจะแยกแตกออกไปเป็นเสี่ยง แถมราคาที่ขายออกไปยังทำให้หลายคนสงสัยว่าการซื้อขายกันในราคาที่เร่งด่วนแบบนี้ มีกำไรหรือขาดทุนกันกี่พันกี่ร้อยล้านบาทกันแน่ ความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจของไทยหลายคนคือ แล้วสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของคนไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกะปิ ข้าวสาร น้ำตาล น้ำปลา ฯลฯ ท่านไม่คิดจะสั่งการอย่างเร่งด่วน ให้ทำการปรับราคาลงมาช่วยคนที่มีข่าวว่าจะต้องถูกปลดออกจากงานกันอีกนับล้านคนบ้างเชียวหรือ เพราะคนทั่วไปเหล่านั้นเขาไม่มีทรัพย์ที่สะสมเอาไว้ พอให้เลี้ยงตัวเองในยามข้าวยากหมากแพงเงินหายากเช่นนี้นะครับท่าน