ข่าว

พสกนิกรปักหลักรับเสด็จฯ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประชาชต่างแต่งกายด้วยชุดดำไว้ทุกข์เดินทางปักหลักนั่งรอรับเสด็จฯ บริเวณด้านหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง

พสกนิกรปักหลักรับเสด็จฯ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง

สำหรับบรรยากาศวันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  แม้สำนักพระราชวังจะงดการเข้ากราบพระบรมศพ และปิดการจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว แต่ได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งต่างแต่งกายด้วยชุดดำไว้ทุกข์เดินทางปักหลักนั่งรอรับเสด็จฯ บริเวณด้านหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง เนื่องจากทราบว่าเวลา 07.00 น.และเวลา 10.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จฯ มาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร 100 วัน พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลายคนนำพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาชูเหนือศีรษะและกอดแนบอก พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องขณะขบวนเสด็จฯ เคลื่อนผ่าน ท่ามกลางสภาพอากาศค่อนข้างร้อนจัดตลอดทั้งวัน

พสกนิกรปักหลักรับเสด็จฯ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง

สมชาย วุติงาม 

นายสมชาย วุติงาม อายุ 39 ปี พนักงานร้านอาหารย่านคลองเตย กล่าวว่า ตั้งใจจะมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุด แต่ไม่ได้ติดตามข่าวว่าวันนี้งดการสักการะพระบรมศพ จึงตั้งใจรอรับเสด็จฯ เพราะอยากเห็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสักครั้งหนึ่ง ในชีวิตไม่เคยได้รับเสด็จฯ เลย วันนี้จึงได้พาลูกสาวลูกชายมาด้วย

“แม้ว่าจะไม่ได้กราบสักการะพระบรมศพในวันนี้ แต่ตั้งใจจะมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ส่วนตัวประทับใจในพระราชกรณียกิจเกือบทุกๆ ด้านของพระองค์ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ก็ได้สอนลูกๆ ทุกคนให้ทำความดี  และรู้จักพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ อย่าง กังหันชัยพัฒนา ตั้งใจว่าจากนี้จะทำความดี หลีกเลี่ยงอบายมุข ดูแลครอบครัวให้ดี เพื่อให้พระองค์ภูมิใจ” นายสมชายกล่าว

พสกนิกรปักหลักรับเสด็จฯ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง

บังอร กันหาชัย และสามี 

นางบังอร กันหาชัย อายุ 53 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ที่มารอรับเสด็จฯ พร้อมสามี กล่าวว่า เมื่อก่อนยังอาศัยอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งที่บ้านไม่ค่อยมีฐานะ จึงเดินทางเข้าเมืองลำบากทำให้ไม่มีโอกาสได้รับเสด็จในหลวง รัชกาลที่ 9 แค่ได้ติดตามข่าวพระราชกรณียกิจและเห็นพระองค์ทางโทรทัศน์ก็ปลาบปลื้มใจมากแล้ว ตัวเองและครอบครัวรักพระองค์มาก เมื่อพูดหรือนึกถึงก็อยากจะร้องไห้ พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชน และเสด็จพระราชดำเนินไปช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ โดยไม่ถือพระองค์

นางบังอร กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตัวเองมาทำงานและอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ประมาณ 6 ปีแล้ว จึงมีโอกาสได้มากราบสักการะพระบรมศพแล้ว 4 ครั้ง แม้บางครั้งจะต้องรอกว่า 7 ชั่วโมง แต่ก็รู้สึกว่าไม่นานเลย ดีใจและตื้นตันใจที่ได้มา วันนี้ทราบข่าวว่าปิดการสักการะกราบพระบรมศพ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร จึงอยากมาเฝ้าฯ รับเสด็จ

พสกนิกรปักหลักรับเสด็จฯ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง

กลุ่มวิ่งเพื่อพ่อ 

ด้านนายธรรมนูญ เพชรถึง อายุ 65 ปี อาชีพค้าขาย ในฐานะหัวหน้ากลุ่มวิ่งเพื่อพ่อ (รัน ฟอร์ คิง) ที่วันนี้นำสมาชิกกลุ่มหลายสิบคนออกวิ่งและปั่นจักรยานแต่เช้ามืดจากย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี โดยมีจุดหมายที่พระบรมมหาราชวัง กล่าวว่า หลังจากในหลวง ร.9 สวรรคตก็ได้รวมตัวกันเริ่มต้นวิ่งโดยตั้งปณิธานจะวิ่งให้ครบ 100 วัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี แต่คงเทียบไม่ได้กับที่ในหลวง ร.9 แบกรับประชาชนของพระองค์มา 70 ปี

“เรารวมกลุ่มกันได้ร้อยกว่าคน มาจากหลายกลุ่ม เช่น ชมรมราชพฤกษ์ ,ชมรมอุทยานนนท์, ชมรมสวนธน, ชมรมสนามศุภฯ, ชมรมบางขุนพรหม, ชมรมรวมใจถวายสมเด็จย่า นนทบุรี เป็นต้น ทุกคนมีใจเดียวกันคือรักในหลวงร.9 จึงตั้งใจวิ่งทุกวันอาทิตย์เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2559 จนถึงวันนี้ โดยนัดกันที่ห้างพันธุ์ทิพย์ สาขางามวงศ์วาน ตอนตี 4 ครึ่ง วิ่งไปตามเส้นทางผ่านคลองประปา ประชาชื่น เตาปูน สะพานแดง ตลาดบางซื่อ สะพานพระราม 5 พระราชวังสวนจิตรลดา ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนิน และพระบรมมหาราชวัง ระยะทางราว 20 กิโลเมตร บางวันมีกิจกรรมเสริมแปรอักษรเป็นเลขเก้าไทยที่สะพานพระราม 8 และวันนี้เป็นวันสุดท้าย ครบ 100 วันการสวรรคต จากนั้นจะทำดีต่อด้วยการไปช่วยงานวิ่งการกุศลที่สวนนงมินทร์ ย่านบึงกุ่มเพื่อระดมทุนไปช่วยพี่น้องชาวใต้ที่กำลังเดือดร้อนจากน้ำท่วมหนัก” นายธรรมนูญ กล่าว

พสกนิกรปักหลักรับเสด็จฯ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง

สิริกาญจน์ เนติวิธวรกุล- จำเนียร มาลากุล- รัศมี พรตรีสัตย์

นางจำเนียร มาลากุล อายุ 56 ปี ชาวภาษีเจริญและนางสิริกาญจน์ เนติวิธวรกุล อายุ 72 ปี ชาวปากน้ำ ที่รักและเทิดทูนในหลวงร.9 เปรียบดั่งพ่อของแผ่นดิน เดินทางมารอเฝ้าฯ รับเสด็จตั้งแต่ 06.00 น. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันแรกและเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หลังจากนั้นก็จะเดินทางมาเรื่อยๆ ทุกวัน โดยพยายามจัดสรรเวลาทำงาน (ขายข้าวแกง) และเวลาที่จะมารอกราบพระบรมศพ ซึ่งไม่สามารถนับครั้งได้ ทั้งนี้เพราะด้วยรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทำเพื่อประชาชน เสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดารช่วยเหลือประชาชนให้มีความกินดีอยู่ดี พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีไม่ว่าในเรื่องของความพอเพียง การสอนให้เรารักสามัคคีกัน จึงตั้งใจที่จะสานต่อพระราชปณิธานด้วยการทำความดี มีความเมตตา อย่างส่วนตัวมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงก็จะขายในราคาเพียง 10 บาท หรือใครไม่มีเงินก็ให้กินฟรี อีกทั้งยังได้บอกเล่าเรื่องราวของพระองค์ให้ลูกหลานฟัง เพื่อปลูกฝังให้รักในสถาบันพระมหากษัตริย์ และเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงทำอะไรไว้ให้พวกเราบ้าง 
นางจำเนียร และนางสิริกาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ด้วยตัวเองเดินทางมากราบมากกว่า 89 ครั้ง ภาพพระบรมโกศและพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงร.9 ที่ได้รับเป็นที่ระลึก รวมถึงข้าวเปลือกพอเพียงมีจำนวนมาก จึงตั้งใจจะนำไปแจกให้แก่ผู้สูงอายุในต่างจังหวัดที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามากราบพระบรมศพ อีกทั้งหลังจากนี้ก็ยังจะมาเข้าแถวขึ้นกราบพระบรมศพต่อไปเรื่อยๆ จึงอยากจะนำข้าวเปลือกพอเพียงที่มีมาแจกให้แก่ประชาชนด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ