“เกาลัด” สุดยอดเมล็ดพันธุ์พืช

       เทศกาลปีใหม่ และคริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว อาหาร และขนมต้อนรับวันหยุดต่างๆ มักจะมีส่วนผสมของเครื่องปรุงพิเศษอย่างหนึ่งซึ่งขาดไม่ได้ในช่วงนี้ก็คือ “เกาลัด” นั่นเอง ชาวตะวันตกถือว่า เกาลัดนั้นเป็นสัญลักษณ์ของช่วงวันหยุดเลยทีเดียว แต่ว่าไม่เพียงแต่ช่วงเทศกาลเท่านั้น เกาลัดจะรับประทานเมื่อไหร่ก็มีประโยชน์แถมยังเป็นของที่หาได้ทั่วไปในประเทศไทย ถ้าอยากจะได้เกาลัดคั่วร้อนๆ สดใหม่ก็สามารถไปแถวเยาวราชมีให้เลือกเยอะทีเดียว

       เกาลัดเป็นที่นิยมทั้งของชาวตะวันตก และชาวตะวันออก คนไทยเรา เรียกว่า “เกาลัด” ชาวจีน เรียกว่า “เลียกก้วย” “ไต่เลียก” หรือ “ปังเลียก” ภาษาอังกฤษ คือ เชสนัท (Chestnut) ต้นเกาลัดนั้นสูงใหญ่ให้ผลผลิตยาวนาน ปลูกกันในประเทศกึ่งร้อน ที่มีสภาพหนาวเย็น และมีอุณหภูมิเหมาะกับการปลูกเกาลัด ในประเทศจีนปลูกกันเยอะมาก จนได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งเมล็ดพันธุ์พืช” นอกจากนี้ยังหาได้ในประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิตาลี หลายคนอาจจะสงสัยว่าเกาลัดเป็นพืชตระกูลไหนกัน เกาลัด หรือเชสนัทเป็นพืชจำพวกถั่ว เมล็ดเปลือกแข็ง ที่ประกอบไปด้วยแป้ง ถึงแม้ว่าจะมีคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก แต่ว่าเซสนัทนั้นมีไขมันต่ำ อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินบี โพแทสเซียม คอปเปอร์ แมกนีเซียม กรดอะมิโน กรดโฟลิกเช่นเดียวกับถั่วอัลมอนด์ และมะม่วงหิมพานต์ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงมาก เกาลัด 100 กรัม มีพลังงาน 195 แคลอรี มีไฟเบอร์ 3 กรัม ซึ่งสูงกว่าวอลนัท พีแคน และพิสตาชิโอเสียอีก เกาลัดมีฤทธิ์อุ่น และมีรสหวาน จึงเป็นของรับประทานเล่นได้ดี แต่ผู้ที่ร้อนใน หรือไขข้ออักเสบไม่ควรรับประทาน จะนำมาเป็นส่วนผสมในอาหาร หรือขนมต่างๆ ก็ได้เช่นกัน รับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงร่างกาย ไม่ให้ร่างกายอ่อนแอ บำรุงไต ม้าม และกระเพาะอาหาร เสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมทั้ง ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยห้ามเลือด ผู้ที่เลือดกำเดาไหลได้ง่ายอาการจะดีขึ้น และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เด็กๆ ก็รับประทานได้ เพราะช่วยบำรุงหัวใจ และระบบประสาทของเด็กๆ ด้วย

       นอกจากเกาลัด หรือเชสนัทจะเป็นของรับประทานเล่นอันทรงคุณค่าแล้วยังเป็นส่วนผสมในการทำอาหาร และของหวานที่ดีเยี่ยมอีกด้วย สัปดาห์นี้มิ้งค์มีสูตรของคาว และของหวานมานำเสนออย่างละสูตร “ซุปมิเนสโตรเน่” ซุปผักยอดฮิต เครื่องปรุง ได้แก่ น้ำต้มกระดูกไก่ 2 ถ้วย หัวหอมสับ แครอท มันฝรั่ง ฟักทอง และเกาลัดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ผักโขม ไส้กรอกโชริโซ่ มะเขือเทศบดแบบกระป๋อง 2 ถ้วย ต้มน้ำต้มกระดูกไก่ในหม้อใหญ่จนเดือดใส่สวนผสมทุกอย่างลงไปเคี่ยวไปเรื่อยๆ จนเข้ากันดี ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และปาปริก้า สำหรับของหวาน “เค้กเกาลัด” นั้นก็ทำไม่ยากเลย เตรียมแป้งผสมผงฟู 2 ถ้วย น้ำตาล ½ ถ้วย นม ½ ถ้วย เนยละลายแล้ว 125 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 2 ฟอง และที่ขาดไม่ได้ เกาลัดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย ตีไข่ในชามผสมขนาดเล็ก ส่วนผสมที่เหลือตีให้เข้ากันในชามผสมขนาดใหญ่ ใส่เกาลัดทีหลังสุด ใช้ไม้พายคนให้ทั่วแป้งที่ผสมไว้แล้ว เทใส่ถาดอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 40 นาที นำออกจากเตาใช้ไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มลงไปในเนื้อเค้กถ้าไม่มีแป้งเค้กเป็นน้ำติดออกมาก็แปลว่าเค้กเกาลัดสุกพร้อมรับประทานค่ะ